🌺นิวรณ์ 5...ไม่ว้าวุ่นด้วย 5 เคล็ดลับสำหรับนั่งสมาธิ🌺
ปัญหาเบื้องต้น ท่ามกลางบ้าง หลักๆ ของผู้กำลังฝึกสมาธิ คือ เมื่อนั่งสมาธิแล้ว ใจมักว้าวุ่น มีความยากลำบากในการวางใจ ตึงเครียดไป สติย่อหย่อนไป ใจไม่ยอมหยุดนิ่ง
โดยสรุป คือ เนื่องจากว่ามีสาเหตุสำคัญคือ นิวรณ์ 5 ประการมาเป็นเครื่องกั้นนั่นเอง
☀️นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกั้น หมายถึง สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ คิอกั้นไม่ให้ใจของเรา หรือเห็น จำ คิด รู้ เข้าไปถึงดวงธรรมภายใน ไม่ให้ใจของเราตกศูนย์เข้าไป ถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ ใส บริสุทธิ์ โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ แล้วก็ลอยขึ้นมาเป็นดวงปฐมมรรค คือกั้นไม่ให้เข้าถึงปฐมมรรค เรียกว่า "นิวรณ์ 5" ได้แก่...
👉1.กามฉันทะ คือ การตรึกถึงเรื่องเพศ เรื่องทรัพย์สมบัติ หรือเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น เป็นความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ได้แก่ ความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งสัมผัสทางกาย) อันน่ายินดี น่ารักใคร่พอใจ รวมทั้งความคิดอันเกี่ยวเนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น
🚩วิธีแก้ไข : พิจารณาโทษของกาม, พิจารณาอสุภะ (ความไม่งามของสังขารร่างกาย)
👉2.พยาบาท ความขุ่นมัว ขัดเคืองใจ มุ่งร้ายเขา คือ ความโกรธ ความไม่พอใจ ขัดเคืองใจ
🚩วิธีแก้ไข : พิจารณาโทษของความโกรธ, ให้อภัยทาน แผ่เมตตา เป็นเพื่อร่วมเกิด แก่ เจ็บตาย ไม่เกิน ๑๐๐ ปีก็ตายจากกัน
👉3. ถีนมิทธะ คือ ความง่วง ความท้อ เคลิบเคลิ้ม
แยกเป็นถีนะ คือ ความหดหู่ท้อถอย และ
มิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน
ถีนะและมิทธะนั้นมีอาการแสดงออกที่คล้ายกันมาก คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึมเหมือนกัน แต่มีสาเหตุที่ต่างกันคือ
ถีนะเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ทำให้เกิดความย่อท้อ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังที่จะทำความเพียรต่อไป
ส่วนมิทธะนั้นเกิดจากความเมื่อยล้าอ่อนเพลียของร่างกาย หรือจิตใจจริง ๆ เนื่องจากตรากตรำมามาก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่มากเกินไป
🚩วิธีแก้ไข : วิธีการที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพระมหาโมคคัลลานะ เช่น ตรึกธรรมะ, นึกถึงแสงสว่าง ฯลฯ
👉4.อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุ้งคิดไปในเรื่องราวต่างๆ
อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านของจิต และกุกกุจจะคือความรำคาญใจ
อุทธัจจะนั้นคือการที่จิตไม่สามารถยึดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน จึงเกิดอาการฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไปเรื่องนั้นเรื่องนี้
ส่วนกุกกุจจะนั้นเกิดจากความกังวลใจ หรือไม่สบายใจถึงอกุศลที่ได้ทำไปแล้วในอดีต ว่าไม่น่าทำไปอย่างนั้นเลย หรือบุญกุศลต่าง ๆ ที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ ว่าน่าจะได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
🚩วิธีแก้ไข : ฝึกลมหายใจเข้า-ออกให้ลึกๆ ยาวๆ, ฝึกสติ, ทำใจสบาย, ปล่อยวาง
👉5.วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย สงสัยว่ามีจริงไหม คนอย่างเราจะสามารถเข้าถึงธรรมหรือไม่ ? หรือมีคนอื่นเข้าถึงหรือไม่?
วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ หรือไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หรือควรทำแบบไหนดี จิตจึงไม่อาจมุ่งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งได้อย่างเต็มที่ สมาธิจึงไม่เกิดขึ้น
🚩วิธีแก้ไข : หมั่นศึกษา & สอบถามครูบาอาจารย์
เพื่อพัฒนาให้มีสมาธิก้าวหน้า
☀️นิวรณ์ 5 นี้เป็นเครื่องกั้นไม่ให้เราเข้าถึงธรรมภายใน อุปมาเหมือนเรามีดวงตาที่สามารถเห็นอะไรก็ได้ แต่ถูกถุงดำมาสวมศีรษะครอบเอาไว้ถึง 5 ชั้น ทำให้มองอะไรไม่เห็นไปตามความเป็นจริง ถุงดำ 5 ชั้นก็คล้ายๆ กับนิวรณ์ทั้ง 5 นี่แหละ เพราะนิวรณ์มันดำมืดเป็นเครื่องกั้นในการเห็น ไม่ให้ใจเราเข้าถึงดวงธรรม ถึงดวงปฐมมรรค แม้มีอยู่ในตัว ก็เข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่ามี เราจึงไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง ไม่เคยอบอุ่นใจเลย เพราะเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย
🔰ที่มา : นิวรณ์ 5, หนังสือ "ง่ายแต่ลึก" เล่ม 4
นิวรณ์ ๕... เจ้าต้นเหตุทำให้จิตว้าวุ่น ของผู้เพียรปฏิบัติธรรม แก้อย่างไรไปดูกัน..
🌺นิวรณ์ 5...ไม่ว้าวุ่นด้วย 5 เคล็ดลับสำหรับนั่งสมาธิ🌺
ปัญหาเบื้องต้น ท่ามกลางบ้าง หลักๆ ของผู้กำลังฝึกสมาธิ คือ เมื่อนั่งสมาธิแล้ว ใจมักว้าวุ่น มีความยากลำบากในการวางใจ ตึงเครียดไป สติย่อหย่อนไป ใจไม่ยอมหยุดนิ่ง
โดยสรุป คือ เนื่องจากว่ามีสาเหตุสำคัญคือ นิวรณ์ 5 ประการมาเป็นเครื่องกั้นนั่นเอง
☀️นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกั้น หมายถึง สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ คิอกั้นไม่ให้ใจของเรา หรือเห็น จำ คิด รู้ เข้าไปถึงดวงธรรมภายใน ไม่ให้ใจของเราตกศูนย์เข้าไป ถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ ใส บริสุทธิ์ โตเท่ากับฟองไข่แดงของไก่ แล้วก็ลอยขึ้นมาเป็นดวงปฐมมรรค คือกั้นไม่ให้เข้าถึงปฐมมรรค เรียกว่า "นิวรณ์ 5" ได้แก่...
👉1.กามฉันทะ คือ การตรึกถึงเรื่องเพศ เรื่องทรัพย์สมบัติ หรือเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น เป็นความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในกามคุณอารมณ์ ได้แก่ ความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งสัมผัสทางกาย) อันน่ายินดี น่ารักใคร่พอใจ รวมทั้งความคิดอันเกี่ยวเนื่องด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น
🚩วิธีแก้ไข : พิจารณาโทษของกาม, พิจารณาอสุภะ (ความไม่งามของสังขารร่างกาย)
👉2.พยาบาท ความขุ่นมัว ขัดเคืองใจ มุ่งร้ายเขา คือ ความโกรธ ความไม่พอใจ ขัดเคืองใจ
🚩วิธีแก้ไข : พิจารณาโทษของความโกรธ, ให้อภัยทาน แผ่เมตตา เป็นเพื่อร่วมเกิด แก่ เจ็บตาย ไม่เกิน ๑๐๐ ปีก็ตายจากกัน
👉3. ถีนมิทธะ คือ ความง่วง ความท้อ เคลิบเคลิ้ม
แยกเป็นถีนะ คือ ความหดหู่ท้อถอย และ
มิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน
ถีนะและมิทธะนั้นมีอาการแสดงออกที่คล้ายกันมาก คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึมเหมือนกัน แต่มีสาเหตุที่ต่างกันคือ
ถีนะเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ทำให้เกิดความย่อท้อ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังที่จะทำความเพียรต่อไป
ส่วนมิทธะนั้นเกิดจากความเมื่อยล้าอ่อนเพลียของร่างกาย หรือจิตใจจริง ๆ เนื่องจากตรากตรำมามาก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่มากเกินไป
🚩วิธีแก้ไข : วิธีการที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพระมหาโมคคัลลานะ เช่น ตรึกธรรมะ, นึกถึงแสงสว่าง ฯลฯ
👉4.อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความฟุ้งคิดไปในเรื่องราวต่างๆ
อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านของจิต และกุกกุจจะคือความรำคาญใจ
อุทธัจจะนั้นคือการที่จิตไม่สามารถยึดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน จึงเกิดอาการฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไปเรื่องนั้นเรื่องนี้
ส่วนกุกกุจจะนั้นเกิดจากความกังวลใจ หรือไม่สบายใจถึงอกุศลที่ได้ทำไปแล้วในอดีต ว่าไม่น่าทำไปอย่างนั้นเลย หรือบุญกุศลต่าง ๆ ที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ ว่าน่าจะได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้
🚩วิธีแก้ไข : ฝึกลมหายใจเข้า-ออกให้ลึกๆ ยาวๆ, ฝึกสติ, ทำใจสบาย, ปล่อยวาง
👉5.วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย สงสัยว่ามีจริงไหม คนอย่างเราจะสามารถเข้าถึงธรรมหรือไม่ ? หรือมีคนอื่นเข้าถึงหรือไม่?
วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ หรือไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หรือควรทำแบบไหนดี จิตจึงไม่อาจมุ่งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งได้อย่างเต็มที่ สมาธิจึงไม่เกิดขึ้น
🚩วิธีแก้ไข : หมั่นศึกษา & สอบถามครูบาอาจารย์
เพื่อพัฒนาให้มีสมาธิก้าวหน้า
☀️นิวรณ์ 5 นี้เป็นเครื่องกั้นไม่ให้เราเข้าถึงธรรมภายใน อุปมาเหมือนเรามีดวงตาที่สามารถเห็นอะไรก็ได้ แต่ถูกถุงดำมาสวมศีรษะครอบเอาไว้ถึง 5 ชั้น ทำให้มองอะไรไม่เห็นไปตามความเป็นจริง ถุงดำ 5 ชั้นก็คล้ายๆ กับนิวรณ์ทั้ง 5 นี่แหละ เพราะนิวรณ์มันดำมืดเป็นเครื่องกั้นในการเห็น ไม่ให้ใจเราเข้าถึงดวงธรรม ถึงดวงปฐมมรรค แม้มีอยู่ในตัว ก็เข้าไม่ถึง เมื่อเข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่ามี เราจึงไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง ไม่เคยอบอุ่นใจเลย เพราะเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย
🔰ที่มา : นิวรณ์ 5, หนังสือ "ง่ายแต่ลึก" เล่ม 4