ยอมเป็นหนี้เพื่อช่วยเหลือกันยามยาก แต่สุดท้ายโดนแช่งโดนด่า ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี

เราคบกับแฟนมา 10 ปี ตั้งแต่แรกก็ขอยืมเงิน ไปกินไปเที่ยวเราจ่ายซะส่วนใหญ่ รายได้ตอนคบกันใหม่ๆ เรามากกว่าเค้าเท่าตัว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ มีอยู่วันนึงรายได้เริ่มไม่พอกับค่าใช้จ่ายเป็นเราที่ต้องหาทางออก บอกแฟนประหยัดบ้างก็ไม่สนใจ อยากได้นั่นอยากได้นี่ ไม่ได้ดั่งใจก็บ่นไม่พอใจ เราก็ตัดรำคาญ ซื้อให้ตลอดตามความต้องการ ต่อมาเราไม่สามารถจ่ายหนี้บัตรได้อีกปล่อยติดแบลคลิสจนที่บ้านเดือดร้อน แฟนตกงานเราก็ขอจากที่บ้านมาใช้บ้าง จนที่บ้านเริ่มไม่ให้ บ้านแฟนแทบไม่เคยช่วยเหลืออะไร จนกระทั่งมีปัญหาที่ต้องเป็นคดีถึงจะช่วย สักพักทำงานเข้าที่เข้าทางก็อยากได้คอนโดเพราะเช่าห้องมันราคาเท่าผ่อนคอนโดก็ตัดสินใจซื้อ แต่แฟนติสแบลคลิสเราเสียสละให้เค้าปิดหนี้โดยเงินค่าใช้จ่ายอื่นๆเราช่วยรับผิดชอบ ส่วนเงินปิดหนี้นั้นเค้ารับผิดชอบ เราไม่เคยคิดอะไรนอกจากว่าช่วยกัน ขอย้อนกลับไปก่อนจะซื้อคอนโดเราตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซ แต่ต้องมีเงินดาวน์ใช้ชื่อเค้าซื้อแต่ไม่มีเงินดาวน์เราเป็นคนไปขอยืมญาติมาจ่ายบางเดือนเราก็จ่ายค่าผ่อนรถให้ เราก็บ่นว่ามอไซด์เป็นชื่อเทอเราหาเงินมาดาวน์ไม่พอช่วยผ่อนอีก บางเดือนก็พอใช้บ้างไม่พอใช้บ้างเพราะเค้าอยากได้รองเท้า นาฬิกา เสื้อผ้า เป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองแต่การดูแลนั้นไม่เคยคิดว่าจะต้องเก็บเงินหรืออะไร มีเงินเดือนเป็นของตัวเองเอาเงินเดือนตัวเองไปซื้อสิ่งที่ตัวเองอยากได้ แต่ค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างเราจ่าย บางเดือนไม่พอเราต้องหายืมที่บ้านมาใช้ จนโดนที่บ้านบ่นเป็นแบบนี้เรื่อยๆ บ่อยจนเราเริ่มบ่นว่าซื้อของที่อยากได้จนลำบาก แต่เค้าตอบกลับมาว่า เงินเค้าเค้าซื้อของเค้าเองไม่ได้ขอเงินเราไปซื้อ เราก็โกรธนะ แต่เราก็ปล่อยผ่าน จนไปถึงเรื่องซื้อคอนโด คุยกันว่าจะซื้อคอนโดแล้วเงินเหลือจะเอาเงินมาปิดบัตรให้เรา แต่สุดท้ายไม่ได้ปิดเพราะไม่พอจะซื้อของเข้าคอนโด ก่อนซื้อคอนโดก็เอาเงินไปปิดหนี้ของเค้าก่อนและวางมัดจำ ส่วนค่าเช่าห้อง ค่าต่างๆเราจ่าย จากนั้นธนาคารโทรมาบอกว่าอนุมัติคอนโดแล้วนะแต่ต้องวางเงินก่อนเข้า เค้ารีบโทรมาหาเราเพื่อจะให้เราหาเงินไปวางเพื่อจะได้ทำสัญญาซื้อขายและย้ายได้ หากไม่ได้ตามกำหนดก็หลุด เค้าโทรจิกให้เราหาเงินให้ได้ ตอนนั้นเงินเราไม่พอ สุดท้ายเราก็ต้องไปยืมคนในออฟฟิศเพื่อไปทำสัญญา พอจะต้องย้ายเข้าคอนโด ต้องมี ผ้าม่าน ที่นอน จ้างรถขนของ เราต้องเป็นฝ่ายไปหากู้นอกระบบมาให้ เราก็ถามว่า คอนโดและรถเป็นของเทอหมดเลยนะ แต่เราช่วยทุกอย่าง ได้คำตอบมาว่าเครดิตเราไม่ดียังไงก็ต้องเป็นชื่อเค้าก่อน มีการตกลงกันว่าเมื่อจ่ายครบก็จะยกให้เรา หนี้ที่เราไปกู้นอกระบบมาเราช่วยจ่าย ค่าคอนโดเค้าจ่าย ค่ากินค่าอยู่ ค่าเดินทางจ่ายกันเอง แต่ของใช้ในบ้านจิปาถะเราจ่ายทั้งหมด บางเดือนเค้าอยากได้อะไรก็ซื้อ โดยที่เอาเงินเดือนตัวเองไปซื้อส่วนค่าใช้จ่ายอื่นเราจ่ายแทนไปก่อน ก็จะทะเลาะกันเรื่องพวกนี้ประจำ บางทีเราก็เหนื่อย อยู่คอนโดได้สักพักเราก็ลาออกจากงานได้ประมาณ 1-2 เดือนเค้าก็ตกงานตามเราแต่ก็ได้เงินมา 1 ก้อนเค้าก็ซื้อมือถือให้เรา เพราะมือถือเราพัง(แต่ตอนนี้ทวงว่าเค้าซื้อให้นะ) เงินก็ยังพอเหลือไว้ใช้ชีวิตต่อและใช้หนี้ต่อ เราได้งานทำก่อน ส่วนเค้าหายังไม่ได้เราก็เป็นคนหาทางช่วยแนะนำกันไป เค้าถึงได้งาน พอเค้าได้งานก็โดนให้ออกเพราะว่าทำงานกับคนอื่นไม่ได้ ไม่นานก็ได้งานใหม่ การที่ได้งานใหม่ครั้งนี่เค้าได้เงินเดือนมากกว่าเรา เราก็ดีใจกับเค้าด้วยนะเพราะก็จะได้มีเงินเหลือบ้าง พอเงินเดือนเค้าออกเค้าเอาไปซื้อมือถือใหม่ เราเข้าใจว่าพังก็ซื้อไป เราก็ช่วยรับผิดชอบหนี้และคอนโด และอื่นๆในบ้าน เค้าเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลังจากไปทำงานที่นี่ คือ เริ่มทำตัวไฮโซ กินก็เริ่มแพงกว่าเดิม สังคมเค้ามีแต่เด็กจบนอกเราก็บอกเค้าเปลี่ยนไป เค้าก็ด่าและทะเลาะกับเรา เราตกงานก็จะกระแนะกระแหนเหยียดเรา แต่พอเราทำงานมีเงินเดือนถึงคุยดีกับเรา พอเราตกงานก็ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก เราก็เริ่มทนไม่ไหวก็เลิกกัน สุดท้ายก็ไปง้อเรากลับมาและในระหว่างง้อ ก็ขอยืมเงินเราไปหาหมอ ยืมให้เพื่อน สักพักเค้าก็มีปัญหาที่ทำงานเราก็ฝากให้เค้าเข้าไปทำงานที่เก่าเราและดันให้ได้เงินเดือนมากขึ้น จากนั้นเค้าอยากได้รถยนต์ และบ้านก็เลยทำเรื่องกู้ จากนั้นมีปัญหาที่ทำงานอีกเราก็ช่วยและหาทางออก ช่วยหารายได้เพราะตอนนั้นเราตกงานเราก็ไม่คิดอยู่เฉยๆ เพราะเรารู้ว่าหากปล่อยให้นานกว่านี้เค้าจะลำบากเค้าคนเดียวและหนักมากๆ เราก็ตัดสินใจหาวิธีหาเงินด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งตอนนั่นไม่ได้กู้นะคะ เพื่อช่วยเค้า ซึ่งก่อนตกงานครั้งนี้ เค้าให้เราไปไล่หากู้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์นั้น เราก็ต้องหาวิธีจนเราไม่มีเวลาทำงานของเรา เราต้องเอาเวลาทำงานมาหาทางออกให้เค้า จากนั้นก็แก้ไขได้บางส่วน แต่งานเรานี่สิ่ผิดพลาดไปหมด จนที่ทำงานไม่ให้ผ่านทดลองงานและให้ออก พอดีพ่อเราป่วยเราก็ต้องขับรถไปต่างจังหวัดกันและยืมเงินเดือนเค้ามาจ่ายค่าต่างๆไปก่อนในระหว่างนั้นพอเงินทางเราได้มาเราก็จ่ายค่าบ้านให้เค้าและใช้จ่ายด้วยกัน พอดีหลังจากนั่นเค้าเริ่มมีปัญหากับที่ทำงานอีก เราก็ช่วยหาทางและกู้นอกระบบในส่วนนี้มาช่วยเค้าโดยการจำนำรถไว้ที่เพื่อนเราเอง ในระหว่างเคลียร์ปัญหาเงินกู้นอกระบบเราก็จ่ายดอกหาทางหมุนไปเรื่อยๆ โดยการทำธุระกิจของเรา จนเค้าตกงานและเคลียร์ยอดหนี้ในส่วนที่เอารถไปจอดเหลือเงินอยู่ประมาณ 40,000 กว่าๆ เราก็บอกไปแล้ว ว่าอาจจะไม่พอนะ เพราะยังต้องจ่ายดิกที่เหลืออยู่ เค้าบอกกับเราว่าที่บ้านจะให้เงินทุน 200,000 และขอพักผ่อนก่อนยังไม่อยากทำงาน ผ่านไป 2 เดือนก็ไม่ทำงาน และก็ทะเลาะกัน วันๆเค้านั่งเล่นเกมส์ และเอฟพระกล่อง จนเราบอกทำไมไม่หางานทำเราหารายได้คนเดียวเราเหนื่อย เค้าบอกว่าเค้ารอสมบัติที่บ้านจะไม่ทำงานก็ได้ เค้าไม่จ่ายค่างวดรถมา 6 เดือนไฟแนนซ์โทรมาทวงจะยึดรถ เค้ามาบอกเราว่าทำไงดีเราก็หาทางและเอาเงินส่วนที่ทำธุรกิจและเปียร์แชร์มาจ่ายให้และจ่ายงวดรถต่อ เงินทุนก็เริ่มลดลงไป ในระหว่างช่วง 6 เดือนเค้ามีรายได้จากการปล่อยเช่าคอนโด และเงินประกันสังคม ซึ่ง ณ เวลานั้นค่าคอนโดไม่ได้จ่ายแล้ว และบ้านก็ไม่ได้จ่ายเพราะเราก็เอาเงินลงทุนส่วนนั้นไปจ่ายค่ารถไปแล้ว และเค้าก็ปล่อยให้เราทำธุรกิจคนเดียว โดยเค้าไม่สนใจ ค่าใช้จ่ายในบ้าน การหมุนเงินอยู่ที่เราทั้งหมด ประจวบเหมาะกับลูกค้าที่เช่าคอนโดหมดสัญญาและย้ายออกพอดี ต้องคืนเงินประกันให้ลูกค้า สรุปเดือนนั้นเงินที่เป็นรายได้ของเค้าเป็นเดือนสุดท้าย ทุนในการลงทุนของเราก็น้อยลง ต่อมาเราเห็นช่องทางทำเงินได้เราก็ไปกู้เงินมาเพื่อเพิ่มทุนเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนแฟนหรอไม่สนใจอะไรเลย วันๆเล่นเกมส์ งานไม่หาทำ ไม่ทำอะไรเลยจริงๆบอกแต่ว่ารอสมบัติ จนสุดท้ายเราโดนโกง และเค้าก็ต้องช่วยเราโดยเอารถไปจอดให้ใช้หนี้ก่อน เราก็ต้องออกไปหางานทำ ซึ่งเค้าก็ยังไม่หางานทำ รอเงินสมบัติ สุดท้ายเราบอกว่าเราไม่ไหวแล้วนะหากให้เราทำงานคนเดียว เพราะใช้หนี้และค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งในระหว่างนั้นธุรกิจก็ล้มแล้วเราก็ต้องไปกู้เงินมาเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว จากนั้นแฟนก็เริ่มด่าเรา ให้เราไปทำงานคนเดียว ที่ทำงานไกลก็สมน้ำหน้าเรา บอกว่าลำบากไปเรื่องของ ทำตัวเอง ไม่เชื่อกูเองช่วยไม่ได้ ทังๆที่ตอนเราทำ เค้าก็เห็นดีเห็นงาม ได้เงินมา เห็นเงิน ได้ใช้เงินก็ไม่เห็นพูดอะไร จนสถานะการบีบให้เค้าต้องออกไปหางานทำ เค้าบอกว่าเค้าต้องออกไปหางานทำเพราะต้องมาช่วยรับผิดชอบการกระทำในส่วนที่เค้าไม่ได้ก่อ ยิ้มเชื่อคนง่าย โง่เล่นแต่แชร์ สร้างความเดือนร้อนให้เค้า เราทำงานไปสักระยะบริษัทเลิกจ้างเรา และเราก็ตกงานได้ 20 วัน และได้งานใหม่ซึ่งเค้าทำงานได้ 2 เดือนกว่าเค้าก็ลาออกเพราะว่าเห็นเราได้งานแล้ว เราก็อดทนทำงานคนเดียวและรับผิดชอบหนี้คนเดียว ส่วนเค้าไม่ทำงานค่ะ เล่นเกมส์ ดูข่าวการเมือง ด่านั่นด่านี่ บอกหางานทำไม่ได้ เราทำงานเลิกดึกโทรมาด่าว่าอีเห อยู่ไหนไม่กลับบ้านวะ กูหิว อยู่บ้านเฉยๆก็โทรมาให้เราแวะซื้อของกินมาให้ เราเดินทางใช้รถปนะจำทาง 3 ต่อ ช่วงนั้นเราไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ เราไม่อยากเจอเค้า ทำงานก็เหนื่อย เจอหน้าก็ด่าว่าอีชิบห. อีจัง. อี ด.  มาด่าเราตลอดเราทำงานเหนื่อยไม่เคยเห็นใจ ด่าเราอย่างเดียวเราบอกเลิกได้นะ เค้าบอกเอารถมาคืนกู ทำกูชิบห. บ้าน รถ คอนโด กูชิบห.เพราะหมดแล้ว เอาเงินไปเล่นแชร์ เอาเงินไปนั่นไปนี่หมด ไปเป็นหนี้นอกระบบ สรุปเค้าด่าเราทุกวัน เค้าตกงานหางานทำไม่ได้บอกว่าเราผิดไม่ยอมจ่ายอะไร เราหาเงินคนเดียวในบ้านค่ะ เราจ่ายดอกทุกอย่าง ต่อมาเค้าให้เราเอาเงินเดือนให้เค้าไปซื้อของเพื่อจะลงทุนทำธุรกิจของเค้า ซึ่งเดือนนั้นก็ไม่มีเงินจ่ายดอกเพราะเงินเค้าเอาไปแล้วเค้าถามว่าจ่ายอะไรเงินหมดบอกเหตุผล ก็ด่าและทะเลากันมากขึ้นเรื่อยๆ หากเค้าไม่มีเงินใช้เค้าจะด่าเราทันที ด่าอยู่เดิมๆซ้ำๆจนเราเริ่มเหนื่อย เบื่อไม่อยากทะเลาะ เราก็ไปกู้เงินนอกระบบเพื่อเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อไม่ให้เค้ามาด่า มาแช่งเรา แค่ทำงานใช้หนี้คนเดียวเราก็เหนื่อยพอแล้ว อยากตัดปัญหา ตอนนี้เราออกมาไม่ได้เพราะว่าเราเคยบอกเค้าไปแล้วว่าเลิกก็เลิกเค้าด่าอยู่อย่างเดียวคือ เราทำชิบห. เอารถกูคืนมา ยิ่งหากไม่มีเงิน ก็จะแบบนี้ตลอด จนเค้าเริ่มทำงานใหม่ก็โดนเลิกจ้าง ได้เงินมา 1 ก้อน เราก็เอาเงินนั้นไปทบจ่ายหนี้ที่ค้าง แต่เค้าก็ตกงานอีก 7 เดือนค่ะ สุดท้ายเราก็พยายามหาทางให้เค้าได้เข้าทำงานที่ที่มั่นคงและเค้าก็เริ่มอยู่ได้ และมีรายได้ 2 คน จากนั้นเราไปเจอบริษัทนึงค่ะไม่ดีหลอกเราออกจากงานเพื่อไปทำงาน เราก็ต้องตกงาน 1 เดือน เค้าด่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา พูดจาลามปามถึงพ่อแม่เรา ด่าพ่อแม่เรา ว่าไม่สั่งสอนเรา สั่งสอนเราแบบไหน เลี้ยงลูกให้โง่เหมือนตัวเอง บางครั้งไม่พอใจโทรไปหาพ่อแม่และเพื่อนเราด่าเราให้พวกเค้าฟัง ไปฟ้องว่าเราตกงานบ้างละทำชิบห.บ้างละ ทำนั่นไม่ดีทำนี่ไม่ดี เอาเงินเค้ามาบ้างละ เค้าทำงานมาได้เงินเป็นแสนบ้างละ ถามเราว่าเอาเงินไปไหนหมด เราบอกตรงๆว่าใช้หนี้และจ่ายแชร์เค้าก็ด่าเรา ด่าเสียงดังจนข้างบ้านคงรำคาญ ด่าจนเราก็ทนไม่ได้เราก็ตอบโต้ เราไม่ไหวจริงๆมาด่าเราทุกวัน ตอนตกงานทั้งคู่พร้อมกัน เจ้าหนี้เค้าให้ค้างดอกได้ 3 งวด เราบอกเค้าแล้ว แต่เค้าเลือกจะปิดหูปิดตาตัวเองเราบอกเค้าไปหมด คือระยะเวลา 3 ปี เค้าตกงานรวมๆ 2 ปี ได้ เราทำงานหาทางหมุนเงินให้ไปรอดมาตลอด แต่ด่าเราจนท้อ ไล่เราออกจากบ้าน บอกเอารถกูคืนมา ทำกูชิบ ห.ซ้ำๆ เราบอกเลยว่าเราไปไหนไม่ได้เพราะไม่พร้อมในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะไปหาที่อยู่ใหม่ เราก็ต้องยอมทนมาตลอด เราเคยช่วยเหลือหาทางออกมาตลอด เราบอกเค้าแบบนี้เค้าไม่เคยฟังเค้าด่ากลับมาว่าเค้าไม่เคยให้เราช่วยอะไร โง่ไปโดนโกง โดนโกงแชร์ โดนหลอก หลงเชื่อคนอื่นเองและเงินที่บอกเอามากินมาใช้มาจ่ายในบ้านเค้าบอกเค้าไม่ได้กินอะไร เงินที่เค้าให้มาหายไปไหนหมด ค่าไฟค้างจ่ายช่วงที่เราทำงานคนเดียว จะโดนตัดเค้าโทรมาด่าและให้เราหาเงินมาจ่ายให้ได้เราก็ต้องหาทางเปียแชร์ที่เราไปลงเล่นไว้มาจ่าย แชร์ที่เค้าด่าๆเราว่าโง่ไปเล่น (แต่หากได้มาก็หน้าบานช่วยใช้) บางวันด่าเรา อี ด  ทุกวันนี้เค้ามีงานที่ดีทำ สิ้นปีก็คงได้โบนัสไม่น้อย เรารู้สึกได้ค่ะว่า เค้าน่ะจะเฉดเราละแหละ เลยหาเรื่องด่าหนักขึ้นทุกวัน เห็นว่าเราไม่มีผลประโยชน์เราก็ไม่จำเป็นต้องได้รับคำพูดดีๆ เรายอมรับนะคะ เราโง่ที่ยิ้มทุกเรื่องเลยที่ผ่านมาโดนหลอกเรื่องธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดค่าใช้จ่ายเงินเดือนเราก็ต้องจ่ายดอกใช้หนี้ก่อนเลยไปไหนไม่ได้ในตอนนี้ เราว่าควรทำยังไงต่อไปดีคะ เราไม่รู้จะไปยังไงต่อดี เรามีงานทำเรามีเงินเดือน แต่ ณ วันนี้เราไม่พร้อมที่จะย้ายออกมาเพราะเรายังไม่พร้อม ซึ่งเราบอกเลยเราก็ไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าเค้าสักนิด ผูกพันธ์ก็ผูกพันธ์นะคะ แต่เราคงทนไม่ไหว กับคำด่าแรงๆ หาเงินใช้หนี้ ทำงานเดินทางทุกวันก็เหนื่อยเต็มทนค่ะ เค้าบอกนะคะว่าหากจะเล่าเรื่องกูให้ใครฟังช่วยเล่าเรื่องที่ทำชิบหให้เค้าฟังด้วย เพราะเป็นอีตัวชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อยู่ใกล้ใครก็ทำคนนั้นเค้าเดือดร้อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่