JJNY : 5in1 ก้าวไกลบี้กลางสภา│วิโรจน์แฉทุจริต│วิโรจน์จี้ให้ความสำคัญปฏิรูปตร.│บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดพุ่ง│เยอรมนีกวาดล้าง

ก้าวไกล บี้กลางสภา ถามหาน้ำมันกองทัพ 2 แสนลิตร สุทินแจงลั่น ไม่ปล่อยคนผิดแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4203974
 
 
‘ก้าวไกล’ จี้ ถามน้ำมันทหารหาย 2 แสนลิตร บี้ ตอบผลเจรจาเรือดำน้ำ ด้าน รมว.กห. ลั่น ไม่ปล่อยแน่ ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ แจง สัญญาเรือดำน้ำหมดเดือน ธ.ค. ยกเลิกก่อนไม่ได้
 
เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 28 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงของทหารหาย 2 แสนลิตร โดยมี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชี้แจง

นายจิรัฏฐ์กล่าวว่า เรื่องน้ำมันดีเซลหายคิดเป็นมูลค่า 6 ล้านบาท โดยประมาณ เชื่อว่ากองทัพรู้ว่า ใครเป็นคนกระทำผิด ไม่ใช่ทหารเกณฑ์ แต่เป็นผู้บังคับบัญชาแน่นอน และมีน้ำมันหายทุกปี จึงอยากทราบว่าจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร นอกจากนี้ ขอสอบถามกรณีผลการเจรจาเรื่องเรือดำน้ำ ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปพูดคุยกับเยอรมนีมาว่าเป็นอย่างไร และเห็นว่าเราควรจะยกเลิกสัญญาทวงเงินกับจีน เพราะเขาไม่สามารถทำตามสัญญาหาเครื่องยนต์เยอรมนีมาใส่ในเรือดำน้ำให้เราได้ อีกทั้งยังพบว่าเครื่องยนต์ของจีนมีข้อบกพร่องหลายจุด ทั้งระบบสื่อสารไม่สามารถดำน้ำบริเวณอ่าวไทยที่ลึก 45 เมตรได้
 
นายสุทินชี้แจงว่า กองทัพได้ตรวจสอบเป็นปกติ และตรวจสอบทุกเรื่อง พบว่ามีเบาะแสเรื่องน้ำมัน มีข้อพิรุธ เบื้องต้นพบว่าน้ำมันดีเซลหาย 215,897 แสนลิตร ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่าทหารตรวจสอบภายในกันเองอยู่แล้ว ผลมาถึงตนอย่างไรก็ค่อยว่ากัน ซึ่งนี่คือคำขู่โดยมารยาท ยืนยันว่าในฐานะรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยปละละเลย โดยในสัปดาห์หน้าจะมีสรุปผลจากทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เราจะนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษทั้งทางอาญา แพ่ง และวินัย ในไม่นานนี้แน่นอนในยุคของตนจะมีมาตรป้องกันคือ สอบสวนนำคนผิดมาลงโทษ และรื้อระบบตรวจสอบภายใน โดยเริ่มต้นจากการตรวจสอบระดับหน่วย ตรวจสอบกำลังส่งบำรุง ส่งชุดตรวจจากจเรทหาร และไม่ชุดตำรวจพิเศษตรวจสอบอีกครั้ง
 
นายสุทินกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเรือดำน้ำตอนนี้ทาง ผบ.ทร.สรุปแล้วว่า จะเดินหน้าต่อ โดยตอนนี้ก็กำลังรอว่า เรื่องจะมาถึงตนเมื่อใด สัญญาเรือดำน้ำมีกรอบเวลาอยู่เข้าใจว่าจะหมดในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้น ตนจะไม่รีบด่วนสรุป แต่จะรอฟังการสรุปจาก ผบ.ทร.ก่อนว่าทำไมเขาถึงเชื่อมั่นเครื่องยนต์ของประเทศจีน เราจะดำเนินการช้าหรือเร็วก็ต้องอยู่ในกรอบระยะเวลาสัญญา จะยกเลิกสัญญาก่อนเวลาก็ไม่ใช่
 
ส่วนกรณีที่นายกฯเจรจากับประเทศเยอรมนีนั้น เป็นมาตรการเสริมทางใดที่รักษาประโยชน์ของประเทศมากที่สุด ผมเข้าใจในภาวะปกติจะเจรจากับผู้ขายไม่ได้ แต่ขณะนี้ไม่ปกติ เพราะทราบว่าจะไม่เกิดตามสัญญาทำให้ไทยเสียประโยชน์ ดังนั้นทางใดที่เป็นประโยชน์จึงต้องดำเนินการ เพื่อไม่ให้กองทัพเสียประโยชน์ ส่วนรายละเอียดที่นายกฯไปเจรจาผมยังไม่ทราบรายละเอียด” นายสุทินกล่าว
 


ฉาวอีก! วิโรจน์ แฉทุจริต สวมสิทธิกู้สหกรณ์ตร. 423 นาย 220 ล้าน จี้ ผบ.ตร.ใหม่ เอาจริงแก้ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4203836

วิโรจน์’ แฉ โกงสวมสิทธิกู้สหกรณ์ ตร. ลำพูน 423 นาย เสียหายกว่า 220 ล้าน ถูกปลอมแปลง-แก้สัญญา จี้ ผบ.ตร.คนใหม่ แก้ปัญหาภายใน 2 สัปดาห์เป็นของขวัญ เชื่อมี ตร.ผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลัง ลั่น โกงแม้แต่เพื่อนตำรวจด้วยกัน แล้วประชาชนจะหวังพึ่งอะไรได้
 
เมื่อวลา 11.30 น. วันที่ 28 กันยายน ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก ส.ส.ลำพูน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมกันแถลงข่าวถึงปัญหาของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ จ.ลำพูน นายตำรวจชั้นผู้น้อย ชั้นประทวน กว่า 423 ราย ได้รับความเสียหายรวมกันกว่า 220 ล้านบาทหรือมากกว่านั้น โดยทาง ส.ส.ลำพูน ของพรรคก้าวไกลได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายตำรวจสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งได้กู้หนี้ 4 แสนบาท แต่มูลค่าหนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นล้านบาท จากคนไม่เคยกู้ก็กลายเป็นผู้กู้ และหลายคนอยู่ในช่วงใกล้เกษียณราชการ ทำให้ขวัญกำลังใจหดหาย ทั้งนี้หวังว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่จะช่วยคลี่คลายปัญหา

นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้แจ้งความไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 อีกทั้งคณะกรรมการสหกรณ์ก็เป็นนายตำรวจระดับสูง จึงไม่มั่นใจว่าผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ และต้องตกเป็นหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อหรือไม่
 
ด้านนายวิทวิสิทธิ์กล่าวว่า นายตำรวจ 423 นาย ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ถูกสวมสิทธิและปลอมแปลงเอกสาร โดยขีดฆ่ามูลหนี้เดิม เปลี่ยนยอดเงิน แล้วปลอมลายเซ็นทับ ทำให้ยอดหนี้จาก 4 แสนบาทกลายเป็น 7.8 แสนบาท ทั้งที่เมื่อตรวจสอบเงินกู้จริงในสเตตเมนต์ ก็มีแค่ 4 แสนบาท โดยได้แจ้งความไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้ผ่านมา 9 เดือน ยังไม่มีความก้าวหน้า และยังพบว่ากรรมการสหกรณ์ก็เป็นผู้บังคับบัญชาของตัวเองอีก
 
จะดำเนินการแบ่งหลักฐานที่ได้รับมาเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งจะส่งประธานสภา ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติติดตามเรื่องนี้ และอีกชุดจะส่งให้ประธานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อหวังจะคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหาย” นายวิทวิสิทธิ์กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้อยากฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือไม่ว่าควรตรวจสอบและแก้ปัญหานี้อย่างไร นายวิโรจน์กล่าวว่า ถ้า ผบ.ตร.คนใหม่เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหา เพื่อเป็นการมอบของขวัญให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วประเทศ คิดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์น่าจะรู้ผล
 
เชื่อว่าเรื่องทุจริตดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่ใน จ.ลำพูนเท่านั้น แต่ผู้ทุจริตอาจจะเชื่อมโยงกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ถ้า ผบ.ตร.ใส่ใจกับเรื่องนี้จะได้ใจผู้ใต้บังคับบัญชาว่ามีความทุ่มเทแก้ปัญหาให้ประชาชน รวมทั้งมองว่าจงใจเลือกเหยื่อ กำลังเกษียณ ถือว่ามีความอำมหิต เพราะผู้เสียหายอยู่ในวัยที่อาจไม่ถนัดในการใช้แอพพ์ เพื่อตรวจสอบยอดหนี้ตัวเอง” นายวิโรจน์กล่าว
 
นายวิโรจน์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของตำรวจตัดตำรวจ ขอถาม ผบ.ตร.ว่า โกงแม้แต่เพื่อนตำรวจด้วยกัน แล้วประชาชนจะหวังพึ่งอะไรได้
 
ที่ผ่านมาเคยมีการยึดทรัพย์เจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำการทุจริตไปเพียง 16 ล้าน ทั้งที่มูลค่าความเสียหายมีกว่า 220 ล้านบาท ขอให้อย่ารอ ส.ส.ก้าวไกล ผบ.ตร.สามารถตรวจสอบได้ทันที” นายวิโรจน์กล่าว
 


วิโรจน์ จี้ รบ.ให้ความสำคัญปฏิรูป ตร. มีแต่สิ่งผิดปกติ ทั้งยืนกุมเป้า HBD กำนัน-บิ๊ก ตร.ใส่ร้ายวุ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4204700

‘วิโรจน์’ จี้รัฐบาลให้ความสำคัญปฏิรูป ตร. เหน็บ ตร.ยืนกุมเป้าร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ สะท้อนความผิดปกติ
 
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนของ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอญัตติเรื่องขอให้สภาร่วมกันเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน และญัตติของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกัน คือขอให้สภาพิจารณาปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นใน ตร. เพื่อส่งความคิดเห็นของสมาชิกให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบต่อไป
 
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายว่า ที่นายเศรษฐาบอกว่าไม่อยากให้ใช้คำว่า สังคายนากับวงการตำรวจ ท่านบอกว่าให้เลี่ยงใช้คำว่าแก้ไปทีละเรื่องๆ นั้นแสดงว่าท่านนายกรัฐมนตรีอาจยังไม่ให้เห็นปัญหาที่แท้จริง หรือยังไม่อยากยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เรื่องที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กล่าวหาใส่ร้ายกันไปมานั้นจริงเท็จประการใดก็ว่ากันไป แต่ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ ยิ่งเอาตำรวจคอมมานโด อาวุธครบมือบุกเข้าไปค้นบ้านรอง ผบ.ตร.ยิ่งเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะ ผบ.ตร.และผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์บอกไม่รู้ ขณะที่บ้านผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม ตำรวจชั้นยศสูงๆ กลับไปยืนกุมเป้าร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ภาพแบบนี้สะท้อนความผิดปกติ
 
นายวิโรจน์อภิปรายต่อว่า วันนี้ประชาชนหน่ายใจที่อาชญากรรมสำคัญที่ประชาชนได้รับผลกระทบ ทั้งการพนันออนไลน์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ แรงงานข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงส่วย ทั้งส่วยรถบรรทุก ส่วยสถานบันเทิง และน้ำมันเถื่อน ปัญหาทั้งหมดมีตำรวจบางนาย บางกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้อง พฤติกรรมเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร ตั้งเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง เป็นขั้ว ทำเอาปัญหาเรื่องตั้งด่าน บ่อน เล็กไปเลย ทั้งนี้ ผู้มีอิทธิพลได้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นสปอนเซอร์ให้กับตำรวจระดับบังคับบัญชา สุดท้ายพอเป็นสปอนเซอร์ให้ไปซื้อขายตำแหน่ง เลี้ยงดูปูเสื่อก็ได้ตำรวจคนนั้นมาเป็นลูกน้อง
 
นายวิโรจน์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอย่าใช้คำว่าปราบปรามบ่อย หรือทำแบล๊กลิสต์ ดูเหมือนขึงขังแต่ไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะเป็นการเรียกให้ผู้มีอิทธิพลเข้ามาศิโรราบ และเชื่อมให้ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเข้ามาเชื่อมกับอำนาจส่วนกลาง ตำรวจดีๆ ระดับผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับการ ผู้การจังหวัดต่างๆ ที่เคยเอาอยู่ก็จะเอาไม่อยู่ และแบล๊กลิสต์จะเต็มไปด้วยเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่งกับเจ้าพ่อตัวจริง สุดท้ายเมื่อเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่งขันถูกล้างบาง จังหวัดนั้นจะถูกครอบงำโดยเจ้าพ่อคนนั้นและตำรวจลูกสมุน
 
ดังนั้น การปฏิรูปตำรวจสำคัญ เสรีภาพของสื่อก็ต้องแก้ กฎหมายที่ตำรวจบางนายเอามาใช้รีดไถเอื้อนายทุนก็ต้องแก้ โทษที่ไม่สมสัดส่วนต้องทบทวน การกระจายอำนาจก็ต้องทำ ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล การปกป้องผู้ที่ให้เบาะแสการทุจริตต้องจริงจัง อยากให้รัฐบาลให้ความสนใจ และหวังให้กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐและการปฏิรูปประเทศจะเข้ามาจัดการปัญหานี้ด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
 
ทั้งนี้ หลังจากสมาชิกแสดงความคิดเห็นกันครบแล้ว ที่ประชุมเห็นชอบให้ส่งความคิดเห็นในญัตติดังกล่าวไปยัง ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่