JJNY : “ปิยบุตร”วิจารณ์ “ก้าวไกล” ทิ้งทวน│เตือนปชช. รับมือภัยแล้ง│หนี้เสียทุบตลาดปิกอัพร่วง│ฟิลิปปินส์กร้าว จีนเตือน0

“ปิยบุตร” เปิดฉาก วิจารณ์เสนอแนะ “ก้าวไกล” ทิ้งทวน ชี้ต้องเผชิญ 5 ปัญหาใหญ่
https://www.matichon.co.th/clips/news_4201394

นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดฉากวิจารณ์เสนอแนะก้าวไกล เป็นการทิ้งทวนหลังจากประกาศจะยุติบทบาทการเมือง  เลิกเสนอความเห็น  โดยชี้ ว่าต้องเผชิญ 5 ปัญหาใหญ่ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ชลประทาน เตือน ปชช. รับมือภัยแล้ง เก็บสำรองน้ำทุกครัวเรือน อ่างเก็บน้ำ27แห่ง เหลือต่ำกว่า40%
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7886443
 
นครราชสีมา พายุไม่ช่วย น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำน้อย หวั่นแล้ง ปริมาตรน้ำเก็บกักน้อยกว่าปี’65 เท่าตัว อ่างเก็บน้ำ27แห่ง เหลือไม่ถึง 40% ชลประทาน เตือนปชช.รับมือเอลนีโญ เก็บสำรองน้ำทุกครัวเรือน
 
27 ก.ย. 66 – ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ออกประกาศฉบับที่ 9 (50/2566) ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านประเทศไทยตอนบน

ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยจังหวัดนครราชสีมา มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
 
ซึ่งลักษณะอากาศดังกล่าว ทำให้มีฝนตกชุกในช่วงนี้ แต่ขณะเดียวกันอ่างเก็บน้ำทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำฝนไหลลงน้อย โดยปริมาณน้ำฝน-น้ำท่าที่ไหลลงอ่างฯ เฉลี่ยวันนี้ตรวจวัดได้ที่ 1,282 ล้านลูกบาศก์เมตร
 
ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ สะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 ตรวจวัดได้ที่ 291 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 22.67 % เท่านั้น ซึ่งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาตรน้ำรวมปัจจุบัน คงเหลือใช้การได้แค่ 341.87 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 40.31 %
ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวมเหลือใช้การได้ 103.22 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 33.71 % โดยมี 8 แห่งที่มีน้ำใช้การได้ไม่ถึง 30 %
 
ทำให้ปริมาตรน้ำเก็บกักภาพรวมทั้ง 27 แห่ง มีปริมาตรน้ำเก็บกักปัจจุบัน เหลืออยู่ที่ 507.58 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 41.72 % และเป็นน้ำใช้การได้เพียง 445.10 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.56 % เท่านั้น เป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ฝนทิ้งช่วงนาน และปริมาณฝนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย เมื่อเทียบปริมาตรน้ำเก็บกักในช่วงเวลาเดียวกัน
 
พบว่า ปีนี้ มีปริมาตรน้ำเก็บกักน้อยกว่าปี 2565 เกือบเท่าตัว โดยปี 2565 มีปริมาตรน้ำเก็บกัก อยู่ที่ 968.61 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 79.61 % และเป็นน้ำใช้การได้ 906.13 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 78.50 % อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า เอลนีโญจะมีกำลังแรงขึ้นช่วงปลายฝนนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงฤดูร้อนปีหน้า ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น และอาจเกิดภัยแล้งรุนแรงในหลายพื้นที่
 
จากการลงพื้นที่สำรวจปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำฉมวก หนึ่งในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.นิคม อ.พิมาย และ อ.ห้วยแถลง พบว่า มีปริมาณน้ำคงเหลืออยู่ที่ 8.76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 37.39 % แต่เป็นน้ำใช้การได้ 7.51 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 33.85 %
ซึ่งแม้ช่วงนี้จะมีพายุและลมมรสุมพัดผ่านเข้ามาในจังหวัด แต่กลับมีฝนตกในพื้นที่นี้น้อยมาก ชาวบ้าน
 
ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.จักราช อ.พิมาย และ อ.ห้วยแถลง ที่ใช้น้ำร่วมกัน ต่างกังวลว่า ปริมาณน้ำที่กักเก็บในอ่างเก็บน้ำลำฉมวก อาจจะมีไม่เพียงพอที่จะใช้ผลิตน้ำประปาแจกจ่ายให้ชาวบ้านได้ใช้สอยในช่วงฤดูแล้งของปีหน้า
 
เจ้าหน้าที่จัดสรรน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง จึงงดปล่อยน้ำให้กับเกษตรกร เพื่อสงวนปริมาณน้ำเก็บเอาไว้ใช้ให้เพียงต่อการอุปโภค-บริโภคไปจนกว่าจะถึงฤดูฝนปีหน้า



หนี้เสียทุบตลาดปิกอัพร่วง 20% ค่ายรถแก้เกมจับลูกค้าราชการ
https://www.prachachat.net/motoring/news-1402664

ค่ายรถพลิกเกมปรับทิศทำตลาดรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหวังดันยอดปิกอัพฟื้น หลังจาก 8 เดือนหดตัวกว่า 20% เดินเกมผนึกไฟแนนซ์ จัดแพ็กเกจเช่าซื้อใหม่ซบลูกค้าราชการหนีปัญหาหนี้เสีย สภาฯอุตส่งสัญญาณเดือนหน้าหากกำลังซื้อไม่ดีขึ้นเตรียมปรับลดเป้าการผลิตอีกระลอก แย้มยอดรถสันดาปร่วงแต่ EV พุ่งแรง
 
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ 8 เดือนที่ผ่านมายังหดตัวต่อเนื่อง ปริมาณการขาย 524,784 คัน ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดรถยนต์นั่ง ทำได้ 194,243 คัน โตขึ้น 9.4% แต่รถเพื่อการพาณิชย์ลดลงถึง 13.5% โดยเฉพาะรถปิกอัพขายลดลงถึง 26.8% จากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ลื่นไหล ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อทั้งภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจขนส่ง

ปิกอัพทรุดไม่หยุด
 
ประเด็นสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
 
สำหรับสถิติการจำหน่ายรถปิกอัพตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม 2566 มีปริมาณการขาย 189,555 คัน ลดลง 26.8% อันดับที่ 1 อีซูซุ ทำได้ 83,654 คัน ลดลง 29.5% อันดับที่ 2 โตโยต้า 75,061 คัน ลดลง 23.9% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 17,493 คัน ลดลง 8.4% ส่วนค่ายอื่น ๆ ลดลงเช่นกัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากกำลังซื้อที่ลดลงและส่งผลต่อการขายรถ ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายต่างดิ้นแก้ปัญหา เพื่อลดความเข้มงวดของสถาบันการเงิน

ผนึกสินเชื่อจัดแพ็กเกจเสริม
 
แหล่งข่าวดีลเลอร์ขายรถยนต์รายใหญ่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑลกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนรวมทั้งหนี้เสีย มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ยอดรีเจ็กต์สินเชื่อค่ายรถเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ถือว่าเยอะมาก ทำให้ต้องทำงานใกล้ชิดกับไฟแนนซ์มากขึ้น มีการจัดแพ็กเกจเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น ทั้งรูปแบบยืดเวลาการผ่อนให้ยาวเพื่อทำให้การผ่อนต่องวดถูกลง แก้ปัญหาโอกาสหนี้เสียที่จะตามมาในอนาคต

ลูกค้าบางรายทำธุรกิจค้าขาย ไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน เราก็ต้องช่วยจัดการ หาวิธีแสดงให้ไฟแนนซ์เห็นว่า เขามีรายได้จริง ๆ สร้างความมั่นใจว่าซื้อรถเราไปไม่เป็นหนี้เสียแน่นอน หรือบางรายก็ต้องเจรจากับลูกค้าด้วยเพิ่มเงินดาวน์ ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิก็เตรียมแพ็กเกจให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็ช่วยภาวะการขายได้มาก และเชื่อว่าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ก็คงใช้เงื่อนไขที่มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
 
หันจับลูกค้าราชการ
 
แหล่งข่าวดีลเลอร์มิตซูบิชิย่านลาดยาว บางเขน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ต้องไปเน้นกลุ่มลูกค้าราชการให้มากขึ้น ตอนนี้ Pajero Sport ก็มีข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% นาน 48 เดือน และสำหรับข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เมื่อซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ Pajero Sport รุ่นปี 2023 รับส่วนลดเพิ่ม 40,000 บาท และรับสนับสนุนอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าไม่เกิน 15,000 บาท ในรุ่นปี 2023 GT-Plus และสนับสนุนอุปกรณ์ตกแต่งไม่เกิน 10,000 บาท ในรุ่นปี 2023 GT-Premium
 
หนีสันดาปซบ EV
 
แหล่งข่าวระดับบริหารจากสภาอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ที่หดตัวมาจากกำลังซื้อผู้บริโภคอยู่ระหว่างการพิจารณาในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากน้ำมัน ไปยานยนต์ไฟฟ้า โดยอยู่ในช่วงลังเล ยังไม่ตัดสินใจซื้อรถสันดาป ขณะที่จะซื้อรถ EV ก็กลัวการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

เช่นเดียวกับ นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลาดรถยนต์หดตัวเมื่อเทียบ
ปีที่ผ่านมา ตลาดที่กระทบหนักคือปิกอัพ ส่วนรถยนต์นั่งยังสามารถรักษายอดขายให้เติบโตได้ ความจริงถือว่ายังโตแบบคงที่
 
MG โชคดีที่มีรถยนต์ไฟฟ้าที่มากรุ่นที่สุด สิ่งที่เราคงต้องพิจารณาคือการจัดหาซัพพลายให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการในช่วงโค้งสุดท้ายของนโยบายการสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าของภาครัฐที่จะสิ้นสุดในปีนี้
 
ยอดรถ EV พุ่ง 700%
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา รถ EV มียอดขายมากกว่า 6,000 คัน โตมากกว่า 700% สวนทางกับรถใช้น้ำมันที่มียอดขายลดลงมากกว่า 20%
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือน ส.ค. 2566 ผลิตได้ 150,657 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.27% จากปัจจัยการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง ส่งผลให้ 8 เดือนของปี ประเทศไทยผลิตรถยนต์ได้ 516,010 คัน ลดลง 5.25%

ส.อ.ท.ต้องติดตามสถานการณ์การผลิตรถยนต์อีก 1 เดือน เพราะมีแนวโน้มยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจะไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 850,000 คัน แต่จะมากน้อยเพียงใดคงจะต้องดูมาตรการภาครัฐที่เริ่มกระตุ้นกำลังซื้อ การลดค่าครองชีพประชาชนทั้งค่าไฟ ราคาน้ำมันและอื่น ๆ
 
จ้องลดกำลังผลิต
 
หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องปรับเป้าหมายการผลิตปี 2566 ลดลงจากเดิมที่วางไว้ 1,900,000 คัน ยอดผลิตเพื่อส่งออกมีเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ 8 เดือนของปีนี้ประเทศไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 724,423 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.53% มูลค่าการส่งออก 456,983.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24.18%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่