
- แม้เป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องที่ไม่แปลกใหม่ ไม่ตามใจคนดูกระแสหลักแต่วิธีการนำเสนอดูจะฉีกภาพลักษณ์จากเดิมออกไปได้น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังคงเสน่ห์คงกลิ่นอายของสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติในมุมมองของคำว่า แม่มด ไว้อยู่เช่นเดิม โดยหนังจะเล่าเรื่องผ่านตัวนางเอกเป็นหลัก ซึ่งเป็นมนุษย์แต่มีเลือดของแม่มดเข้าไปจากการทำพิธีพันธะสัญญาระหว่างแม่ของเธอกับแม่มดจึงทำให้เธอกลายเป็นครึ่งคนครึ่งแม่มดมาตั้งแต่เกิดจนถึงวัยสาวพร้อมกับคำสาปที่ติดตัวมาพร้อมกัน โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาของเธอถูกซ่อนอยู่ในใต้ดินจากแม่ของเธอเพื่อหนีจากการล่าล่าแม่มดกันของชาวบ้าน ชนิดที่ว่าไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอกหรือแม้กระทั่งเรียนรู้ในการเป็นคนเลยซักอย่าง เพราะแม่ของเธอไม่เคยสอนอะไรเลยนอกจากโผล่มาแวะเวียนดูเธอเป็นครั้งคราว ทำให้การใช้ชีวิต การพูดการจา หรือแม้กระทั่งการเข้าสังคมของเธอเรียกว่าติดลบทุกอย่าง ซึ่งสวนทางกับร่างกายของเธอที่เติบโตไปตามวัย ถ้าเทียบกับโคนันก็คือเป็นขั้วตรงข้ามกันเลย

- จนกระทั่งแม่มดตนหนึ่งโผล่มาหานางเอกแล้วก็พานางเอกออกไปดูโลกข้างนอกว่าเป็นอย่างไร เมื่อเธอเห็นครั้งแรกจึงมีอาการประหลาดใจไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลก ระหว่างทางแม่มดก็ได้บอกโน้นนี่ว่าอย่างนี้คืออะไรอย่างงั้นทำอะไรจนกระทั่งแม่มดได้เผยความจริงว่าตนเองได้ฆ่าแม่ของเธอลง พร้อมกับแสดงพลังความสามารถขึ้นมาต่อหน้านางเอกดูเป็นตัวอย่างแล้วได้บอกกับเธอว่า เธอเองก็เป็นแม่มดเหมือนกับชั้นนะ มีความสามารถเหมือนกันนะ ซึ่งตรงจุดนี้นอกจากจะเป็นชนวนที่ทำให้นางเอกเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบตามมาจนติดลมภายหลังแล้วยังเป็นจุดพลิกผันสำคัญของเรื่องที่จะพาตัวของนางเอกออกไปศึกษาเรียนรู้โลกภายนอกด้วยตนเองอย่างแท้จริง

- โดยหนังจะแบ่ง Story ออกเป็น 3 Parts ย่อย ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบให้ตัวของนางเอกเข้าไปศึกษาเรียนรู้ในเรื่องราวของคน ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็น หญิงสาวที่เพิ่งคลอดลูกคนแรก , ชายหนุ่มที่กำลังมองหาสาวโสดตามหมู่บ้านเพื่อมาเป็นคู่ชีวิต และ เด็กสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยพรหมจรรย์กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งหนังเดินเรื่องตรงหน้าไปอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน มีปมแต่ไม่ซับซ้อนเพราะไม่ได้เน้นอะไรขนาดนั้น สบาย ๆ ไปกับบรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า บ้านกระท่อมโดด ๆ กลางป่า ภูเขาแต่ซ่อนความลึกลับในเรื่องเล่า ความเชื่อ ภูติผี ปีศาจในยุคมืดของการล่าอาณานิคมและการรุ่งเรืองของศาสนาให้ชวนคิดตามจนขนลุกตามภาพอยู่เป็นระยะ

- ดูจบเข้าใจอยู่ว่าทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องนี้ เพราะ ขณะที่นางเอกทำภารกิจสำรวจชีวิตมนุษย์ตามลำพัง ก็มีแม่มดโผล่มาอย่างลับ ๆ ทำตัวเหมือนอาจารย์แดง แล้วพูดว่า อะจ๊ะเอ๋ ตัวเอง ท่านผู้เจริญ แต่ทั้งหลายไม่ได้เพราะเดี๋ยวชาวบ้านรู้เข้าแล้วโดนกระทืบเอา มาทำทีเป็นหลบตามมุมอัพเดทชีวิตนางเอกว่าเป็นอย่างไรบ้างแค่นั้นแล้วก็หายไปทิ้งช่วงไว้สักพักค่อยโผล่มาจ๊ะเอ๋ใหม่ ซึ่งเอาจริงผมตลกในความโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของนางพอให้ขำออกมานิด ๆ ได้บ้างเหมือนกัน อีกทั้งยังชอบเคมีระหว่างนางเอกกับแม่มดที่อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 แม้ว่าไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์แบบแม่กับลูก (ไม่ได้แล้วแหล่ะเพราะเล่นไปฆ่าแม่เขานี่) หรือในแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ไม่เชิงอีกแต่เวลาที่ทั้งคู่เข้าฉากด้วยกันในเวลาที่จำกัดมันส่งพลังงานบางอย่างทำให้ผมรู้สึกถึงความผูกพันของคู่นี้อย่างบอกไม่ถูก

- ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 48 นาที ที่ดูเหมือนว่าจะนานไปแต่พอดูไปเรื่อย ๆ เอาจริงกลับรู้สึกว่ามันก็ผ่านไปค่อนข้างเร็วเหมือนกันแฮะ แน่นอนว่าหนังแนวนี้ทางฝั่งยุโรปจะนิยมใช้สภาพแวดล้อมเป็นตัวนำการเดินเรื่องส่วนใหญ่ ความเงียบจากการไม่มีตัวละครปรากฎฉากหรือไม่มีบทพูดของตัวละครส่งเสียงร้องออกมาซักแอ๊ะยิ่งเร่งให้เรารู้สึกเรียกร้องหาหมอนนุ่ม ๆ ฟุบลงบนที่นอนได้ง่ายเป็นอย่างดี เพราะไม่ค่อยมีสิ่งเร่งเร้าอย่างอื่นด้วยการใส่ฉากต่อสู้ หรือ เสียงดังจาก Effect ลอยโครมครามกระตุ้นอารมณ์ของเราให้จูนติดร่วมไปเรื่องราวด้วยกัน อย่างดีก็แค่มีฉากควักท้องเอาเครื่องในเหยื่อมากินสด ๆ เหมือนปอป หรือ ฉากใช้มีดฟันน้อนไก่ เชือดน้อนวัว มาเป็นเครื่องเซ่นไหว้นิดหน่อย แต่มาทีรู้สึกแขยะแขยงอยากจะอ้วกออกมาเต็มที รวมทั้งสงสารน้อน ๆ เหล่านี้ที่มาเป็นเครื่องมือระบายความใคร่ให้แก่แม่มดคู่นี้กระทำเล่นกันมันมือ ซึ่งโทนทั้งหมดจะออกไปทางรสพระธรรมสายกลางสอดแทรกด้วยเรื่องเล่าปรำปราปรุงแต่งความหลอนเข้าไปกลางทางเพื่อเดินไปสู่ประตูนิพพานมากกว่าจะขายฉากโหด ๆ รุนแรงตามสูตรสำเร็จความสยองของแนวนี้อย่างที่เรารู้สรรพคุณดีจึงไม่แปลกที่เวลาดูไปก็หาวไปพลางจนคิดกับตนเองว่าทำไมหนังมันเดินผ่านไปช้าจังวะ แวะไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาดูใหม่ก็ไม่เสียดายเวลาอะไร

- โปสเตอร์หนังคือตั้งใจขายรูปเจ๊ Noomi Rapace พร้อมแปะชื่อแส้นำโด่งเรียบร้อยเพื่อเรียกแขก แต่ที่หลังจากดูจบกลับสวนทางกว่าที่เราคิดไว้ก่อนหน้านี้ คือ เรื่องการแสดงฝีมือของเจ๊ผมไว้ใจอยู่แล้ว แต่บทที่ได้รับโผล่มาแค่ 1 / 4 ในเรื่อง ที่เหลือจะเป็นนักแสดงทางฝั่งยุโรปที่ไม่ได้ดังกว้างขวางแวะเวียนสลับ Timeline ที่ได้รับแต่ละคนเสร็จสรรพก็รับเงินค่าตัวกลับบ้านไปหรือกระทั่งตัวผู้กำกับ Goran Stolevski ก็ยังโนเนมกับเขาด้วย ถ้าไม่เอาหน้าเจ๊ ชื่อเจ๊มาแปะผมว่าก็อาจจะไม่มีใครเข้ามาดูแน่ ๆ ซึ่งผมก็เป็น 1 ในเหยื่อการตลาดที่อยากดูก็เพราะเห็นชื่อเจ๊เป็นอันดับแรกนี่แหล่ะ

- ภาพรวมสำหรับผมให้ระดับดี ไม่ผิดหวังแต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมมากมายใด ๆ ดูได้เรื่อย ๆ เนิบเยอะเป็นส่วนใหญ่เหมือนเราเป็นตัวนางเอกเดินไปดูเรื่องราวแต่ละคนที่ไหลไปตามทางตั้งแต่ต้นจนจบจนไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน แต่ยอมรับว่าหนังนำเสนอความเป็นแม่มดบังหน้าฉากเพื่อแทรกประเด็นด้วยหลักจิตวิทยาสำรวจสภาวะภายในระหว่างคนกับแม่มดผ่านโลกผ่านยุคสมัยออกมาได้น่าติดตามไม่น้อยแถมอิงไปกับการใช้พลังความสามารถของนางเอกที่ทำการเปลี่ยนเป็นคนนั้นทีเป็นคนนี้ทีให้อารมณ์กึ่ง ๆ หนังสายลับนิด ๆ ที่ไม่ได้ทำงานเพื่อใครแต่ช่วยให้เรามองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างโลกของความเป็นจริงที่สลับซับซ้อนที่คาบเกี่ยวกับโลกของสิ่งลึกลับที่เล่นกับความเชื่อผูกมัดจิตใจคนผ่านมุมมองอันไร้เดียงสาของนางเอกที่อยากจะเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที บทสรุปที่เกือบจะ Happy Ending ตามสายธารแต่ดันสร้างปมเพื่อซ้ำเติมจิตใจเราอีก แม้จะไม่คมคายถึงกับทำเป็นคำคมแต่อย่างน้อยมันก็ได้ให้ Details อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ในโลกแห่งความจริงที่บางอย่างแม้แต่แม่มดที่มีพลังอำนาจอยู่ในมือก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นมนุษย์มันช่างยากเหลือเกิน มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงหรือ ?

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.62 You Won’t Be Alone : จำแลงกาย บรรยายคน
- แม้เป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องที่ไม่แปลกใหม่ ไม่ตามใจคนดูกระแสหลักแต่วิธีการนำเสนอดูจะฉีกภาพลักษณ์จากเดิมออกไปได้น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังคงเสน่ห์คงกลิ่นอายของสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติในมุมมองของคำว่า แม่มด ไว้อยู่เช่นเดิม โดยหนังจะเล่าเรื่องผ่านตัวนางเอกเป็นหลัก ซึ่งเป็นมนุษย์แต่มีเลือดของแม่มดเข้าไปจากการทำพิธีพันธะสัญญาระหว่างแม่ของเธอกับแม่มดจึงทำให้เธอกลายเป็นครึ่งคนครึ่งแม่มดมาตั้งแต่เกิดจนถึงวัยสาวพร้อมกับคำสาปที่ติดตัวมาพร้อมกัน โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาของเธอถูกซ่อนอยู่ในใต้ดินจากแม่ของเธอเพื่อหนีจากการล่าล่าแม่มดกันของชาวบ้าน ชนิดที่ว่าไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอกหรือแม้กระทั่งเรียนรู้ในการเป็นคนเลยซักอย่าง เพราะแม่ของเธอไม่เคยสอนอะไรเลยนอกจากโผล่มาแวะเวียนดูเธอเป็นครั้งคราว ทำให้การใช้ชีวิต การพูดการจา หรือแม้กระทั่งการเข้าสังคมของเธอเรียกว่าติดลบทุกอย่าง ซึ่งสวนทางกับร่างกายของเธอที่เติบโตไปตามวัย ถ้าเทียบกับโคนันก็คือเป็นขั้วตรงข้ามกันเลย
- จนกระทั่งแม่มดตนหนึ่งโผล่มาหานางเอกแล้วก็พานางเอกออกไปดูโลกข้างนอกว่าเป็นอย่างไร เมื่อเธอเห็นครั้งแรกจึงมีอาการประหลาดใจไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลก ระหว่างทางแม่มดก็ได้บอกโน้นนี่ว่าอย่างนี้คืออะไรอย่างงั้นทำอะไรจนกระทั่งแม่มดได้เผยความจริงว่าตนเองได้ฆ่าแม่ของเธอลง พร้อมกับแสดงพลังความสามารถขึ้นมาต่อหน้านางเอกดูเป็นตัวอย่างแล้วได้บอกกับเธอว่า เธอเองก็เป็นแม่มดเหมือนกับชั้นนะ มีความสามารถเหมือนกันนะ ซึ่งตรงจุดนี้นอกจากจะเป็นชนวนที่ทำให้นางเอกเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบตามมาจนติดลมภายหลังแล้วยังเป็นจุดพลิกผันสำคัญของเรื่องที่จะพาตัวของนางเอกออกไปศึกษาเรียนรู้โลกภายนอกด้วยตนเองอย่างแท้จริง
- โดยหนังจะแบ่ง Story ออกเป็น 3 Parts ย่อย ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบให้ตัวของนางเอกเข้าไปศึกษาเรียนรู้ในเรื่องราวของคน ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็น หญิงสาวที่เพิ่งคลอดลูกคนแรก , ชายหนุ่มที่กำลังมองหาสาวโสดตามหมู่บ้านเพื่อมาเป็นคู่ชีวิต และ เด็กสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยพรหมจรรย์กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งหนังเดินเรื่องตรงหน้าไปอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน มีปมแต่ไม่ซับซ้อนเพราะไม่ได้เน้นอะไรขนาดนั้น สบาย ๆ ไปกับบรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า บ้านกระท่อมโดด ๆ กลางป่า ภูเขาแต่ซ่อนความลึกลับในเรื่องเล่า ความเชื่อ ภูติผี ปีศาจในยุคมืดของการล่าอาณานิคมและการรุ่งเรืองของศาสนาให้ชวนคิดตามจนขนลุกตามภาพอยู่เป็นระยะ
- ดูจบเข้าใจอยู่ว่าทำไมถึงตั้งชื่อเรื่องนี้ เพราะ ขณะที่นางเอกทำภารกิจสำรวจชีวิตมนุษย์ตามลำพัง ก็มีแม่มดโผล่มาอย่างลับ ๆ ทำตัวเหมือนอาจารย์แดง แล้วพูดว่า อะจ๊ะเอ๋ ตัวเอง ท่านผู้เจริญ แต่ทั้งหลายไม่ได้เพราะเดี๋ยวชาวบ้านรู้เข้าแล้วโดนกระทืบเอา มาทำทีเป็นหลบตามมุมอัพเดทชีวิตนางเอกว่าเป็นอย่างไรบ้างแค่นั้นแล้วก็หายไปทิ้งช่วงไว้สักพักค่อยโผล่มาจ๊ะเอ๋ใหม่ ซึ่งเอาจริงผมตลกในความโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของนางพอให้ขำออกมานิด ๆ ได้บ้างเหมือนกัน อีกทั้งยังชอบเคมีระหว่างนางเอกกับแม่มดที่อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 แม้ว่าไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์แบบแม่กับลูก (ไม่ได้แล้วแหล่ะเพราะเล่นไปฆ่าแม่เขานี่) หรือในแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ก็ไม่เชิงอีกแต่เวลาที่ทั้งคู่เข้าฉากด้วยกันในเวลาที่จำกัดมันส่งพลังงานบางอย่างทำให้ผมรู้สึกถึงความผูกพันของคู่นี้อย่างบอกไม่ถูก
- ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 48 นาที ที่ดูเหมือนว่าจะนานไปแต่พอดูไปเรื่อย ๆ เอาจริงกลับรู้สึกว่ามันก็ผ่านไปค่อนข้างเร็วเหมือนกันแฮะ แน่นอนว่าหนังแนวนี้ทางฝั่งยุโรปจะนิยมใช้สภาพแวดล้อมเป็นตัวนำการเดินเรื่องส่วนใหญ่ ความเงียบจากการไม่มีตัวละครปรากฎฉากหรือไม่มีบทพูดของตัวละครส่งเสียงร้องออกมาซักแอ๊ะยิ่งเร่งให้เรารู้สึกเรียกร้องหาหมอนนุ่ม ๆ ฟุบลงบนที่นอนได้ง่ายเป็นอย่างดี เพราะไม่ค่อยมีสิ่งเร่งเร้าอย่างอื่นด้วยการใส่ฉากต่อสู้ หรือ เสียงดังจาก Effect ลอยโครมครามกระตุ้นอารมณ์ของเราให้จูนติดร่วมไปเรื่องราวด้วยกัน อย่างดีก็แค่มีฉากควักท้องเอาเครื่องในเหยื่อมากินสด ๆ เหมือนปอป หรือ ฉากใช้มีดฟันน้อนไก่ เชือดน้อนวัว มาเป็นเครื่องเซ่นไหว้นิดหน่อย แต่มาทีรู้สึกแขยะแขยงอยากจะอ้วกออกมาเต็มที รวมทั้งสงสารน้อน ๆ เหล่านี้ที่มาเป็นเครื่องมือระบายความใคร่ให้แก่แม่มดคู่นี้กระทำเล่นกันมันมือ ซึ่งโทนทั้งหมดจะออกไปทางรสพระธรรมสายกลางสอดแทรกด้วยเรื่องเล่าปรำปราปรุงแต่งความหลอนเข้าไปกลางทางเพื่อเดินไปสู่ประตูนิพพานมากกว่าจะขายฉากโหด ๆ รุนแรงตามสูตรสำเร็จความสยองของแนวนี้อย่างที่เรารู้สรรพคุณดีจึงไม่แปลกที่เวลาดูไปก็หาวไปพลางจนคิดกับตนเองว่าทำไมหนังมันเดินผ่านไปช้าจังวะ แวะไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาดูใหม่ก็ไม่เสียดายเวลาอะไร
- โปสเตอร์หนังคือตั้งใจขายรูปเจ๊ Noomi Rapace พร้อมแปะชื่อแส้นำโด่งเรียบร้อยเพื่อเรียกแขก แต่ที่หลังจากดูจบกลับสวนทางกว่าที่เราคิดไว้ก่อนหน้านี้ คือ เรื่องการแสดงฝีมือของเจ๊ผมไว้ใจอยู่แล้ว แต่บทที่ได้รับโผล่มาแค่ 1 / 4 ในเรื่อง ที่เหลือจะเป็นนักแสดงทางฝั่งยุโรปที่ไม่ได้ดังกว้างขวางแวะเวียนสลับ Timeline ที่ได้รับแต่ละคนเสร็จสรรพก็รับเงินค่าตัวกลับบ้านไปหรือกระทั่งตัวผู้กำกับ Goran Stolevski ก็ยังโนเนมกับเขาด้วย ถ้าไม่เอาหน้าเจ๊ ชื่อเจ๊มาแปะผมว่าก็อาจจะไม่มีใครเข้ามาดูแน่ ๆ ซึ่งผมก็เป็น 1 ในเหยื่อการตลาดที่อยากดูก็เพราะเห็นชื่อเจ๊เป็นอันดับแรกนี่แหล่ะ
- ภาพรวมสำหรับผมให้ระดับดี ไม่ผิดหวังแต่ไม่ได้ยอดเยี่ยมมากมายใด ๆ ดูได้เรื่อย ๆ เนิบเยอะเป็นส่วนใหญ่เหมือนเราเป็นตัวนางเอกเดินไปดูเรื่องราวแต่ละคนที่ไหลไปตามทางตั้งแต่ต้นจนจบจนไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน แต่ยอมรับว่าหนังนำเสนอความเป็นแม่มดบังหน้าฉากเพื่อแทรกประเด็นด้วยหลักจิตวิทยาสำรวจสภาวะภายในระหว่างคนกับแม่มดผ่านโลกผ่านยุคสมัยออกมาได้น่าติดตามไม่น้อยแถมอิงไปกับการใช้พลังความสามารถของนางเอกที่ทำการเปลี่ยนเป็นคนนั้นทีเป็นคนนี้ทีให้อารมณ์กึ่ง ๆ หนังสายลับนิด ๆ ที่ไม่ได้ทำงานเพื่อใครแต่ช่วยให้เรามองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างโลกของความเป็นจริงที่สลับซับซ้อนที่คาบเกี่ยวกับโลกของสิ่งลึกลับที่เล่นกับความเชื่อผูกมัดจิตใจคนผ่านมุมมองอันไร้เดียงสาของนางเอกที่อยากจะเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที บทสรุปที่เกือบจะ Happy Ending ตามสายธารแต่ดันสร้างปมเพื่อซ้ำเติมจิตใจเราอีก แม้จะไม่คมคายถึงกับทำเป็นคำคมแต่อย่างน้อยมันก็ได้ให้ Details อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ในโลกแห่งความจริงที่บางอย่างแม้แต่แม่มดที่มีพลังอำนาจอยู่ในมือก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นมนุษย์มันช่างยากเหลือเกิน มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงหรือ ?
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้