ศิริกัญญา เปิดโปง รัฐบาลเศษฯ จะขยายกรอบวินัยการเงินฯ 45% และใช้มติ ครม.ไปกู้ออมสิน 5.6 แสนล้านบาท ไม่ผ่านสภา??

เฮ้ย.... ถ้า...ทำจริงแบบนี้ ประเทศชาติจะล้มละลาย เลยนะ...ไป กู้ออมสิน ที่เป็นธนาคารที่เด็กๆ นักเรียน ฝากเงินไว้.... บร้าไปแล้ว เสี่ยงเกินไปแล้ว 

............................................................................

UPDATE: ‘ศิริกัญญา’ เปิดที่มาแหล่งเงินใช้ทำ Digital Wallet วงเงิน 5.6 แสนล้านบาท ชี้มาจากการกู้แบงก์ออมสิน



.
รู้แล้วที่มางบทำ Digital Wallet มาจากการกู้แบงก์ออมสิน ขยายกรอบวินัยการเงินการคลังขึ้นไปเป็น 45% ของงบปี 2567 จากเดิม 32% ไม่ได้มาจากงบประมาณตามที่ได้หาเสียง
.
ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวไกล เปิดเผยผ่านรายการ THE STANDARD NOW ว่า ที่มาของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้เพื่อดำเนิน

นโยบาย Digital Wallet วงเงิน 5.6 แสนล้านบาท จะมาจากการกู้แบงก์รัฐ คือ ธนาคารออมสิน โดยการขยายกรอบวินัยการเงินการคลังตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ขึ้นไปเป็น 45% ของงบประมาณปี 2567 จากเดิม 32% ไม่ได้มาจากงบประมาณตามที่ได้หาเสียงของพรรคเพื่อไทย 
.
เนื่องจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ให้ข้อมูลว่าจะขยายกรอบวินัยการเงินการคลัง 

อีกทั้งพรรคก้าวไกลได้ตรวจสอบกลับไปอีกครั้งเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลตามที่เคยได้มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ ทำให้เชื่อได้ว่าจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
.
สำหรับมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เปรียบเป็นเหมือนกับบัตรเครดิตของนายกรัฐมนตรีที่ถูกนำมาใช้สำหรับความจำเป็นในการใช้จ่าย
.
“จากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลบอกว่า เงินที่จะใช้ทำ Digital Wallet จะมาจากการกู้ธนาคารออมสิน 

ส่วนการยืนยันต้องให้รัฐบาลออกมายืนยันว่าจะกู้แบงก์รัฐไหน แต่คอนเฟิร์มข้อมูลแล้วว่าเงินที่จะใช้ไม่ได้มาจากงบประมาณแน่ จะเป็นการกู้แบงก์รัฐ 100%”
.
สำหรับการกู้เงินจากธนาคารออมสินจะมีข้อดีคือ จะได้เงินครบตามจำนวนที่ต้องการ อีกทั้งหนี้ที่เกิดจากการกู้แบงก์รัฐจะไม่ถูกนับเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย แต่สุดท้ายการกู้ดังกล่าวก็จะเป็นภาระของรัฐบาลและประชาชนในอนาคต
.
ส่วนข้อเสียมีดังนี้ 

1. เป็นหนี้อย่างไรก็ต้องจ่ายคืน ทุกวันนี้ต้องจ่ายคืนปีละเกือบแสนล้านบาทให้กับ ธ.ก.ส. และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ อยู่แล้ว ถ้าจ่ายคืนออมสินปีละ 5 หมื่นล้านบาทก็เป็นภาระไปอีก 10 ปี รวมแล้วงบประมาณต้องใช้คืนหนี้ทั้งหมดก็จะพุ่งไปราว 5 แสนล้านบาท เบียดบังงบประมาณที่ต้องใช้พัฒนาประเทศอื่นๆ
.
2. ใช้งบประมาณสูงมากโดยไม่ต้องผ่านสภา ใช้แค่มติ ครม. ก็สามารถกู้เงินได้ทันที ไม่ต้องมีการตรวจสอบใดๆ การกู้ผ่านมาตรา 28 ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะทั้งจำนวน หน่วยงานเจ้าหนี้ และภาระการคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
.
3. กระทบกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่ต้องการจำกัดการใช้เงินนอกงบและนโยบายกึ่งการคลังให้น้อยลง
.
4. สภาพคล่องของธนาคารออมสินอาจมีปัญหา ทั้งจากการระดมทุนเวลานี้และหากรัฐไม่ใช้คืนตามสัญญา ซึ่งสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เจอมาโดยตลอด ซึ่งจะทำให้บริหารเงินสดได้ยากลำบาก
.
อยากถามนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐว่า ท่านรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่
.
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามตรวจสอบต่อไปคือ รัฐบาลจะมีเงื่อนไขอย่างไรในการนำเงินกู้จากธนาคารออมสินใช้ ทั้งในด้านผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนให้กับธนาคารออมสินในฐานะผู้ให้กู้ รวมถึงติดตามปัญหาสภาพคล่องของไทยที่กำลังขาดปัญหาสภาพคล่อง 

หลังนักลงทุนต่างชาติเทขายตราสารหนี้ของไทยออกมาต่อเนื่อง หากธนาคารออมสินมีเงินไม่เพียงพอในการปล่อยกู้อาจมีความจำเป็นต้องมาระดมเงินผ่านตลาด 



ขณะที่ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทย (Government Bond Yield) มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายในวันรับตำแหน่ง รวมถึงการรักษากรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล
.
#TheStandardWealth

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่