โทมัส ออสพิเซียส นักสู้ มิติสนธยา
บทนำ
กล้องส่องพระขนาดจิ๋วถูกใช้เล็งคั่นกลางระหว่างเหรียญหลวงพ่อแช่ม แห่งวัดไชยธาราราม จังหวัดภูเก็ต(วัดฉลอง)กับเลนส์ตาข้างขวาของชายผู้หนึ่ง เหรียญพระเครื่องถูกจับพลิกไปมาเพื่อดูตำหนิสำคัญต่างๆเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันว่าเป็นของแท้
“เหรียญสี่เหลียม หลวงพ่อแช่มปี พศ.2512 รุ่นไม้เท้าศักดิ์สิทธ์ บล๊อคยันต์โค้ง พุทธคุณเมตตามหานิยม เฮียได้ไป เป็นต้องทำมาค้าขึ้นค้าขายร่ำรวยแน่นอน”
ฝรั่งหนุ่มหล่อแววตาทะเล้น บรรยายสรรพ-พุทธคุณเป็นภาษาไทย เหมือนเป็นเจ้าของภาษาตนเองอย่างคล่องแคล้วให้กับเสี่ยใหญ่ร้านเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่สนิทกันดีได้รับทราบถึงข้อมูลวัตถุมงคลที่อยู่ในมือขณะนี้ได้เข้าใจอย่างคร่าวๆ
“แล้วอั๊วจะรู้ได้ไงว่ะ อาทอม ว่าพระที่ลื้อเอามาให้อั๊วส่องอยู่นี่เป็นของแท้.!?”
“เหรียญหลวงพ่อแช่ม ท่านมีพุทธคุณเป็นเมตตามหานิยม เมื่อเช้านี้ตอนเฮียตื่นมา เฮียก็นึกถึงชั้นและอยากมาที่ร้านนี้วันนี้ใช่ไหมล่ะ.?”
เสี่ยใหญ่บัดนี้แสดงสีหน้าประหลาดใจหันไปมองหน้าฝรั่งหนุ่มอย่างงงงัน
“อาทอม! ลื้อรู้ได้ไงว่ะ.!?”
ทอมมองหน้าว่าที่ลูกค้า เขายิ้มแววตาสีหน้าสดใสน่ามอง
“ก็เมื่อเช้า ชั้นยกมืออาราธนาพุทธคุณ อธิษฐานว่า มงคลเมตตา ใครต้องวาสนาเหรียญมงคลวัตถุนี้ ให้คุณเมตา มหานิยมดลจิต ดลใจให้มารับไปบูชาด้วยเถิด จากนั้น ก็มานั่งรออยู่นี่เลย เห็นเฮียเดินมาก็รู้แล้วว่า โดนแน่ ”
“เฮ้ย..! ขนาดนั้นเลยเหรอว่ะเน๊ะ.?! แต่ก็จริงของลื้อนะ วันนี้ตื่นมาอั๊วะก็อยากมาที่นี่ อย่างที่ลื้อว่าจริงๆ”
ฝรั่งหนุ่มหล่อหัวใจไทยยิ้มหวาน
“เมื่อวาสนาต้องกัน เฮียก็บูชาไปเลย รับรองทำมาค้าขึ้น ราคาเดี๋ยวเฮียโทรคุยกับ อาจารย์น้อย เองก็แล้วกัน ถ้าจะเลี่ยมทองก็บอกแกเลย จะได้ทีเดียว”
“ถ้างั้นอั๊วะเชื่อลื้อ ตกลงตามนี้ แต่ขออั๊วะนั่งส่องต่ออีกหน่อย แล้วเดี๋ยวลื้อค่อยเอาไปเก็บก็แล้วกัน”
“ได้ครับเฮีย เช่นนั้นเชิญเฮียตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมเอากาแฟมาให้ดื่ม”
“ขอบใจอาทอม ลื้อนี่เป็นฝรั่งแท้ๆ พูดไทยก็ชัดอย่างกับลิ้นคนไทย แถมยังมีความรู้เรื่องพระเยอะแยะไปหมด ลื้อทำได้ไง.!?”
“แหม.! ก็ชั้นเกิดที่นี่ แล้วอาจารย์น้อยก็เป็นคนเลี้ยงชั้นมาตั้งแต่เด็กจนเรียนจบ เรื่องพระนี่ ชั้นก็ศึกษาจากอาจารย์น้อยเอานี่แหละ แต่ยังเทียบไม่ได้กับอาจารย์หรอกนะ”
“แล้วอาจาร์ยน้อยจะเข้ามาตอนกี่โมงล่ะนี่.!?”
“น่าจะบ่ายๆ เช้านี้อาจารย์บอกว่าจะมีแขกเข้ามาหา เสร็จธุระแล้วถึงจะมาที่นี่”
ทอมกำลังสาระวนชงกาแฟจากเคริ่องชงกาแฟสดที่ทางร้านมีไว้เพื่อบริการแขก และเพื่อใช้ชงให้กับอาจารย์น้อยผู้ซึ่งมีความพิศวาสในรสชาติของกาแฟสายพันธ์อาราบิก้าเป็นอย่างมาก กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วทั้งร้าน ส่งให้บรรยากาศแจ่มใสสดชื่นนัก เขาเดินอ้อมเค้าท์เตอร์กระจกที่ข้างในมีบรรดาพระเครื่องจำนวนหลายองค์วางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบในนั้น กาแฟดำถูกวางไว้เบื้องหน้าลูกค้าอย่างคุ้นเคย จากนั้นทอมก็นวดให้เสี่ยรุ่นพี่อย่างเอาใจและเป็นกันเอง
“แหมๆ ! อาทอม ลื้อนี้ก็ช่างเอาใจเนาะ มีกาแฟ มีนวดด้วย วันนี้ ฮ่าๆๆๆ”
“เฮียก็เหมือนพี่ชายชั้น ชั้นเห็นเฮียมาเป็นลูกค้าตั้งแต่ชั้นยังเป็นนักเรียนจนถึงตอนนี้ ไม่เอาใจเฮียแล้วจะเอาใจใครล่ะ.!?”
“เออๆ ดีๆ รู้สึกเบาตัวขึ้นจริงๆ ขอบใจลื้อมากๆนะ”
ทอมยิ้มรับคำชม เขานวดที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของเสี่ยใหญ่ลูกค้าประจำ และหยุดนวดลงในเวลาต่อมา
“เชิญเฮียตามสบายนะ ชั้นขอเข้าไปหลังร้านแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวออกมา”
“เออๆ ลื้อไปเหอะ เดี๋ยวอั๊วะดูหน้าร้านให้เอง”
ทอมตาใสยิ้มรับ จากนั้นจึงเดินกลับไปภายในร้านซึ่งกั้นไว้เป็นห้องทำงานของเขาและอาจารย์น้อย ในห้องมีโต๊ะทำงานขนาด 80 x 120 ซม. เก้าอี้ทำงานพนักสูง เก้าเอี้รับแขก สองตัว และชุดโซฟาแบบเข้ามุมกับโต๊ะรับแขกขนาดเล็ก ทั้งหมดถูกจัดวาง อย่างดูเป็นการเป็นงาน เขาปิดประตูและค่อยๆแบมือข้างขวาออกมา
ในมือกลับปรากฏเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายหนอน ตัวใหญ่ขนาดประมาณสากโขลกพริก มีหนามคล้ายตะปูตามตัว หย่อมขนคล้ายเส้นผมยาวขึ้นตามตัว มีดวงตา1ดวงที่ถลนออกมานอกเบ้ากลางหัว ดูแล้วช่างน่าเกลียดน่ากลัวแลสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง
“หนอนผี ไสยเวท.. ไปโดนใครเกลียดมานะเฮีย.? สมัยนี้ยังมีคนปล่อยของใส่กันอีกเหรอว่ะเนี๊ยะ.?!”
กล่าวจบ ทอมจึงใช้มือทั้งสองข้างประกบจับหนอนผีตัวนั้นไว้ เขาก้มมอง ปากขยับบริกรรมเป็นมนต์ภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้แล้วจึงพูดออกมาว่า
“ข้าขอปลดปล่อยเจ้า..!”
หนอนผีไสยเวทในฝ่ามือที่ประกบอยู่ทั้งสอง กลับเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมาแล้วรูปร่างอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นจึงค่อยเลือนหายแปรเปลียนไปเป็นลูกแสงกลมๆสีฟ้าลอยขึ้นไปช้าๆและหรี่หายไป
ทอมมองดูทุกอย่างเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จากนั้นจึงพนมเมือยกมือขึ้นหัวไวห้ครูรำลึกพุทธานุภาพ จากนั้นจึงพลิกตัวหันกลับเพื่อเดินออกนอกห้อง แต่กลับต้องชะงักหยุดดูรูปที่ใส่กรอบแขวนไว้ที่ข้างฝาภาพนี้ทุกครั้ง
มันเป็นภาพถ่ายของชายหญิงฝรั่งคู่หนึ่งกับชายคนไทยในชุดหทารเรือสีขาว ในมือเขาผู้นั้นอุ้มเด็กทารกแบเบาะในอ้อมแขน ทั้งหมดในภาพยิ้มอย่างมีความสุข อาจารย์น้อยสมัยเป็นทหารเรือในครั้งนั้นอายุราว 35 ปี ซึ่งอายุใกล้เคียงกับพ่อแม่ของเขาในเวลานั้นเช่นกัน
ใต้รูปขียนไว้ว่า น้อยและครอบครัวออสพิเชียส ยินดีต้อนรับ โทมัส สู่โลกใบนี้ ทอมอ่านและส่งยิ้มให้รูปนี้เหมือนที่ทำในทุกๆวัน จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป
..............................................................................
ตอนที่ 1
ผีตายโหงท้องกลม ระดับ ภัยพิบัติ
ผู้คนเริ่มมีให้เห็นหนาตาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถบชานเมือง ร้านค้าต่างๆในห้างล้วนเปิดพร้อมทำการทั้งสิ้น พนักงานขายทั้งหญิงชายแต่งตัวเรียบร้อยดูเหมาะสมเข้ากับสินค้าในแต่ละแผนก ตามที่นั่งพักที่ห้างจัดไว้ตามจุดต่างๆก็เริ่มมีคนเข้ามาจับจองบ้างยึดเป็นที่นั่งเล่นรอชั่วคราว บ้างถึงขั้นนั่งกันทั้งวันก็มี
ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้ลานน้ำตกภายในห้างกลับปรากฏเป็นหนุ่มใหญ่วัยเกือบหกสิบปีผู้หนึ่ง ซึ่งบัดนี้นั่งไขว่ห้างคล้ายรออะไรบางอย่างอยู่ ในมือของเขาข้างหนึ่งถือแก้วพลาสติคชนิดใส่ของร้อน ในเวลานี้กลับได้กระเพื่อมโชยส่งกลิ่มหอมกาแฟสายพันธ์อาราบิกาฟุ้งในบริเวณนั้น ด้วยบุคลิก เสื้อผ้าการแต่งกายกอปรกับท่าทางอันดูแข็งแรงได้สัดส่วน จึงทำให้เขาผู้นี้ดูเยาว์กว่าอายุจริงเป็นอันมาก
ขณะที่เคลิบเคลิ้มกับกลิ่นหอมอบอุ่นละไมนั้น สายตาที่มองทอดต่ำไปที่พื้นเบื้องล่างกลับได้พบรองเท้าสตรีชนิดส้นสูง 3 นิ้วอยู่เบื้องหน้า เงยหน้าขึ้นมาก็พบสุภาพสตรีวัยสามสิบปีเศษผิวขาวยืนรอทักเขาอยู่
“คุณคืออาจารย์น้อย ใช่ไหมคะ.?”
“ครับ ผมเอง”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อสาวิตรีที่โทรไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์เองค่ะ”
อาจารย์น้อยยืนขึ้น เผยให้เห็นส่วนสูงกว่า 180 ซม.ของเขา ทำให้สุภาพสตรีเบื้องหน้าบัดนี้ดูตัวเล็กลงไปถนัดตา เขาจิบกาแฟร้อนจากแก้วในมือ รสชาดขื่นขมแต่หอมกรุ่นเข้าสู่ประสาททำให้สติแจ่มใสกว่าเดิม
“เวลานี้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไร ผมคิดว่าเราเดินกันไปคุยกันไปดีกว่านะครับ”
“ก็ดีค่ะ” สาวิตรีพยักหน้าและกล่าวตกลง หล่อนหันเปิดทางเล็กน้อยจากนั้นทั้งสองจึงเดินสนทนากันไป
“จากที่คุณอธิบายให้ฟังทางโทรศัพท์ ออกจะเป็นเรื่องประหลาดอยู่”
“ค่ะ. ดิฉันรู้ และไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้จะมีจริง”
“รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้งได้ไหมครับ”
“ค่ะ อย่างที่แจ้งให้ทราบไปทางเมล์ที่ส่งไปก่อนหน้านี้ คืดเดิมทีดิฉันและเพื่อนอีกสองคนคือ ต่อ กับ โสภา เราทำช่องยูทูปด้วยกันเป็นช่องเกี่ยวกับการพาไปกิน เที่ยว สถาณที่ต่างๆ โดยเราทั้งสามคนร่วมกันทำ จะมีเพียง ต่อ เท่านั้นที่ทำงานมากกว่าเพื่อน คือเขาจะรับหน้าที่เป็นตากล้องของช่องด้วย เพราะเขาค่อนข้างมีฝีมือเรื่องกล้องและการถ่ายรูปค่ะ”
“แล้วรายได้เกี่ยวกับงานนี้ดีไหมครับ.?”
“หลังจากทำไปได้พักใหญ่ๆ ช่องก็เริ่มเป็นที่นิยม เพราะภาพจากฝีมือของ ต่อ และความน่ารักสดใสของ โสภา รายได้ก็เริ่มมีเข้ามา ค่ะ.!รายได้ดีทีเดียว ดิฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องเงินโดยหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด และแบ่งให้ทุกคนอย่างยุติธรรม ทุกคนมีความสุขมากในช่วงนั้น”
สาวิตรีนิ่งไป เหมือกำลังทำใจ เตรียมที่จะเล่าเหตุการณ์ลำดับสำคัญให้อดีตนาวิกโยธินรุ่นใหญ่ได้ฟัง อาจารย์น้อยสังเกตเห็นว่าหล่อนดูอึดอัดใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน... คือต่อมา โสภาก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่า เธอตั้งท้องกับต่อและอาจต้องพักทำรายการไปก่อนเมื่อท้องใหญ่ขึ้น ดิฉันประหลาดใจและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก จึงเรียกต่อมาคุยด้วยเช่นกัน”
“วันนั้นสรุปก็คือ คุณทั้งสามคุยกันเพื่อหาทางสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ใช่ค่ะ ทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างรุนแรงต่อหน้าดิฉัน เพราะต่อยังไม่พร้อม อีกทั้งรายได้จากช่องก็กำลังหลั่งไหลเข้ามา แต่โสภาไม่คิดเช่นนั้น วันนั้นเรื่องจบตรงที่ต่อบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง และหลังจากนั้น...”
หล่อนชะงักไป จากนั้นจึงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเต็มสองแก้ม
“สองวันผ่านไปเมื่อดิฉันมาที่สตูดิโอซึ่งเป็นคอนโดที่พวกเราเช่าไว้ทำงานกัน ก็ปรากฎว่าไม่สามารถเข้าไปได้เพราะประตูถูกล๊อค วันนั้นโสภาเป็นคนถือกุญแจไว้ ดิฉันจึงลองโทรเข้าไปที่เบอร์มือถือของทั้ง ต่อ และ โสภา ปรากฏว่าไม่มีใครรับสายเลยสักคน”
“ดิฉันร้อนใจมากคิดว่าเรื่องไม่ดีอาจจะเกิดขึ้นข้างในห้อง จึงแจ้งนิติบุคลและรปภ.ให้ใช้กุญแจของส่วนกลางที่ทางนิติเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับทุกห้อง พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นโสภานอนเสียชีวิตในอ่างอาบน้ำ เธอกรีดข้อมือเลือดไหลนองเต็มห้องน้ำไปหมด พอตั้งสติได้ คิฉันจึงรีบแจ้งตำราจโดยทันที”
“แล้วทางเจ้าหน้าที่สรุปว่าอย่างไรครับ”
“หลังการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตาย สรุปว่าเป็นการฆาตรกรรมค่ะ.!”
อดีตนาวิกโยธินตะลึงจากการให้ข้อมูลของสาวิตรี เขาได้ยินทุกอย่างชัดเจน หากเป็นเช่นหล่อนว่าทุกอย่าง
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ.!? จากที่คุณเล่ามา พิจรณาจากสภาพแวดล้อมของศพ น่าจะมุ่งประเด็นไปที่การฆ่าตัวตายนะครับ”
“ค่ะ แต่ผลชันสูตรระบุว่า โสภาเสียชีวิตจากสาเหตุ คอหัก ตาย ก่อนที่เลือดจะไหลออกหมดตัวเสียอีก คนร้ายหักคอเธอก่อน จากนั้นจึงใช้มีดโกนที่ตัวเองเตรียมไว้มาเชือดที่ข้อมือของโสภาเพื่ออำพรางสาเหตุการตายที่แท้จริง ในรายงานของทางเจ้าหน้าที่ยังระบุเพิ่มเติมมาอีกว่า พบหลักฐานเป็นลายนิ้วมือบนมีดโกนค่ะ... มันเป็นลายนิ้วมือของ ต่อ ตอนนี้ทางตำรวจกำลังตามหาตัวเขาอยู่”
“เพื่อนคุณคนที่ชื่อ ต่อ ตอนนี้อยู่ไหนครับ?”
“ต่อหายไปตั้งแต่ โสภา ตายค่ะ ยังหาตัวไม่เลย”
“ดูเหมือนคนที่กำลังหลบหนีความผิดอยู่เลยนะครับ”
“ค่ะ.. หลังจากที่ ต่อ หายไปร่วมเดือน ระหว่างนั้นที่สตูฯก็เกิดเรื่องแปลกๆมากมายจนดิฉันทำงานไม่ได้”
“แปลกอย่างไรครับ?”
สาวิตรีขณะนั้นกลัยหยุดเดิน และหันมามองหน้าอาจารย์น้อย เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างตื่นตระหนก
“บางวันดิฉันก็เห็นโสภาเดินผ่านข้างหลังไป บางครั้งข้าวของก็ร่วงหล่นตกลงมาเอง มีครั้งหนึ่งที่มีเสียงกรี๊ดขึ้นมาจากในห้องน้ำ แล้วจากนั้นหลอดไฟ กับ กระจกก็แตกของมันเอง ตอนนี้ดิฉันไปทำงานที่นั่นไม่ได้เลย น่ากลัวเหลือเกิน...”
“คุณคิดว่า วิญญาณของโสภาเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ประหลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในสตูดิโอแห่งนั้นสินะครับ?”
“ค่ะ ดิฉันคิดว่าเป็นเช่นนั้น”
อาจารญ์น้อยหลับตา ทบทวนความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยายามหาคำมาอธิบายในเชิงจิตวิญญาณให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ แต่ก็เป็นเรื่องยากในบางครั้ง เพราะหากพูดผิดไป ก็อาจฟังเป็นเรื่องตลกหลอกลวงไปได้
“คุณโสภาตายอย่างไม่ปกติ อีกทั้งตายเป็นการตั้งครรถ์ด้วยแล้ว ทางโบราณเรียกว่า ตายโหงท้องกลม ยิ่งเมื่อสาเหตุการตายเป็นถูกฆ่า วิญญาณก็เลยยิ่งแรงเข้าไปใหญ่ นานไปจิตพยาบาทอาฆาตก็ยิ่งถูกบ่มเพาะ และสามารถเปลี่ยน กลายเป็น ปิศาจอาฆาต ได้”
สาวิตรีแสดงอาการตกใจ หน้าซีด หวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ยินมาอย่างเห็นได้ชัด
“เ
นิยายแนวนี้แอคชั่น บวกแนวเหนือธรรมชาติ แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ย์ ลองอ่านดูนะ โทมัส ออสพิเซียส นักสู้ มิติสนธยา
กล้องส่องพระขนาดจิ๋วถูกใช้เล็งคั่นกลางระหว่างเหรียญหลวงพ่อแช่ม แห่งวัดไชยธาราราม จังหวัดภูเก็ต(วัดฉลอง)กับเลนส์ตาข้างขวาของชายผู้หนึ่ง เหรียญพระเครื่องถูกจับพลิกไปมาเพื่อดูตำหนิสำคัญต่างๆเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันว่าเป็นของแท้
“เหรียญสี่เหลียม หลวงพ่อแช่มปี พศ.2512 รุ่นไม้เท้าศักดิ์สิทธ์ บล๊อคยันต์โค้ง พุทธคุณเมตตามหานิยม เฮียได้ไป เป็นต้องทำมาค้าขึ้นค้าขายร่ำรวยแน่นอน”
ฝรั่งหนุ่มหล่อแววตาทะเล้น บรรยายสรรพ-พุทธคุณเป็นภาษาไทย เหมือนเป็นเจ้าของภาษาตนเองอย่างคล่องแคล้วให้กับเสี่ยใหญ่ร้านเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่สนิทกันดีได้รับทราบถึงข้อมูลวัตถุมงคลที่อยู่ในมือขณะนี้ได้เข้าใจอย่างคร่าวๆ
“แล้วอั๊วจะรู้ได้ไงว่ะ อาทอม ว่าพระที่ลื้อเอามาให้อั๊วส่องอยู่นี่เป็นของแท้.!?”
“เหรียญหลวงพ่อแช่ม ท่านมีพุทธคุณเป็นเมตตามหานิยม เมื่อเช้านี้ตอนเฮียตื่นมา เฮียก็นึกถึงชั้นและอยากมาที่ร้านนี้วันนี้ใช่ไหมล่ะ.?”
เสี่ยใหญ่บัดนี้แสดงสีหน้าประหลาดใจหันไปมองหน้าฝรั่งหนุ่มอย่างงงงัน
“อาทอม! ลื้อรู้ได้ไงว่ะ.!?”
ทอมมองหน้าว่าที่ลูกค้า เขายิ้มแววตาสีหน้าสดใสน่ามอง
“ก็เมื่อเช้า ชั้นยกมืออาราธนาพุทธคุณ อธิษฐานว่า มงคลเมตตา ใครต้องวาสนาเหรียญมงคลวัตถุนี้ ให้คุณเมตา มหานิยมดลจิต ดลใจให้มารับไปบูชาด้วยเถิด จากนั้น ก็มานั่งรออยู่นี่เลย เห็นเฮียเดินมาก็รู้แล้วว่า โดนแน่ ”
“เฮ้ย..! ขนาดนั้นเลยเหรอว่ะเน๊ะ.?! แต่ก็จริงของลื้อนะ วันนี้ตื่นมาอั๊วะก็อยากมาที่นี่ อย่างที่ลื้อว่าจริงๆ”
ฝรั่งหนุ่มหล่อหัวใจไทยยิ้มหวาน
“เมื่อวาสนาต้องกัน เฮียก็บูชาไปเลย รับรองทำมาค้าขึ้น ราคาเดี๋ยวเฮียโทรคุยกับ อาจารย์น้อย เองก็แล้วกัน ถ้าจะเลี่ยมทองก็บอกแกเลย จะได้ทีเดียว”
“ถ้างั้นอั๊วะเชื่อลื้อ ตกลงตามนี้ แต่ขออั๊วะนั่งส่องต่ออีกหน่อย แล้วเดี๋ยวลื้อค่อยเอาไปเก็บก็แล้วกัน”
“ได้ครับเฮีย เช่นนั้นเชิญเฮียตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมเอากาแฟมาให้ดื่ม”
“ขอบใจอาทอม ลื้อนี่เป็นฝรั่งแท้ๆ พูดไทยก็ชัดอย่างกับลิ้นคนไทย แถมยังมีความรู้เรื่องพระเยอะแยะไปหมด ลื้อทำได้ไง.!?”
“แหม.! ก็ชั้นเกิดที่นี่ แล้วอาจารย์น้อยก็เป็นคนเลี้ยงชั้นมาตั้งแต่เด็กจนเรียนจบ เรื่องพระนี่ ชั้นก็ศึกษาจากอาจารย์น้อยเอานี่แหละ แต่ยังเทียบไม่ได้กับอาจารย์หรอกนะ”
“แล้วอาจาร์ยน้อยจะเข้ามาตอนกี่โมงล่ะนี่.!?”
“น่าจะบ่ายๆ เช้านี้อาจารย์บอกว่าจะมีแขกเข้ามาหา เสร็จธุระแล้วถึงจะมาที่นี่”
ทอมกำลังสาระวนชงกาแฟจากเคริ่องชงกาแฟสดที่ทางร้านมีไว้เพื่อบริการแขก และเพื่อใช้ชงให้กับอาจารย์น้อยผู้ซึ่งมีความพิศวาสในรสชาติของกาแฟสายพันธ์อาราบิก้าเป็นอย่างมาก กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วทั้งร้าน ส่งให้บรรยากาศแจ่มใสสดชื่นนัก เขาเดินอ้อมเค้าท์เตอร์กระจกที่ข้างในมีบรรดาพระเครื่องจำนวนหลายองค์วางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบในนั้น กาแฟดำถูกวางไว้เบื้องหน้าลูกค้าอย่างคุ้นเคย จากนั้นทอมก็นวดให้เสี่ยรุ่นพี่อย่างเอาใจและเป็นกันเอง
“แหมๆ ! อาทอม ลื้อนี้ก็ช่างเอาใจเนาะ มีกาแฟ มีนวดด้วย วันนี้ ฮ่าๆๆๆ”
“เฮียก็เหมือนพี่ชายชั้น ชั้นเห็นเฮียมาเป็นลูกค้าตั้งแต่ชั้นยังเป็นนักเรียนจนถึงตอนนี้ ไม่เอาใจเฮียแล้วจะเอาใจใครล่ะ.!?”
“เออๆ ดีๆ รู้สึกเบาตัวขึ้นจริงๆ ขอบใจลื้อมากๆนะ”
ทอมยิ้มรับคำชม เขานวดที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของเสี่ยใหญ่ลูกค้าประจำ และหยุดนวดลงในเวลาต่อมา
“เชิญเฮียตามสบายนะ ชั้นขอเข้าไปหลังร้านแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวออกมา”
“เออๆ ลื้อไปเหอะ เดี๋ยวอั๊วะดูหน้าร้านให้เอง”
ทอมตาใสยิ้มรับ จากนั้นจึงเดินกลับไปภายในร้านซึ่งกั้นไว้เป็นห้องทำงานของเขาและอาจารย์น้อย ในห้องมีโต๊ะทำงานขนาด 80 x 120 ซม. เก้าอี้ทำงานพนักสูง เก้าเอี้รับแขก สองตัว และชุดโซฟาแบบเข้ามุมกับโต๊ะรับแขกขนาดเล็ก ทั้งหมดถูกจัดวาง อย่างดูเป็นการเป็นงาน เขาปิดประตูและค่อยๆแบมือข้างขวาออกมา
ในมือกลับปรากฏเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายหนอน ตัวใหญ่ขนาดประมาณสากโขลกพริก มีหนามคล้ายตะปูตามตัว หย่อมขนคล้ายเส้นผมยาวขึ้นตามตัว มีดวงตา1ดวงที่ถลนออกมานอกเบ้ากลางหัว ดูแล้วช่างน่าเกลียดน่ากลัวแลสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง
“หนอนผี ไสยเวท.. ไปโดนใครเกลียดมานะเฮีย.? สมัยนี้ยังมีคนปล่อยของใส่กันอีกเหรอว่ะเนี๊ยะ.?!”
กล่าวจบ ทอมจึงใช้มือทั้งสองข้างประกบจับหนอนผีตัวนั้นไว้ เขาก้มมอง ปากขยับบริกรรมเป็นมนต์ภาษาที่ไม่สามารถเข้าใจได้แล้วจึงพูดออกมาว่า
“ข้าขอปลดปล่อยเจ้า..!”
หนอนผีไสยเวทในฝ่ามือที่ประกบอยู่ทั้งสอง กลับเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมาแล้วรูปร่างอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นจึงค่อยเลือนหายแปรเปลียนไปเป็นลูกแสงกลมๆสีฟ้าลอยขึ้นไปช้าๆและหรี่หายไป
ทอมมองดูทุกอย่างเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จากนั้นจึงพนมเมือยกมือขึ้นหัวไวห้ครูรำลึกพุทธานุภาพ จากนั้นจึงพลิกตัวหันกลับเพื่อเดินออกนอกห้อง แต่กลับต้องชะงักหยุดดูรูปที่ใส่กรอบแขวนไว้ที่ข้างฝาภาพนี้ทุกครั้ง
มันเป็นภาพถ่ายของชายหญิงฝรั่งคู่หนึ่งกับชายคนไทยในชุดหทารเรือสีขาว ในมือเขาผู้นั้นอุ้มเด็กทารกแบเบาะในอ้อมแขน ทั้งหมดในภาพยิ้มอย่างมีความสุข อาจารย์น้อยสมัยเป็นทหารเรือในครั้งนั้นอายุราว 35 ปี ซึ่งอายุใกล้เคียงกับพ่อแม่ของเขาในเวลานั้นเช่นกัน
ใต้รูปขียนไว้ว่า น้อยและครอบครัวออสพิเชียส ยินดีต้อนรับ โทมัส สู่โลกใบนี้ ทอมอ่านและส่งยิ้มให้รูปนี้เหมือนที่ทำในทุกๆวัน จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป
ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้ลานน้ำตกภายในห้างกลับปรากฏเป็นหนุ่มใหญ่วัยเกือบหกสิบปีผู้หนึ่ง ซึ่งบัดนี้นั่งไขว่ห้างคล้ายรออะไรบางอย่างอยู่ ในมือของเขาข้างหนึ่งถือแก้วพลาสติคชนิดใส่ของร้อน ในเวลานี้กลับได้กระเพื่อมโชยส่งกลิ่มหอมกาแฟสายพันธ์อาราบิกาฟุ้งในบริเวณนั้น ด้วยบุคลิก เสื้อผ้าการแต่งกายกอปรกับท่าทางอันดูแข็งแรงได้สัดส่วน จึงทำให้เขาผู้นี้ดูเยาว์กว่าอายุจริงเป็นอันมาก
ขณะที่เคลิบเคลิ้มกับกลิ่นหอมอบอุ่นละไมนั้น สายตาที่มองทอดต่ำไปที่พื้นเบื้องล่างกลับได้พบรองเท้าสตรีชนิดส้นสูง 3 นิ้วอยู่เบื้องหน้า เงยหน้าขึ้นมาก็พบสุภาพสตรีวัยสามสิบปีเศษผิวขาวยืนรอทักเขาอยู่
“คุณคืออาจารย์น้อย ใช่ไหมคะ.?”
“ครับ ผมเอง”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อสาวิตรีที่โทรไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์เองค่ะ”
อาจารย์น้อยยืนขึ้น เผยให้เห็นส่วนสูงกว่า 180 ซม.ของเขา ทำให้สุภาพสตรีเบื้องหน้าบัดนี้ดูตัวเล็กลงไปถนัดตา เขาจิบกาแฟร้อนจากแก้วในมือ รสชาดขื่นขมแต่หอมกรุ่นเข้าสู่ประสาททำให้สติแจ่มใสกว่าเดิม
“เวลานี้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไร ผมคิดว่าเราเดินกันไปคุยกันไปดีกว่านะครับ”
“ก็ดีค่ะ” สาวิตรีพยักหน้าและกล่าวตกลง หล่อนหันเปิดทางเล็กน้อยจากนั้นทั้งสองจึงเดินสนทนากันไป
“จากที่คุณอธิบายให้ฟังทางโทรศัพท์ ออกจะเป็นเรื่องประหลาดอยู่”
“ค่ะ. ดิฉันรู้ และไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้จะมีจริง”
“รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้งได้ไหมครับ”
“ค่ะ อย่างที่แจ้งให้ทราบไปทางเมล์ที่ส่งไปก่อนหน้านี้ คืดเดิมทีดิฉันและเพื่อนอีกสองคนคือ ต่อ กับ โสภา เราทำช่องยูทูปด้วยกันเป็นช่องเกี่ยวกับการพาไปกิน เที่ยว สถาณที่ต่างๆ โดยเราทั้งสามคนร่วมกันทำ จะมีเพียง ต่อ เท่านั้นที่ทำงานมากกว่าเพื่อน คือเขาจะรับหน้าที่เป็นตากล้องของช่องด้วย เพราะเขาค่อนข้างมีฝีมือเรื่องกล้องและการถ่ายรูปค่ะ”
“แล้วรายได้เกี่ยวกับงานนี้ดีไหมครับ.?”
“หลังจากทำไปได้พักใหญ่ๆ ช่องก็เริ่มเป็นที่นิยม เพราะภาพจากฝีมือของ ต่อ และความน่ารักสดใสของ โสภา รายได้ก็เริ่มมีเข้ามา ค่ะ.!รายได้ดีทีเดียว ดิฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องเงินโดยหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด และแบ่งให้ทุกคนอย่างยุติธรรม ทุกคนมีความสุขมากในช่วงนั้น”
สาวิตรีนิ่งไป เหมือกำลังทำใจ เตรียมที่จะเล่าเหตุการณ์ลำดับสำคัญให้อดีตนาวิกโยธินรุ่นใหญ่ได้ฟัง อาจารย์น้อยสังเกตเห็นว่าหล่อนดูอึดอัดใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน... คือต่อมา โสภาก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่า เธอตั้งท้องกับต่อและอาจต้องพักทำรายการไปก่อนเมื่อท้องใหญ่ขึ้น ดิฉันประหลาดใจและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก จึงเรียกต่อมาคุยด้วยเช่นกัน”
“วันนั้นสรุปก็คือ คุณทั้งสามคุยกันเพื่อหาทางสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ใช่ค่ะ ทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างรุนแรงต่อหน้าดิฉัน เพราะต่อยังไม่พร้อม อีกทั้งรายได้จากช่องก็กำลังหลั่งไหลเข้ามา แต่โสภาไม่คิดเช่นนั้น วันนั้นเรื่องจบตรงที่ต่อบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง และหลังจากนั้น...”
หล่อนชะงักไป จากนั้นจึงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเต็มสองแก้ม
“สองวันผ่านไปเมื่อดิฉันมาที่สตูดิโอซึ่งเป็นคอนโดที่พวกเราเช่าไว้ทำงานกัน ก็ปรากฎว่าไม่สามารถเข้าไปได้เพราะประตูถูกล๊อค วันนั้นโสภาเป็นคนถือกุญแจไว้ ดิฉันจึงลองโทรเข้าไปที่เบอร์มือถือของทั้ง ต่อ และ โสภา ปรากฏว่าไม่มีใครรับสายเลยสักคน”
“ดิฉันร้อนใจมากคิดว่าเรื่องไม่ดีอาจจะเกิดขึ้นข้างในห้อง จึงแจ้งนิติบุคลและรปภ.ให้ใช้กุญแจของส่วนกลางที่ทางนิติเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับทุกห้อง พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นโสภานอนเสียชีวิตในอ่างอาบน้ำ เธอกรีดข้อมือเลือดไหลนองเต็มห้องน้ำไปหมด พอตั้งสติได้ คิฉันจึงรีบแจ้งตำราจโดยทันที”
“แล้วทางเจ้าหน้าที่สรุปว่าอย่างไรครับ”
“หลังการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตาย สรุปว่าเป็นการฆาตรกรรมค่ะ.!”
อดีตนาวิกโยธินตะลึงจากการให้ข้อมูลของสาวิตรี เขาได้ยินทุกอย่างชัดเจน หากเป็นเช่นหล่อนว่าทุกอย่าง
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ.!? จากที่คุณเล่ามา พิจรณาจากสภาพแวดล้อมของศพ น่าจะมุ่งประเด็นไปที่การฆ่าตัวตายนะครับ”
“ค่ะ แต่ผลชันสูตรระบุว่า โสภาเสียชีวิตจากสาเหตุ คอหัก ตาย ก่อนที่เลือดจะไหลออกหมดตัวเสียอีก คนร้ายหักคอเธอก่อน จากนั้นจึงใช้มีดโกนที่ตัวเองเตรียมไว้มาเชือดที่ข้อมือของโสภาเพื่ออำพรางสาเหตุการตายที่แท้จริง ในรายงานของทางเจ้าหน้าที่ยังระบุเพิ่มเติมมาอีกว่า พบหลักฐานเป็นลายนิ้วมือบนมีดโกนค่ะ... มันเป็นลายนิ้วมือของ ต่อ ตอนนี้ทางตำรวจกำลังตามหาตัวเขาอยู่”
“เพื่อนคุณคนที่ชื่อ ต่อ ตอนนี้อยู่ไหนครับ?”
“ต่อหายไปตั้งแต่ โสภา ตายค่ะ ยังหาตัวไม่เลย”
“ดูเหมือนคนที่กำลังหลบหนีความผิดอยู่เลยนะครับ”
“ค่ะ.. หลังจากที่ ต่อ หายไปร่วมเดือน ระหว่างนั้นที่สตูฯก็เกิดเรื่องแปลกๆมากมายจนดิฉันทำงานไม่ได้”
“แปลกอย่างไรครับ?”
สาวิตรีขณะนั้นกลัยหยุดเดิน และหันมามองหน้าอาจารย์น้อย เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างตื่นตระหนก
“บางวันดิฉันก็เห็นโสภาเดินผ่านข้างหลังไป บางครั้งข้าวของก็ร่วงหล่นตกลงมาเอง มีครั้งหนึ่งที่มีเสียงกรี๊ดขึ้นมาจากในห้องน้ำ แล้วจากนั้นหลอดไฟ กับ กระจกก็แตกของมันเอง ตอนนี้ดิฉันไปทำงานที่นั่นไม่ได้เลย น่ากลัวเหลือเกิน...”
“คุณคิดว่า วิญญาณของโสภาเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ประหลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในสตูดิโอแห่งนั้นสินะครับ?”
“ค่ะ ดิฉันคิดว่าเป็นเช่นนั้น”
อาจารญ์น้อยหลับตา ทบทวนความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยายามหาคำมาอธิบายในเชิงจิตวิญญาณให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ แต่ก็เป็นเรื่องยากในบางครั้ง เพราะหากพูดผิดไป ก็อาจฟังเป็นเรื่องตลกหลอกลวงไปได้
“คุณโสภาตายอย่างไม่ปกติ อีกทั้งตายเป็นการตั้งครรถ์ด้วยแล้ว ทางโบราณเรียกว่า ตายโหงท้องกลม ยิ่งเมื่อสาเหตุการตายเป็นถูกฆ่า วิญญาณก็เลยยิ่งแรงเข้าไปใหญ่ นานไปจิตพยาบาทอาฆาตก็ยิ่งถูกบ่มเพาะ และสามารถเปลี่ยน กลายเป็น ปิศาจอาฆาต ได้”
สาวิตรีแสดงอาการตกใจ หน้าซีด หวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ยินมาอย่างเห็นได้ชัด
“เ