กองทัพเรือใช้งบ 200 ล้านบาท ศึกษาการซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็ยังถูกจีนหลอกขาย

กองทัพเรือใช้งบ 200 ล้านบาทเพื่อศึกษาการซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็ยังถูกจีนหลอกขาย จีนย่อมรู้ดีว่าเงื่อนไขของเยอรมันคือ เรือดำน้ำที่ใช้เครื่องยนต์ของเยอรมันมีไว้ใช้ในจีนเท่านั้น ห้ามนำไปขายต่อให้ประเทศอื่น แต่ก็ยังเขียนสัญญาขายให้ไทย ถามว่าใช้เงินไป 200 ล้านในการทำการศึกษา แต่ไม่รู้ว่า ต้องมีการต่อรอง เรื่องเครื่องยนต์ MTU เรื่องเครื่องยนต์ดีเซล ที่ไปต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน เรื่องพวกนี้ กองทัพต้องรู้อยู่แล้วว่า จะใช้เครื่องยนต์ที่มาจากเยอรมัน และก็เป็นไปไม่ได้ที่กองทัพจะไม่รู้ว่า มีสัญญาของสหภาพยุโรปที่จะไม่ขายอาวุธสงครามให้จีน กองทัพเรือต้องรู้อยู่แล้ว กองทัพเรือควรจะต้องมีเอกสารที่ทำให้แน่ใจว่า เยอรมันจะขายให้ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ สัญญาซื้อขายเครื่องยนต์ MTU ระหว่างจีนกับเยอรมัน หรือเอกสารสัญญา จดหมายต่างๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร หาก ครม.ล้มเลิกการซื้อนี้ จีนต้องคืนเงินให้ไทยทั้งหมด แต่ถ้าอนุมัติรับเครื่องยนต์จีนแทน ก็เป็นไปได้สูงว่ารัฐบาลต่อจากรัฐบาลที่แล้ว ก็จะผ่านงบประมาณให้ซื้อลำที่ 2 ลำที่ 3 ได้ไม่ยากนัก เหตุใดหลังจากที่กองทัพเรือทราบปัญหาของทางการจีนในปี 2564 แล้ว โครงการอันสืบเนื่องจากการจัดซื้อเรือดำน้ำทั้งหมด จึงดำเนินต่อเนื่องไปอย่างเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการของบฯ ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 ในงบประมาณฯ ปี 2565 การสร้างเรือยกพลขึ้นบกเพื่อสนับสนุนเรือดำน้ำ การสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ โรงซ่อม และโรงเก็บขีปนาวุธ ล้วนเป็นไปตามขั้นตอนปกติทั้งหมด สิ่งที่ ครม.รัฐบาลปัจจุบันควรทำคือล้มข้อตกลงนี้ แล้วตั้งคณะกรรมการสอบสวนทีมงานกองทัพเรือที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเรือดำน้ำนี้ ว่าทำหน้าที่ผิดพลาดอย่างไร ทำให้ประเทศเสียหายอย่างไรบ้าง

กองทัพเรือใช้งบ 200 ล้านบาท ศึกษาการซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็ยังถูกจีนหลอกขาย