ทบ.แจง สั่งตั้งกก.สอบ ปมน้ำมันหาย ตั้งแต่มิ.ย.แล้ว แต่ยังไม่สรุปผล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7881448
กองทัพบกแจง ปมน้ำมันหายในค่าย สั่งตั้งกรรมการสอบ เรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว ยังไม่ได้สรุปผล ชี้ใครผิด ดำเนินการลงโทษ ตามขั้นตอนแน่นอน
วันที่ 23 ก.ย.2566 พล.ต.หญิง
ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากกรณีมีการเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบ การเบิกจ่ายน้ำมันของหน่วยทหารพื้นที่สระบุรี ซึ่งระบุว่าอาจมีการสูญหายเป็นจำนวนหนึ่งนั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เกิดจากการที่ผ่านมาเมื่อปี 2565 กองทัพบกได้ส่งชุดตรวจพิเศษการส่งกำลัง
โดยกรมจเรทหารบก ไปตรวจสอบการเบิกจ่ายเก็บรักษาสิ่งอุปกรณ์สำคัญทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง และชุดตรวจพิเศษได้เข้าตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายและเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้ตรวจพบข้อสังเกตในการเบิกจ่ายน้ำมัน จึงรายงานให้กองทัพบกทราบ ต่อมาเมื่อมิถุนายน 2566 กองทัพบกจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เจ้ากรมจเรทหารบกเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกำลังเร่งดำเนินการยังไม่ได้สรุปผล หากผลสอบสวนปรากฎมีผู้ที่ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ก็จะเสนอให้พิจารณาลงโทษต่อไป ขอเรียนว่า เมื่อกองทัพบกได้รับรายงานว่าอาจมีความไม่เรียบร้อยในการเบิกจ่ายและเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ดังกล่าว
ทางกองทัพบกได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที พร้อมกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสอบสวนด้วยความรอบคอบ ครอบคลุมทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง และรายงานสรุปผลสอบสวนให้ทราบโดยเร็ว ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยต้องบริหารจัดการสิ่งอุปกรณ์ประเภท ต่างๆให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการ
กรณีนี้กองทัพบกให้ความสำคัญในการตรวจสอบทุกข้อมูลข้อเท็จจริง และจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติงานตามปกติ การเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยทหารกองทัพบก จะมีระบบการควบคุมตรวจสอบตามวงรอบระบบส่งกำลังบำรุง
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบช้ำด้วยชุดตรวจพิเศษการส่งกำลังจากกรมจเรทหารบกเพื่อให้หน่วยปฏิบัติได้เรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการในลักษณะการตรวจสอบภายในองค์กรด้วย โดยกองทัพบกได้จัดชุดตรวจพิเศษในลักษณะดังกล่าวเข้าดำเนินการตรวจสอบการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์สำคัญ อาทิ วัตถุระเบิด อาวุธ กระสุน รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการกำกับดูแลภายในอีกระดับหนึ่ง
ชัยธวัช ให้กำลังใจ อานนท์ ก่อนกอดคอร้องเพลง งานดื่มส่ง เข้าเรือนจำ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7881456
ชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ มาให้กำลังใจอานนท์ ก่อนกอดคอร่วมร้องเพลง ทุ่งฝันวันใหม่ งานดื่มส่ง เข้าเรือนจำ ชี้อยากเห็นระบบกฎหมาย ที่ยุติธรรมเท่านั้น
วันที่ 23 ก.ย.2566 นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ เดินทางมาร่วมงาน ดื่มส่งอานนท์ เข้าเรือนจำ โดยได้ร้องเพลงร่วมกับนาย
อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่จะต้องเข้ารับฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ในวันที่ 26 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
โดยนายชัยธวัชได้ร่วมกอดคอขับร้องบทเพลงทุ่งฝันวันใหม่ร่วมกับนายอานนท์ เนื้อเพลงตอนหนึ่งว่า “
หยัดยืนฝ่าฟันเธอฉันหมาย วาดแผ่นดินให้งดงาม” ต่อมา นาย
บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ร่วมด้วย โดยกอดคอนาย
ชัยธวัช และโยกย้ายตามจังหวะเพลง
นาย
ชัยธวัช เผยว่าวันนี้แวะมาให้กำลังใจนายอานนท์ ซึ่งเป็นทนายความรุ่นใหม่ที่เคยรับผิดชอบคดีคนเสื้อแดงในปี 2553 ทำให้มีโอกาสได้ร่วมงานกันในช่วงเวลานั้น ต่อมาเมื่อเกิดรัฐประหารในปี 2557 ก็ยังได้ร่วมงานกันโดยร่วมก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
เราอยากเห็นระบบกฎหมายที่เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน คนเสมอภาค มีความยุติธรรม มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไม่รู้ว่าในวันที่ 26 ก.ย.นี้ คุณอานนท์จะต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำอีกหรือไม่ วันนี้จึงแวะมาให้กำลังใจ
สำหรับคดีดังกล่าวมีเหตุมาจากการปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก 2. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3. ปฏิรูปสถาบัน
ที่มา มติชนออนไลน์
ราคายางใกล้แตะ 50บาท/กก. กระทบโรงงานน้ำยางข้นต้นทุนพุ่ง-จ่อปิดตัว
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1399802
ราคายางพาราปรับตัวใกล้แตะ 50 บาท/กก. กระทบโรงงานอุตสาหกรรมผลิต “น้ำยางข้น” มีแนวโน้มปิดตัวเพิ่ม เหตุต้นทุนสูง โรงงานถุงมือยางธรรมชาติซื้อน้อย หันไปใช้ยางสังเคราะห์มากกว่า ด้านปริมาณน้ำยางสดหดหายไปกว่า 50% จากโรคยางใบร่วง ส่งผลให้ยางพาราปรับตัวสูงขึ้น
แหล่งข่าวจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ยางพาราปรับตัวดีขึ้นครั้งละ 1-2 บาท/กก. โดยราคาน้ำยางสดขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 43-44 บาท/กก. เป็น 47-48 บาท/กก. ยางแผ่นดิบมีการปรับราคาขึ้น บางพื้นที่ขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 44 บาท/กก. เป็น 45-47 บาท/กก.
ส่วนยางรมควันขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 48 บาท/กก. เป็น 50-51 บาท/กก. สำหรับราคาน้ำยางข้นได้ปรับตัวขึ้นมาจากเดิมที่ 43 บาท/กก. ได้ปรับเป็น 47 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับการซื้อขายของแต่ละราย แต่ยังไม่คล่องตัว
เนื่องจากไม่มีน้ำยางสดปั่นเป็นน้ำยางข้น และน้ำยางข้นไม่สามารถส่งขายโรงงานแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ถุงมือยางได้ เนื่องจากตลาดถุงมือยางค่อนข้างจะซบเซา เพราะเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกานิยมใช้ถุงมือยางสังเคราะห์ คือ ยางไนไตรล์ (nitrile rubber) มากกว่าถุงมือยางธรรมชาติ
ขณะที่ปริมาณน้ำยางสดลดน้อยลงกว่า 50% ส่งผลกระทบให้ตอนนี้โรงงานอุตสาหกรรมน้ำยางข้นต่างประสบภาวะขาดทุน โดยโรงงานระดับเอสเอ็มอีหลายแห่งต่างทยอยปิดตัวชั่วคราว หลายรายเดินเครื่องจักรเพียงครึ่งเดียว และบางรายพยามยามเดินเครื่องไปจนถึงสิ้นปี 2566 และมีแนวโน้มว่าจะปิดตัวลงชั่วคราวอีกเช่นกัน
“
2 สัปดาห์ก่อนหน้าราคาน้ำยางข้นในตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ที่ 980 เหรียญ/ตัน และปรับตัวขึ้นมา 1,080 เหรียญ/ตัน ตามราคายางในตลาดซื้อขายล่วงหน้า แต่ราคาน้ำยางข้นที่เสนอขายสูงขึ้นตลาดไม่ตอบรับกลับเงียบ ไม่มีใครซื้อจึงต้องเสนอขายราคาต่ำ เพราะยางในตลาดเพื่อนบ้านต่างประเทศก็ขายในราคาต่ำ เช่น ทั้งอินโดนีเซีย เมียนมา เวียดนาม”
สำหรับสาเหตุที่น้ำยางสดปริมาณน้อย มาจาก 1.ยางพาราเกิดโรคยางใบร่วงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำยางสดหายไป 50% ประกอบกับไม่สามารถกรีดได้ตามปกติเนื่องจากฝนตกหนัก และส่วนหนึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวทุเรียน มังคุด มีการโค่นยางพาราปลูกทุเรียน
และที่สำคัญตอนนี้สวนยางพาราขาดแคลนแรงงานมาก บางพื้นที่ 100,000 ไร่ ขาดแคลนถึง 70% น้ำยางสดเหลือ 20,000 กก. บางพื้นที่น้ำยางสดกรีดได้ 40,000 กก./วัน เหลือประมาณ 2,000-3,000 กก./วัน
ทางด้าน นาย
กัมปนาท วงศ์ชูวรรณ ผู้จัดการ เกษตรกรกลุ่มทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราส่งออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตลาดโลกซื้อขายล่วงหน้ายางพารา ราคาปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดซื้อขายยางพาราปรับตัวขึ้นตาม
เนื่องจากปริมาณน้ำยางน้อย ทำให้น้ำยางสดบางพื้นที่ขึ้นไปถึง 45 บาท/กก. ยางรมควัน 50-51 บาท/กก. ส่งผลโรงงานอุตสาหกรรมยางพารา ไม่มีสินค้าที่จะเดินเครื่องผลิต และราคาปรับตัวยังไม่ปรับตัวหวือหวาเท่าที่ควร
บางพื้นที่น้ำยางสดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 42 บาทเศษ/กก. ก็สามารถทำยางแผ่นดิบแปรรูปเป็นยางรมควันได้ เพราะยางรมควันราคา 50-51 บาท/กก. มีส่วนต่าง 5 บาท/กก. แต่บางพื้นที่ราคาน้ำยางสด ราคา 47 บาท/กก. ไม่สามารถแปรรูปเป็นยางรมควันได้ เพราะส่วนต่างเพียง 3 บาท/กก. ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะการแปรรูปทำยางรมควัน มีค่าแรงงาน ค่าวัตถุดิบอื่น ๆ และค่าบริหารจัดการ 5 บาท/กก. จะขาดทุน 2 บาท/กก.
“
ยางพาราที่ไปได้ คือยางรมควัน ยางแท่ง เบอร์ 20 ยางก้อนถ้วย ส่วนน้ำยางข้นชะลอตัวไปเหลือประมาณ 40%”
นาย
กัมปนาทกล่าวอีกว่า ทิศทางยางพาราแม้ว่าจะปรับตัวขึ้นแต่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะปรับขึ้นอยู่ในระยะยาวหรือว่าระยะสั้น ตอนนี้ทางโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์รับจ้างผลิตสินค้าตามออร์เดอร์เท่านั้น เพราะยังมีความเสี่ยงสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง จ.สงขลา จ.พัทลุง ชาวสวนยางพาราต่างเร่งกรีดยางพารา จากที่ปกติกรีด 1 วัน หยุด 1 วัน หรือกรีด 2 วัน หยุด 1 วัน และกรีด 3 วันหยุด 1 วัน ปรากฏว่าชาวสวนยางพาราบางกลุ่มกรีด 5 วัน หยุด 1 วัน โดยให้เหตุผลว่า ในช่วงยางพาราปรับตัวขาขึ้นต้องรีบกรีดให้ถี่ขึ้นเพื่อสร้างรายได้
JJNY : ทบ.แจงปมน้ำมัน ยังไม่สรุปผล│ชัยธวัชให้กำลังใจอานนท์│โรงงานน้ำยางข้นต้นทุนพุ่ง-จ่อปิดตัว│สัญญาณเตือนวิกฤติอากาศโลก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7881448
วันที่ 23 ก.ย.2566 พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากกรณีมีการเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบ การเบิกจ่ายน้ำมันของหน่วยทหารพื้นที่สระบุรี ซึ่งระบุว่าอาจมีการสูญหายเป็นจำนวนหนึ่งนั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เกิดจากการที่ผ่านมาเมื่อปี 2565 กองทัพบกได้ส่งชุดตรวจพิเศษการส่งกำลัง
โดยกรมจเรทหารบก ไปตรวจสอบการเบิกจ่ายเก็บรักษาสิ่งอุปกรณ์สำคัญทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง และชุดตรวจพิเศษได้เข้าตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายและเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้ตรวจพบข้อสังเกตในการเบิกจ่ายน้ำมัน จึงรายงานให้กองทัพบกทราบ ต่อมาเมื่อมิถุนายน 2566 กองทัพบกจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เจ้ากรมจเรทหารบกเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบในรายละเอียดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกำลังเร่งดำเนินการยังไม่ได้สรุปผล หากผลสอบสวนปรากฎมีผู้ที่ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ก็จะเสนอให้พิจารณาลงโทษต่อไป ขอเรียนว่า เมื่อกองทัพบกได้รับรายงานว่าอาจมีความไม่เรียบร้อยในการเบิกจ่ายและเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ดังกล่าว
ทางกองทัพบกได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที พร้อมกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสอบสวนด้วยความรอบคอบ ครอบคลุมทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง และรายงานสรุปผลสอบสวนให้ทราบโดยเร็ว ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยต้องบริหารจัดการสิ่งอุปกรณ์ประเภท ต่างๆให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการ
กรณีนี้กองทัพบกให้ความสำคัญในการตรวจสอบทุกข้อมูลข้อเท็จจริง และจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติงานตามปกติ การเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยทหารกองทัพบก จะมีระบบการควบคุมตรวจสอบตามวงรอบระบบส่งกำลังบำรุง
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบช้ำด้วยชุดตรวจพิเศษการส่งกำลังจากกรมจเรทหารบกเพื่อให้หน่วยปฏิบัติได้เรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการในลักษณะการตรวจสอบภายในองค์กรด้วย โดยกองทัพบกได้จัดชุดตรวจพิเศษในลักษณะดังกล่าวเข้าดำเนินการตรวจสอบการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์สำคัญ อาทิ วัตถุระเบิด อาวุธ กระสุน รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการกำกับดูแลภายในอีกระดับหนึ่ง
ชัยธวัช ให้กำลังใจ อานนท์ ก่อนกอดคอร้องเพลง งานดื่มส่ง เข้าเรือนจำ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7881456
ชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ มาให้กำลังใจอานนท์ ก่อนกอดคอร่วมร้องเพลง ทุ่งฝันวันใหม่ งานดื่มส่ง เข้าเรือนจำ ชี้อยากเห็นระบบกฎหมาย ที่ยุติธรรมเท่านั้น
วันที่ 23 ก.ย.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ เดินทางมาร่วมงาน ดื่มส่งอานนท์ เข้าเรือนจำ โดยได้ร้องเพลงร่วมกับนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่จะต้องเข้ารับฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ในวันที่ 26 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
โดยนายชัยธวัชได้ร่วมกอดคอขับร้องบทเพลงทุ่งฝันวันใหม่ร่วมกับนายอานนท์ เนื้อเพลงตอนหนึ่งว่า “หยัดยืนฝ่าฟันเธอฉันหมาย วาดแผ่นดินให้งดงาม” ต่อมา นายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ร่วมด้วย โดยกอดคอนายชัยธวัช และโยกย้ายตามจังหวะเพลง
นายชัยธวัช เผยว่าวันนี้แวะมาให้กำลังใจนายอานนท์ ซึ่งเป็นทนายความรุ่นใหม่ที่เคยรับผิดชอบคดีคนเสื้อแดงในปี 2553 ทำให้มีโอกาสได้ร่วมงานกันในช่วงเวลานั้น ต่อมาเมื่อเกิดรัฐประหารในปี 2557 ก็ยังได้ร่วมงานกันโดยร่วมก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
เราอยากเห็นระบบกฎหมายที่เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน คนเสมอภาค มีความยุติธรรม มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ไม่รู้ว่าในวันที่ 26 ก.ย.นี้ คุณอานนท์จะต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำอีกหรือไม่ วันนี้จึงแวะมาให้กำลังใจ
สำหรับคดีดังกล่าวมีเหตุมาจากการปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก 2. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3. ปฏิรูปสถาบัน
ที่มา มติชนออนไลน์
ราคายางใกล้แตะ 50บาท/กก. กระทบโรงงานน้ำยางข้นต้นทุนพุ่ง-จ่อปิดตัว
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1399802
ราคายางพาราปรับตัวใกล้แตะ 50 บาท/กก. กระทบโรงงานอุตสาหกรรมผลิต “น้ำยางข้น” มีแนวโน้มปิดตัวเพิ่ม เหตุต้นทุนสูง โรงงานถุงมือยางธรรมชาติซื้อน้อย หันไปใช้ยางสังเคราะห์มากกว่า ด้านปริมาณน้ำยางสดหดหายไปกว่า 50% จากโรคยางใบร่วง ส่งผลให้ยางพาราปรับตัวสูงขึ้น
แหล่งข่าวจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ยางพาราปรับตัวดีขึ้นครั้งละ 1-2 บาท/กก. โดยราคาน้ำยางสดขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 43-44 บาท/กก. เป็น 47-48 บาท/กก. ยางแผ่นดิบมีการปรับราคาขึ้น บางพื้นที่ขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 44 บาท/กก. เป็น 45-47 บาท/กก.
ส่วนยางรมควันขยับจากปลายเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 48 บาท/กก. เป็น 50-51 บาท/กก. สำหรับราคาน้ำยางข้นได้ปรับตัวขึ้นมาจากเดิมที่ 43 บาท/กก. ได้ปรับเป็น 47 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับการซื้อขายของแต่ละราย แต่ยังไม่คล่องตัว
เนื่องจากไม่มีน้ำยางสดปั่นเป็นน้ำยางข้น และน้ำยางข้นไม่สามารถส่งขายโรงงานแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ถุงมือยางได้ เนื่องจากตลาดถุงมือยางค่อนข้างจะซบเซา เพราะเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกานิยมใช้ถุงมือยางสังเคราะห์ คือ ยางไนไตรล์ (nitrile rubber) มากกว่าถุงมือยางธรรมชาติ
ขณะที่ปริมาณน้ำยางสดลดน้อยลงกว่า 50% ส่งผลกระทบให้ตอนนี้โรงงานอุตสาหกรรมน้ำยางข้นต่างประสบภาวะขาดทุน โดยโรงงานระดับเอสเอ็มอีหลายแห่งต่างทยอยปิดตัวชั่วคราว หลายรายเดินเครื่องจักรเพียงครึ่งเดียว และบางรายพยามยามเดินเครื่องไปจนถึงสิ้นปี 2566 และมีแนวโน้มว่าจะปิดตัวลงชั่วคราวอีกเช่นกัน
“2 สัปดาห์ก่อนหน้าราคาน้ำยางข้นในตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ที่ 980 เหรียญ/ตัน และปรับตัวขึ้นมา 1,080 เหรียญ/ตัน ตามราคายางในตลาดซื้อขายล่วงหน้า แต่ราคาน้ำยางข้นที่เสนอขายสูงขึ้นตลาดไม่ตอบรับกลับเงียบ ไม่มีใครซื้อจึงต้องเสนอขายราคาต่ำ เพราะยางในตลาดเพื่อนบ้านต่างประเทศก็ขายในราคาต่ำ เช่น ทั้งอินโดนีเซีย เมียนมา เวียดนาม”
สำหรับสาเหตุที่น้ำยางสดปริมาณน้อย มาจาก 1.ยางพาราเกิดโรคยางใบร่วงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำยางสดหายไป 50% ประกอบกับไม่สามารถกรีดได้ตามปกติเนื่องจากฝนตกหนัก และส่วนหนึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวทุเรียน มังคุด มีการโค่นยางพาราปลูกทุเรียน
และที่สำคัญตอนนี้สวนยางพาราขาดแคลนแรงงานมาก บางพื้นที่ 100,000 ไร่ ขาดแคลนถึง 70% น้ำยางสดเหลือ 20,000 กก. บางพื้นที่น้ำยางสดกรีดได้ 40,000 กก./วัน เหลือประมาณ 2,000-3,000 กก./วัน
ทางด้าน นายกัมปนาท วงศ์ชูวรรณ ผู้จัดการ เกษตรกรกลุ่มทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราส่งออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตลาดโลกซื้อขายล่วงหน้ายางพารา ราคาปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดซื้อขายยางพาราปรับตัวขึ้นตาม
เนื่องจากปริมาณน้ำยางน้อย ทำให้น้ำยางสดบางพื้นที่ขึ้นไปถึง 45 บาท/กก. ยางรมควัน 50-51 บาท/กก. ส่งผลโรงงานอุตสาหกรรมยางพารา ไม่มีสินค้าที่จะเดินเครื่องผลิต และราคาปรับตัวยังไม่ปรับตัวหวือหวาเท่าที่ควร
บางพื้นที่น้ำยางสดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 42 บาทเศษ/กก. ก็สามารถทำยางแผ่นดิบแปรรูปเป็นยางรมควันได้ เพราะยางรมควันราคา 50-51 บาท/กก. มีส่วนต่าง 5 บาท/กก. แต่บางพื้นที่ราคาน้ำยางสด ราคา 47 บาท/กก. ไม่สามารถแปรรูปเป็นยางรมควันได้ เพราะส่วนต่างเพียง 3 บาท/กก. ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะการแปรรูปทำยางรมควัน มีค่าแรงงาน ค่าวัตถุดิบอื่น ๆ และค่าบริหารจัดการ 5 บาท/กก. จะขาดทุน 2 บาท/กก.
“ยางพาราที่ไปได้ คือยางรมควัน ยางแท่ง เบอร์ 20 ยางก้อนถ้วย ส่วนน้ำยางข้นชะลอตัวไปเหลือประมาณ 40%”
นายกัมปนาทกล่าวอีกว่า ทิศทางยางพาราแม้ว่าจะปรับตัวขึ้นแต่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะปรับขึ้นอยู่ในระยะยาวหรือว่าระยะสั้น ตอนนี้ทางโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์รับจ้างผลิตสินค้าตามออร์เดอร์เท่านั้น เพราะยังมีความเสี่ยงสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง จ.สงขลา จ.พัทลุง ชาวสวนยางพาราต่างเร่งกรีดยางพารา จากที่ปกติกรีด 1 วัน หยุด 1 วัน หรือกรีด 2 วัน หยุด 1 วัน และกรีด 3 วันหยุด 1 วัน ปรากฏว่าชาวสวนยางพาราบางกลุ่มกรีด 5 วัน หยุด 1 วัน โดยให้เหตุผลว่า ในช่วงยางพาราปรับตัวขาขึ้นต้องรีบกรีดให้ถี่ขึ้นเพื่อสร้างรายได้