เห็นข่าวรัฐบาล ประชานิยม รัฐมนตรีพลังงานที่ดูแล้วไม่ค่อยปะะสา ไม่รู้เรื่อง อาจพูดถูกใจคน แต่ถูกต้องหรือไม่อาจทำลายประเทศเสียหาย เศรษฐกิจชาติพังยับตลาดทุนเสียหาย รายย่อยไทย นับแสนนับล้านคนขาดทุนจากตลาดหุ้นไทยตกอยู่คนเดียว ตลาดบอนด์ ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงในภูมิภาค
ตอนนี้

ฝากให้คิดทบทวนไตร่ตรอง ประเทศไทย จะเอาคนแบบนี้ มาบริหารเศรษฐกิจชาติจริงๆ เหรอ “ไม่มีความรู้เรื่องพลังงาน ไม่เข้าใจ ไม่เชี่ยวชาญ “ บอกจะขอไปศึกษาก่อน แต่ดันทะลึ่งพูดคิดจะทำอะไรออกมาละ ไม่รู้เศรษฐศาสตร์ เค้าจบอะไรมา right man in the right job หรือไม่ ได้ยินประโยคให้ สัมภาษณ์ โก้เก้ดูเป็นคนดีถูกใจ “ ผมสนใจแต่ปากท้องประชาชนมากกว่าทำธุรกิจ" เหมือน จะให้ ราคาถูกๆ เอาใจ ประชาชนนิยม ไม่สนใจทำธุรกิจ แนวนี้คนฉลาดนักเศรษฐศาสตร์ รู้ดีว่าจะส่งผลเสียหายต่อชาติ แบบคลาดไม่ถึง เอาเงินภาษีของอนาคตลูกหลาน มาใช้อุ้มๆ มาแจกๆ ผลาญงบประมาณจำนวนมาก ขาดวินัยทางการคลัง ระยะยาวอาจเป็นประเทศล้มละลายเสียหายเหมือน “เวเนซุเอล่า ประเทศที่เคยร่ำรวย และ มีน้ำมันใต้ดินเยอะที่สุดประเทศหนึ่งของโลก แต่โชคร้ายได้ผู้นำประชานิยมสุดโต่ง แจกแหลก ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ถูกๆ เหมือนน้ำเปล่า รัฐบาลเอาเงินภาษีรายได้รัฐมาอุ้ม ถูกใจประประชาชน คะแนนการเมืองเพิ่มขึ้น แต่ไม่นาน ภาคเอกชนบริษัทพลังงานเก่งๆ ใหญ่ๆ ก็อยู่ไม่ได้ จนรัฐเข้าควบคุมกิจการพลังงาน และน้ำมันทั้งหมดแทน แต่การบริหารแบบราชการ ก็ทำให้รั่วไหล ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการพัฒนาหาเทคโนโลยี จึงล้าหลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภาคประชาชนก็เคยชินกับการได้รับของแจกๆ ไม่ต้องดินรน ไม่ต้องเก่งทำมาหากิน ….และท้ายสุด10-20ปีต่อมา ประเทศก็ถังแตก อ่อนแอทั้งประเทศ ล้มละลาย ค่าเงินอ่อนค่ากลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ให้ชาวโลกเห็นเป็นเยี่ยงอย่างในปัจจุบัน
ประเทศไทยจะใช้แนวทางประชานิยมสุดโต่งนี้จริงๆเหรอ
รัฐบาลที่ผ่านมา ก็ผลาญงบรัฐจนขาดดุล จนหนี้สาธารณะ เพิ่มมากสุดเป็นประวัติการณ์จึงเกิดกฎหมายใหม่ แก้ไข ขูดรีดภาษีเพิ่ม จากประชาชน หลายอย่าง ภาษี บ้าน ที่ดิน และ อื่นๆ ที่เข้มข้นมากขึ้น และผู้ประกอบการพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน โรงกลั่น ในไทยหลายบริษัทในตลาดหุ้นไทย ก็ลำบาก ถูกกดดันแทรกแซงจน ไม่กำไรหรือขาดทุน ตลาดหุ้นไทยจึงแทบเป็นประเทศเดียวในโลก ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ไปไหน มีแต่ทรงๆ ทรุดๆย่ำแย่อยู่กับที่ มีประชาชนไทยรายย่อยเจ๊ง ไม่มีกำไร เงินปันผล มาใช้จ่ายซื้อสินค้ากระตุ้นเศรษฐกิจชาติเหมือนประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันมีประชาชนไทยจำนวนมากลงทุนตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจสูง 3-4ล้านคนลำพัง ปตท.OR ก็เชิญชวนคน ไปลงทุน ซื้อหุ้นจองIPO กว่า5แสนคนละ แต่สรุปรัฐบาลที่แล้วทำรายย่อยไทยเจ็บหนัก ส่วนฝรั่งเหมือนนกรู้ เทขายล่วงหน้าตลาดทาง รู้ลูกเดียวเศรษฐกิจได้ไม่ดี แถมไม่ค่อยเป็นมิตรบริษัทพลังงาน เก็บเอาภาษีอย่างเดียว
ขายน้ำมัน1ลิตร รัฐเก็บภาษีต่างๆรวมแล้วราว 5-10บาท ส่วนผู้ประกอบการที่แบกรับต้นทุนสูงและความเสี่ยงต่างๆเพียบ แต่เหลือกำไรสุทธิเรี่ยดินไม่ถึง1บาท ( ดังนั้นจะบังคับขูดรีดผู้ประกอบให้ตาย เหลือแต่กระดูกก็ช่วยลดได้ไม่เกินนี้ )
นี่จึงเป็นเหตุผล ทำไม บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ต่างชาติในไทย จึงทะยอยขายกิจการ เพราะทำแล้วไม่คุ้ม ..ปั้ม JETสหรัฐขายแล้ว ปั้มปริโตนาสมาเลเซียขายแล้ว และล่าสุดสุดESSOสหรัฐ ขายทิ้งทั้งโรงกลั่นและปั้มน้ำมัน
และรัฐบาลใหม่นี้ หลายนะโยบาย จะคล้ายรัฐบาลที่แล้ว เผลอๆ อาจจะหนักกว่า… การบิดเบือนโลกที่เป็นจริง หรือ คิดผิด ย่อมส่งผลลัพธ์ที่ผิดแน่นอน
มนุษย์พิมพ์เงินไม่อั้น เงินเฟ้อ ค่าใช้จ่าย สิ่งของ ปรับขึ้น เงินเดือนค่าจ้าง ข้าราชการหรือเอกชนปรับขึ้นทุกๆปี แต่หวังจะให้ ราคาไฟฟ้า น้ำมัน พลังงาน ราคาถูกๆ มันไม่น่าจะใช่เรื่องจริงของโลก ผู้ประกอบการใช้เงินลงทุน เป็นหมื่น เป็นแสนล้าน มีความเสี่ยงสูง มีความยากลำบาก และ ต้องใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาขั้นสูง
การที่รัฐบาลใหม่นี้ จะเอาเงินงบประมาณรัฐ ประชานิยม มาผลาญจะเอาเงินมาจากใหนคาดรายได้ รัฐตัวเลขกลม 3ล้านล้าน ส่วนใหญ่มาจากภาษีประชาชนทุกคนในประเทศจ่ายผ่านราคาสินค้า ซึ่งจำนวน70-80% หมดไปกับ เงินเดือน ค่าใช้จ่ายประจำราชการ ทหาร ตำรวจ กระทรวงต่างๆ และ เหลืองบลงทุน เงินเดือนคนแก่ เงินบำนาญสวัสดิการคนจน อื่นๆ ก็หมดละ ถ้าจะเอาเงินมาอุ้มราคาไฟฟ้า น้ำมัน แจกเงินอีก ก็คงต้องกู้เพิ่มๆ หนี้สาธารณะเพิ่ม ย่อมหนีไม่พ้นเป็นภารลูกหลานอนาคต ต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น
และถ้ารัฐบาลนี้ มัวแต่คิดจะเอาใจทางการเมือง ใช้เม็ดเงินภาษีเงินอนาคตของลูกหลานมาใช้ มาอุ้มให้ราคาถูกๆ มาแจกๆ ( ถูกกว่าโลกที่เป็นจริง ) ย่อมจะส่งผลเสียในอนาคตแน่นอน และแนวนะโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่อบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ไทย และไม่สนใจผู้ประกอบการ ไม่เป็นมิตร ต่อบริษัทพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน และยังบังขับกดดันเรื่องราคาที่ไม่เป็นธรรม ผู้ประกอบการลำบาก ให้แย่ลงๆ เรื่อยๆ ย่อมผลเสียย้อนกลับเศรษฐกิจชาติ เพราะบริษัทเหล่านี้ สำคัญ สร้างงาน สร้างราย เป็นเส้นเลือดสำคัญให้แก่ระบบเศรษฐกิจชาติ GDPสูง และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คือรัฐ ผ่านกระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ กองทุนราชการ กองทุนประกันสังคม และ ประชาชนนักลงทุนไทยจำนวนมาก
และ บริษัท เหล่านี้ ยังสร้างรายได้ให้รัฐปีละหลายแสนล้าน จากภาษีที่รัฐเก็บ และเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
แล้วถ้านโยบายรัฐบาลนี้ ยังขืนทำให้บริษัทเหล่านี้ อ่อนแอลง รายได้ย่อมรัฐเสียหายตาม รายได้รัฐไม่เข้าเป้า แต่มีรายจ่ายเพียบ ทั้งแจก ทั้งอุ้มไฟฟ้า น้ำมัน ต้องใช้เงินหลายแสนล้าน …ตลาดหุ้นตก เก็บภาษีเงินไม่ได้เป้า เงินไม่พอ …นี่แหละจึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ทำไมช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยจึงตก ค่าเงินไทยอ่อน นักลงทุนฝรั่งก็กลัว ประชานิยม จะทำให้เสียหายการคลังในอนาคต จึงเทขายรัวๆ นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าว บริษัทจัดอันดับเร็ตติ้งใหญ่ๆของโลก จะทะยอยปรับลดอันดับเร็ตติ้งในไทย
ฝาก
เห็นข่าวรัฐบาล ประชานิยม รัฐมนตรีพลังงานที่ไม่ปะสา ไม่รู้เรื่อง อาจพูดถูกใจคน แต่ถูกต้องหรือไม่ อาจทำลายประเทศเสียหาย
ตอนนี้
ฝากให้คิดทบทวนไตร่ตรอง ประเทศไทย จะเอาคนแบบนี้ มาบริหารเศรษฐกิจชาติจริงๆ เหรอ “ไม่มีความรู้เรื่องพลังงาน ไม่เข้าใจ ไม่เชี่ยวชาญ “ บอกจะขอไปศึกษาก่อน แต่ดันทะลึ่งพูดคิดจะทำอะไรออกมาละ ไม่รู้เศรษฐศาสตร์ เค้าจบอะไรมา right man in the right job หรือไม่ ได้ยินประโยคให้ สัมภาษณ์ โก้เก้ดูเป็นคนดีถูกใจ “ ผมสนใจแต่ปากท้องประชาชนมากกว่าทำธุรกิจ" เหมือน จะให้ ราคาถูกๆ เอาใจ ประชาชนนิยม ไม่สนใจทำธุรกิจ แนวนี้คนฉลาดนักเศรษฐศาสตร์ รู้ดีว่าจะส่งผลเสียหายต่อชาติ แบบคลาดไม่ถึง เอาเงินภาษีของอนาคตลูกหลาน มาใช้อุ้มๆ มาแจกๆ ผลาญงบประมาณจำนวนมาก ขาดวินัยทางการคลัง ระยะยาวอาจเป็นประเทศล้มละลายเสียหายเหมือน “เวเนซุเอล่า ประเทศที่เคยร่ำรวย และ มีน้ำมันใต้ดินเยอะที่สุดประเทศหนึ่งของโลก แต่โชคร้ายได้ผู้นำประชานิยมสุดโต่ง แจกแหลก ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ถูกๆ เหมือนน้ำเปล่า รัฐบาลเอาเงินภาษีรายได้รัฐมาอุ้ม ถูกใจประประชาชน คะแนนการเมืองเพิ่มขึ้น แต่ไม่นาน ภาคเอกชนบริษัทพลังงานเก่งๆ ใหญ่ๆ ก็อยู่ไม่ได้ จนรัฐเข้าควบคุมกิจการพลังงาน และน้ำมันทั้งหมดแทน แต่การบริหารแบบราชการ ก็ทำให้รั่วไหล ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการพัฒนาหาเทคโนโลยี จึงล้าหลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภาคประชาชนก็เคยชินกับการได้รับของแจกๆ ไม่ต้องดินรน ไม่ต้องเก่งทำมาหากิน ….และท้ายสุด10-20ปีต่อมา ประเทศก็ถังแตก อ่อนแอทั้งประเทศ ล้มละลาย ค่าเงินอ่อนค่ากลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ให้ชาวโลกเห็นเป็นเยี่ยงอย่างในปัจจุบัน
ประเทศไทยจะใช้แนวทางประชานิยมสุดโต่งนี้จริงๆเหรอ
รัฐบาลที่ผ่านมา ก็ผลาญงบรัฐจนขาดดุล จนหนี้สาธารณะ เพิ่มมากสุดเป็นประวัติการณ์จึงเกิดกฎหมายใหม่ แก้ไข ขูดรีดภาษีเพิ่ม จากประชาชน หลายอย่าง ภาษี บ้าน ที่ดิน และ อื่นๆ ที่เข้มข้นมากขึ้น และผู้ประกอบการพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน โรงกลั่น ในไทยหลายบริษัทในตลาดหุ้นไทย ก็ลำบาก ถูกกดดันแทรกแซงจน ไม่กำไรหรือขาดทุน ตลาดหุ้นไทยจึงแทบเป็นประเทศเดียวในโลก ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ไปไหน มีแต่ทรงๆ ทรุดๆย่ำแย่อยู่กับที่ มีประชาชนไทยรายย่อยเจ๊ง ไม่มีกำไร เงินปันผล มาใช้จ่ายซื้อสินค้ากระตุ้นเศรษฐกิจชาติเหมือนประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันมีประชาชนไทยจำนวนมากลงทุนตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจสูง 3-4ล้านคนลำพัง ปตท.OR ก็เชิญชวนคน ไปลงทุน ซื้อหุ้นจองIPO กว่า5แสนคนละ แต่สรุปรัฐบาลที่แล้วทำรายย่อยไทยเจ็บหนัก ส่วนฝรั่งเหมือนนกรู้ เทขายล่วงหน้าตลาดทาง รู้ลูกเดียวเศรษฐกิจได้ไม่ดี แถมไม่ค่อยเป็นมิตรบริษัทพลังงาน เก็บเอาภาษีอย่างเดียว
ขายน้ำมัน1ลิตร รัฐเก็บภาษีต่างๆรวมแล้วราว 5-10บาท ส่วนผู้ประกอบการที่แบกรับต้นทุนสูงและความเสี่ยงต่างๆเพียบ แต่เหลือกำไรสุทธิเรี่ยดินไม่ถึง1บาท ( ดังนั้นจะบังคับขูดรีดผู้ประกอบให้ตาย เหลือแต่กระดูกก็ช่วยลดได้ไม่เกินนี้ )
นี่จึงเป็นเหตุผล ทำไม บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ต่างชาติในไทย จึงทะยอยขายกิจการ เพราะทำแล้วไม่คุ้ม ..ปั้ม JETสหรัฐขายแล้ว ปั้มปริโตนาสมาเลเซียขายแล้ว และล่าสุดสุดESSOสหรัฐ ขายทิ้งทั้งโรงกลั่นและปั้มน้ำมัน
และรัฐบาลใหม่นี้ หลายนะโยบาย จะคล้ายรัฐบาลที่แล้ว เผลอๆ อาจจะหนักกว่า… การบิดเบือนโลกที่เป็นจริง หรือ คิดผิด ย่อมส่งผลลัพธ์ที่ผิดแน่นอน
มนุษย์พิมพ์เงินไม่อั้น เงินเฟ้อ ค่าใช้จ่าย สิ่งของ ปรับขึ้น เงินเดือนค่าจ้าง ข้าราชการหรือเอกชนปรับขึ้นทุกๆปี แต่หวังจะให้ ราคาไฟฟ้า น้ำมัน พลังงาน ราคาถูกๆ มันไม่น่าจะใช่เรื่องจริงของโลก ผู้ประกอบการใช้เงินลงทุน เป็นหมื่น เป็นแสนล้าน มีความเสี่ยงสูง มีความยากลำบาก และ ต้องใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาขั้นสูง
การที่รัฐบาลใหม่นี้ จะเอาเงินงบประมาณรัฐ ประชานิยม มาผลาญจะเอาเงินมาจากใหนคาดรายได้ รัฐตัวเลขกลม 3ล้านล้าน ส่วนใหญ่มาจากภาษีประชาชนทุกคนในประเทศจ่ายผ่านราคาสินค้า ซึ่งจำนวน70-80% หมดไปกับ เงินเดือน ค่าใช้จ่ายประจำราชการ ทหาร ตำรวจ กระทรวงต่างๆ และ เหลืองบลงทุน เงินเดือนคนแก่ เงินบำนาญสวัสดิการคนจน อื่นๆ ก็หมดละ ถ้าจะเอาเงินมาอุ้มราคาไฟฟ้า น้ำมัน แจกเงินอีก ก็คงต้องกู้เพิ่มๆ หนี้สาธารณะเพิ่ม ย่อมหนีไม่พ้นเป็นภารลูกหลานอนาคต ต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น
และถ้ารัฐบาลนี้ มัวแต่คิดจะเอาใจทางการเมือง ใช้เม็ดเงินภาษีเงินอนาคตของลูกหลานมาใช้ มาอุ้มให้ราคาถูกๆ มาแจกๆ ( ถูกกว่าโลกที่เป็นจริง ) ย่อมจะส่งผลเสียในอนาคตแน่นอน และแนวนะโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่อบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ไทย และไม่สนใจผู้ประกอบการ ไม่เป็นมิตร ต่อบริษัทพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน และยังบังขับกดดันเรื่องราคาที่ไม่เป็นธรรม ผู้ประกอบการลำบาก ให้แย่ลงๆ เรื่อยๆ ย่อมผลเสียย้อนกลับเศรษฐกิจชาติ เพราะบริษัทเหล่านี้ สำคัญ สร้างงาน สร้างราย เป็นเส้นเลือดสำคัญให้แก่ระบบเศรษฐกิจชาติ GDPสูง และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คือรัฐ ผ่านกระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ กองทุนราชการ กองทุนประกันสังคม และ ประชาชนนักลงทุนไทยจำนวนมาก
และ บริษัท เหล่านี้ ยังสร้างรายได้ให้รัฐปีละหลายแสนล้าน จากภาษีที่รัฐเก็บ และเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
แล้วถ้านโยบายรัฐบาลนี้ ยังขืนทำให้บริษัทเหล่านี้ อ่อนแอลง รายได้ย่อมรัฐเสียหายตาม รายได้รัฐไม่เข้าเป้า แต่มีรายจ่ายเพียบ ทั้งแจก ทั้งอุ้มไฟฟ้า น้ำมัน ต้องใช้เงินหลายแสนล้าน …ตลาดหุ้นตก เก็บภาษีเงินไม่ได้เป้า เงินไม่พอ …นี่แหละจึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ทำไมช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยจึงตก ค่าเงินไทยอ่อน นักลงทุนฝรั่งก็กลัว ประชานิยม จะทำให้เสียหายการคลังในอนาคต จึงเทขายรัวๆ นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าว บริษัทจัดอันดับเร็ตติ้งใหญ่ๆของโลก จะทะยอยปรับลดอันดับเร็ตติ้งในไทย
ฝาก