เรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น หากชื่อบุคคล สถานที่หรือเหตุการณ์ตรงกับใคร ทางผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
-----------------------------------------------------------------------
เรื่องที่ 15 คนเก่ง
ปูเป็นพนักงานคอมพิวเตอร์ในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง หน้าที่ของปูคือเป็นผู้ดูแลวางระบบและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้บริษัท บริษัทของเธอมีสาขาอยู่ทั่วประเทศและกำลังขยายสาขาไปต่างประเทศ
ปัจจุบันปูมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชอบเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ปูเธอชอบพูดกับเพื่อนร่วมงานกับคนอื่นเสมอว่า เวลาทำงานกับอ้อทีไร รู้สึกอุ่นใจเพราะระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำด้วยกันจะได้อ้อช่วยงานเสมอ
ย้อนสมัยที่เข้ามาทำงานช่วยแรก เธอเริ่มดูแลจากระบบเล็กก่อน ผ่านมาสามปีผู้ใหญ่ให้โอกาสกับโปรเจคใหญ่
“ปูทำงานมาสามปีแล้ว พี่มีโปรเจคใหม่อยากให้ปั้น โปรเจคใช้ทั่วประเทศนะ"
ผู้ใหญ่มอบโอกาสใหญ่ไม่มีใครไม่ดีใจ ปูทำงานด้วยความตั้งใจ แม้ช่วงแรกจะไม่มั่นใจ ว่าระบบที่ทำไว้จะมีปัญหาหรือไม่ แต่ยังดีใจที่ผู้ใหญ่คอยให้กำลังใจ "งานทุกอย่างย่อมมีปัญหาเสมอ ขอให้เธอพยายาม"
เธอรู้สึกเลื่อมใสผู้ใหญ่ในที่ทำงานที่นี่ เพราะคำพูดแต่ละคำล้วนให้กำลังใจลูกน้อง แต่ระบบที่ปูทำไว้จนถึงปัจจุบันนี้
"ยังมีปัญหาไม่รู้จบ"
บางครั้งเธอโดนผู้ใช้ระบบต่อว่าตั้งระบบขึ้นมาได้ไง ใช้มาสามปียังมีปัญหาไม่รู้จบ เธอรู้สึกท้อใจเพราะไม่รู้ว่าปัญหาต้องแก้ตรงไหน ดูแล้วดูอีกไม่น่าพลาด
"แต่ก็พลาดจนได้"
จนวันหนึ่งความพลาดของระบบที่ปูทำ ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากระบบที่ใช้การไม่ได้ นอกจากสูญเสียรายได้แล้วสิ่งหนึ่งที่เสียอีกคือความรู้สึกของลูกค้า สาขาที่บริการให้ลูกค้ายื่นเรื่องถึงผู้ใหญ่ว่าระบบใช้การไม่ได้ ทำให้พนักงานสาขาโดนลูกค้าต่อว่าและเสียลูกค้าไป
เรื่องของปูถูกผู้บริหารนำเข้าที่ประชุม ผู้ใหญ่ใจดีเห็นใจเด็กเพราะอุตส่าห์ปั้นระบบขึ้นมาด้วยตัวเอง กลัวลูกน้องไม่เข้าใจจึงนำปูเข้าประชุมด้วยและบอกให้เข้าใจว่าปัญหาที่เกินเพราะอะไร ผู้ใหญ่จะช่วยเด็กได้อย่างไร
"ปูทำระบบนี้ขึ้นมาสามปีแล้ว อาจจะมีบางอย่างที่มองไม่ออก พี่อยากลองให้อ้อเข้ามาช่วยได้ไหม โดยพี่จะโอนระบบนี้ให้อ้อดูแลต่อ และอยากให้เธอทำอีกโปรเจตหนึ่งที่เข้ามาใหม่"
แน่นอนเมืองไทยเป็นประเทศขี้เกรงใจ เรื่องนี้เธอเข้าใจและเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรนี้ดี ถ้าให้ผู้ใหญ่พูดตรงๆแบบนี้ แสดงว่าเรื่องของเธอคงทำให้องค์กรเสียหายแน่ เธอตอบตกลงลองให้อ้อเข้ามาดูแลต่อ แต่เมื่ออ้อรู้เรื่องนี้ ก็รู้สึกแย่เหมือนกันเพราะเหมือนตัดหน้าหรือแสดงความเก่งเกินปู
"ปูเข้าใจอ้อนะ ผู้ใหญ่ใช้มาอ้อก็ต้องทำ" อ้อพูดกับปูเพราะกลัวปูคิดมาก
ปูเห็นความกังวลบนใบหน้าของผู้ร่วมงาน แม้จะขัดความรู้สึกบ้าง แต่เธออยากรักษาความเป็นมืออาชีพ "ไม่เป็นไรหรอกลองเปลี่ยนดูบ้าง เผื่ออะไรจะดีขึ้นเพราะปูเองไม่รู้เหมือนกันว่า ระบบเสียหายตรงไหน"
"ถ้าอย่างนั้นอ้อของเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ไหม เพราะเวลาอ้อทำจะเป็นแนวทางของอ้อเอง จะได้ไม่งง"
"ได้ อ้ออยากทำอะไรก็ทำ เพราะโอนให้อ้อรับผิดชอบแล้ว แต่ถ้าสงสัยอะไรถามเราได้นะ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงอ้อต้องถามอยู่แล้ว"
ในที่สุดระบบถูกโอนมาให้อ้อทำแทน ส่วนปูถูกใช้ให้ทำโปรเจตใหม่ที่ผู้ใหญ่ให้ทำ อ้อเปลี่ยนหน้าตาระบบใหม่เพราะเธอบอกว่าสีมันมืด อยากเปลี่ยนให้สดใสมากกว่าเดิม ทุกอย่างที่อ้อทำจะถามปูทุกครั้งว่าทำได้หรือไม่
ระบบถูกโอนให้อ้อรับผิดชอบ เธอจะทำอะไรปูไม่เคยว่าเลย อ้อไม่เคยจับระบบนี้แต่ถ้าเข้ามารับผิดชอบแล้ว เธอต้องถามปูทุกอย่างเกี่ยวกับระบบว่าทำอย่างไร อ้อค่อยๆ เรียนรู้และต้องคอยตอบคำถามพนักงานทั่วประเทศที่มีปัญหาแทนปู ในตอนแรกจำนวนพนักงานที่โทรเข้ามาก็เยอะเหมือนปู แต่ช่วงหลังค่อยๆ หายไปจนในที่สุดแทบไม่มีเลย นานๆครั้งจะมีโทรศัพท์เข้ามาบ้างแต่เป็นเรื่องเล็กน้อยมากกว่า
"ไม่น่าเชื่อ เธอเข้ามาแก้ไขปัญหาเพียงห้าเดือน สามารถแก้ไขปัญหาที่ปูใช้เวลาแก้สามปียังแก้ไม่ได้"
ปูเองสงสัยว่าแก้อย่างไร คนเก่งตอบเพียง "เวลาผู้ใช้บอกทำอะไรไม่ได้ อ้อก็เข้าไปดูแล้วลองใช้ลองแก้แค่นั้นเอง"
พนักงานที่เห็นการทำงานของอ้อต่างชื่นชมเธอ อ้อมักบอกผู้ใช้เสมอ ว่าปูเป็นผู้ทำเริ่มแรก ส่วนอ้อเข้ามาทีหลังยิ่งทำให้ทุกคนชอบเธอที่ให้เครดิตกับคนเริ่มต้น
อ้อเป็นพนักงานที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ ยิ่งเธอเข้ามาช่วยเรื่องโปรเจคปู ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจและมั่นใจในฝีมือของเธอ งานของเธอเยอะเป็นเงาตามตัวด้วย เกือบทุกครั้งเธอจะเป็นผู้ตั้งโปรเจตใหม่ แต่เวลาเธอทำได้สักพักจะถูกฝ่ายอื่นขอร้องให้ช่วยทำงาน เธอต้องให้ปูช่วยสานต่องานอ้อ แต่ถ้าอ้อแก้ไขหรือทำงานอื่นที่ผู้ใหญ่ใช้เสร็จแล้ว จะกลับมาช่วยปูตรวจสอบความเรียบร้อยและช่วยแก้ไขให้ปูเสมอ
ทุกครั้งที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบโปรแกรมหรือระบบงาน อ้อเข้ามาช่วยอันเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่และเป็นตัวอย่างให้ปูด้วย วัฒนธรรมองค์กรนี้ชอบให้ทุกคนเป็นคนช่างสังเกต โดยการใช้ครูพักลักจำในการทำงาน ปูเองใช้วิธีครูพักลักจำในการเรียนรู้งานจากอ้อและผู้ใหญ่ของที่นี้
เธอเลื่อมใสผู้ใหญ่และคิดว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องต่อไป
คุณป้าข้างโต๊ะที้เห็นการทำงานของคนทั้งสอง ผ่านสายตาประสบการณ์ในองค์กรนี้ เธอบ่นในใจ “คุณอ้อฉลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาระบบ เพราะต้องการให้ผู้ใช้รู้ มีคนใหม่เข้ามาดูแลแทนคนเก่าที่ใช้ไม่ได้อย่างปู เมื่อทุกคนเห็นการเปลี่ยนแปลง (อาจจะประกาศชื่อผู้ดูแล) ก็รู้ว่ามีคนใหม่เข้ามาแทนแล้ว”
คุณป้าเปิดโปรแกรมและใช้โปรแกรมที่ปูทำ “แน่นอน ปัญหาเริ่มน้อยลงแทบไม่มีแต่อ้อไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่ได้มีปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันได้ยินเธอคุยกันแล้วขำ ระบบที่ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน แล้วมันใช้งานได้เองแบบปาฏิหารย์ ไม่มีหรอก”
คุณป้าปิดโปรแกรม หยิบเครื่องสำอางแต้มใบหน้าก่อนออกไปทานข้าว “กว่าฉันจะรู้ตัว เลยวัยที่จะหางานแล้ว ฉันอยู่แบบคนรอวันเกษียณดีกว่า”
เรื่องสั้น Live สด เรื่องที่ 15 คนเก่ง
เรื่องที่ 15 คนเก่ง
ปูเป็นพนักงานคอมพิวเตอร์ในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง หน้าที่ของปูคือเป็นผู้ดูแลวางระบบและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้บริษัท บริษัทของเธอมีสาขาอยู่ทั่วประเทศและกำลังขยายสาขาไปต่างประเทศ
ปัจจุบันปูมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชอบเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ปูเธอชอบพูดกับเพื่อนร่วมงานกับคนอื่นเสมอว่า เวลาทำงานกับอ้อทีไร รู้สึกอุ่นใจเพราะระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำด้วยกันจะได้อ้อช่วยงานเสมอ
ย้อนสมัยที่เข้ามาทำงานช่วยแรก เธอเริ่มดูแลจากระบบเล็กก่อน ผ่านมาสามปีผู้ใหญ่ให้โอกาสกับโปรเจคใหญ่
“ปูทำงานมาสามปีแล้ว พี่มีโปรเจคใหม่อยากให้ปั้น โปรเจคใช้ทั่วประเทศนะ"
ผู้ใหญ่มอบโอกาสใหญ่ไม่มีใครไม่ดีใจ ปูทำงานด้วยความตั้งใจ แม้ช่วงแรกจะไม่มั่นใจ ว่าระบบที่ทำไว้จะมีปัญหาหรือไม่ แต่ยังดีใจที่ผู้ใหญ่คอยให้กำลังใจ "งานทุกอย่างย่อมมีปัญหาเสมอ ขอให้เธอพยายาม"
เธอรู้สึกเลื่อมใสผู้ใหญ่ในที่ทำงานที่นี่ เพราะคำพูดแต่ละคำล้วนให้กำลังใจลูกน้อง แต่ระบบที่ปูทำไว้จนถึงปัจจุบันนี้
"ยังมีปัญหาไม่รู้จบ"
บางครั้งเธอโดนผู้ใช้ระบบต่อว่าตั้งระบบขึ้นมาได้ไง ใช้มาสามปียังมีปัญหาไม่รู้จบ เธอรู้สึกท้อใจเพราะไม่รู้ว่าปัญหาต้องแก้ตรงไหน ดูแล้วดูอีกไม่น่าพลาด
"แต่ก็พลาดจนได้"
จนวันหนึ่งความพลาดของระบบที่ปูทำ ส่งผลให้บริษัทขาดทุนจากระบบที่ใช้การไม่ได้ นอกจากสูญเสียรายได้แล้วสิ่งหนึ่งที่เสียอีกคือความรู้สึกของลูกค้า สาขาที่บริการให้ลูกค้ายื่นเรื่องถึงผู้ใหญ่ว่าระบบใช้การไม่ได้ ทำให้พนักงานสาขาโดนลูกค้าต่อว่าและเสียลูกค้าไป
เรื่องของปูถูกผู้บริหารนำเข้าที่ประชุม ผู้ใหญ่ใจดีเห็นใจเด็กเพราะอุตส่าห์ปั้นระบบขึ้นมาด้วยตัวเอง กลัวลูกน้องไม่เข้าใจจึงนำปูเข้าประชุมด้วยและบอกให้เข้าใจว่าปัญหาที่เกินเพราะอะไร ผู้ใหญ่จะช่วยเด็กได้อย่างไร
"ปูทำระบบนี้ขึ้นมาสามปีแล้ว อาจจะมีบางอย่างที่มองไม่ออก พี่อยากลองให้อ้อเข้ามาช่วยได้ไหม โดยพี่จะโอนระบบนี้ให้อ้อดูแลต่อ และอยากให้เธอทำอีกโปรเจตหนึ่งที่เข้ามาใหม่"
แน่นอนเมืองไทยเป็นประเทศขี้เกรงใจ เรื่องนี้เธอเข้าใจและเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรนี้ดี ถ้าให้ผู้ใหญ่พูดตรงๆแบบนี้ แสดงว่าเรื่องของเธอคงทำให้องค์กรเสียหายแน่ เธอตอบตกลงลองให้อ้อเข้ามาดูแลต่อ แต่เมื่ออ้อรู้เรื่องนี้ ก็รู้สึกแย่เหมือนกันเพราะเหมือนตัดหน้าหรือแสดงความเก่งเกินปู
"ปูเข้าใจอ้อนะ ผู้ใหญ่ใช้มาอ้อก็ต้องทำ" อ้อพูดกับปูเพราะกลัวปูคิดมาก
ปูเห็นความกังวลบนใบหน้าของผู้ร่วมงาน แม้จะขัดความรู้สึกบ้าง แต่เธออยากรักษาความเป็นมืออาชีพ "ไม่เป็นไรหรอกลองเปลี่ยนดูบ้าง เผื่ออะไรจะดีขึ้นเพราะปูเองไม่รู้เหมือนกันว่า ระบบเสียหายตรงไหน"
"ถ้าอย่างนั้นอ้อของเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ไหม เพราะเวลาอ้อทำจะเป็นแนวทางของอ้อเอง จะได้ไม่งง"
"ได้ อ้ออยากทำอะไรก็ทำ เพราะโอนให้อ้อรับผิดชอบแล้ว แต่ถ้าสงสัยอะไรถามเราได้นะ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงอ้อต้องถามอยู่แล้ว"
ในที่สุดระบบถูกโอนมาให้อ้อทำแทน ส่วนปูถูกใช้ให้ทำโปรเจตใหม่ที่ผู้ใหญ่ให้ทำ อ้อเปลี่ยนหน้าตาระบบใหม่เพราะเธอบอกว่าสีมันมืด อยากเปลี่ยนให้สดใสมากกว่าเดิม ทุกอย่างที่อ้อทำจะถามปูทุกครั้งว่าทำได้หรือไม่
ระบบถูกโอนให้อ้อรับผิดชอบ เธอจะทำอะไรปูไม่เคยว่าเลย อ้อไม่เคยจับระบบนี้แต่ถ้าเข้ามารับผิดชอบแล้ว เธอต้องถามปูทุกอย่างเกี่ยวกับระบบว่าทำอย่างไร อ้อค่อยๆ เรียนรู้และต้องคอยตอบคำถามพนักงานทั่วประเทศที่มีปัญหาแทนปู ในตอนแรกจำนวนพนักงานที่โทรเข้ามาก็เยอะเหมือนปู แต่ช่วงหลังค่อยๆ หายไปจนในที่สุดแทบไม่มีเลย นานๆครั้งจะมีโทรศัพท์เข้ามาบ้างแต่เป็นเรื่องเล็กน้อยมากกว่า
"ไม่น่าเชื่อ เธอเข้ามาแก้ไขปัญหาเพียงห้าเดือน สามารถแก้ไขปัญหาที่ปูใช้เวลาแก้สามปียังแก้ไม่ได้"
ปูเองสงสัยว่าแก้อย่างไร คนเก่งตอบเพียง "เวลาผู้ใช้บอกทำอะไรไม่ได้ อ้อก็เข้าไปดูแล้วลองใช้ลองแก้แค่นั้นเอง"
พนักงานที่เห็นการทำงานของอ้อต่างชื่นชมเธอ อ้อมักบอกผู้ใช้เสมอ ว่าปูเป็นผู้ทำเริ่มแรก ส่วนอ้อเข้ามาทีหลังยิ่งทำให้ทุกคนชอบเธอที่ให้เครดิตกับคนเริ่มต้น
อ้อเป็นพนักงานที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ ยิ่งเธอเข้ามาช่วยเรื่องโปรเจคปู ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจและมั่นใจในฝีมือของเธอ งานของเธอเยอะเป็นเงาตามตัวด้วย เกือบทุกครั้งเธอจะเป็นผู้ตั้งโปรเจตใหม่ แต่เวลาเธอทำได้สักพักจะถูกฝ่ายอื่นขอร้องให้ช่วยทำงาน เธอต้องให้ปูช่วยสานต่องานอ้อ แต่ถ้าอ้อแก้ไขหรือทำงานอื่นที่ผู้ใหญ่ใช้เสร็จแล้ว จะกลับมาช่วยปูตรวจสอบความเรียบร้อยและช่วยแก้ไขให้ปูเสมอ
ทุกครั้งที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบโปรแกรมหรือระบบงาน อ้อเข้ามาช่วยอันเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่และเป็นตัวอย่างให้ปูด้วย วัฒนธรรมองค์กรนี้ชอบให้ทุกคนเป็นคนช่างสังเกต โดยการใช้ครูพักลักจำในการทำงาน ปูเองใช้วิธีครูพักลักจำในการเรียนรู้งานจากอ้อและผู้ใหญ่ของที่นี้
เธอเลื่อมใสผู้ใหญ่และคิดว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องต่อไป
คุณป้าข้างโต๊ะที้เห็นการทำงานของคนทั้งสอง ผ่านสายตาประสบการณ์ในองค์กรนี้ เธอบ่นในใจ “คุณอ้อฉลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาระบบ เพราะต้องการให้ผู้ใช้รู้ มีคนใหม่เข้ามาดูแลแทนคนเก่าที่ใช้ไม่ได้อย่างปู เมื่อทุกคนเห็นการเปลี่ยนแปลง (อาจจะประกาศชื่อผู้ดูแล) ก็รู้ว่ามีคนใหม่เข้ามาแทนแล้ว”
คุณป้าเปิดโปรแกรมและใช้โปรแกรมที่ปูทำ “แน่นอน ปัญหาเริ่มน้อยลงแทบไม่มีแต่อ้อไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่ได้มีปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันได้ยินเธอคุยกันแล้วขำ ระบบที่ไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน แล้วมันใช้งานได้เองแบบปาฏิหารย์ ไม่มีหรอก”
คุณป้าปิดโปรแกรม หยิบเครื่องสำอางแต้มใบหน้าก่อนออกไปทานข้าว “กว่าฉันจะรู้ตัว เลยวัยที่จะหางานแล้ว ฉันอยู่แบบคนรอวันเกษียณดีกว่า”