เชิญมาแบ่งปันประสบการณ์ ก่อนจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์

ขอเกริ่นเรื่องก่อนเลยพอดีไอเป็นคนนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่เกิด นับถือตามพ่อแม่ญาติที่เป็นพุทธ ครอบครัวเป็นพุทธหมด ตั้งแต่ไม่ว่าพ่อ แม่หรือยายพาเข้าวัดก็เข้า สวดมนต์ ไหว้พระอะไรก็ทำ กิจกรรมในโรงเรียนที่เกี่ยวกับพุทธก็เข้าร่วม(แต่รู้สึกเหมือนถูกบังคับมาตั้งแต่เด็ก) พอโตขึ้นตอนไออายุ17 ก็เริ่มมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าเพราะได้เจอเหตุการณ์อะไรหลายอย่างๆ ที่ทำให้คิดถึงพระเจ้า(แรกเริ่มได้รู้จักกับพระเจ้าตอนมีคนคริสนำหนังสือเกี่ยวกับพระเยซูมาแจกฟรีที่โรงเรียนให้อ่าน) และศรัทธาในพระเจ้าจนอยากจะเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์ แต่ก็กลัวคนที่บ้านหรือคนในครอบครัวรู้ และจะถูกต่อต้านว่า อย่างนู้นที อย่างนี้ที แปลกแยก โดยเฉพาะแม่กับน้า(พี่สาวของแม่)ที่เคร่งศาสนา สวดมนต์แทบทุกวัน ชอบพาเข้าวัดประจำ
แต่!! ครึ้งนึงที่ลองใจพูดกับแม่(แม่ที่ชอบบังคับลูกสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน โดยอ้างว่าเป็นสิ่งที่ดีสวดหาเทวดาชีวิตจะดีขึ้น นี่เคยแย้งว่าไม่อยากสวดมนต์ สวดแล้วได้อะไร พระพุทธเจ้าสอนให้ทำความดีไม่ใช่หรอ? แม่ทำสีหน้าไม่พอใจ จนพูดต่อว่า แม่หนูไม่นับถือพระพุทธเจ้าแล้วหนูจะไปนับถือพระเจ้า ตอนนั้นแม่ทำสีหน้าไม่พอใจมาก ตอนนั้นแม่คงเข้าใจว่าเราพูดเล่นๆ เป็นข้ออ้างไม่สวดมนต์ แต่สำหรับไอตอนนั้นที่เผลอพูดออกไปเพราะอยากจะดูปฏิกิริยาแม่ที่มีต่อพระเจ้า คำตอบคือไม่เวิร์ค แม่บังคับเราสวดมนต์ต่อ ตอนนั้นทำให้ไอคิดว่าจะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างพึ่งเปิดเผยตัว
แต่...มีเหตุการณ์นึงที่ลูกชายของน้าเสีย เราต้องไปร่วมงานศพที่อุบลมีญาติๆ มาร่วมงานเพียบ ไอก็ไม่ได้สนอะไรหามุมเล่นเกมเงียบๆ จากนั้นแม่ก็เข้ามาบอกเราว่าให้บวชชีนุ่งขาวห่มขาวนะให้คนตายนะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา ลูกญาติคนอื่นๆ ในครอบครัวก็ต้องบวชด้วย ไม่เว้นว่าหญิงหรือชาย ไอ่เราก็เออออบวชให้ ส่วนขั้นตอนการบวชก็ไม่มีอะไรมาก ไปวัดท่องตามที่พระสวดก็ถือว่าบวชแล้ว เข้าร่วมงานศพจนเสร็จสิ้นพิธีเผาศพ ก็ไปสึกก็คือท่องบทสวดที่ต้องสึก บวชแค่วันเดียว
จากนั้นกลับมานอนพักผ่อนในห้องแม่ก็เข้ามานอนพักข้างๆ ลูก
ไอพูดขึ้นมาว่า : พี่เค้าตายได้ไปอยู่กับพระเจ้าแล้วนะ
แม่ที่ได้ยินก็แย้ง ต้องบอกว่า : พี่เค้าไปสู่สุขติแล้วสิ!
ไอก็พูดต่อว่า : พระเจ้าจะนำพี่เค้าไป! แม่ หนูนับถือพระเยซู ไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้าแล้ว
แม่ที่ได้ยินก็งงแล้วก็ถามว่าทำไม เราก็อธิบายให้แม่ฟัง ว่าเราเริ่มเชื่อในพระเจ้าตั้งแต่ตอนไหน แม่ก็เงียบไป เราคิดว่าตอนนั้นแม่จะไม่เปิดใจรับฟัง
จนมีครั้งนึงไอกลุ้มใจสงสัย เลยโทรไปถามแม่ว่าแม่คิดยังไงกับเรื่องนี้ แม่ตอบกลับว่า ศาสนาไหนๆ ก็สอนให้เป็นคนดีทั้งนั้น
ไอ : แม่ไม่ว่าหรอ?
แม่ : แล้วแต่ลูกเลย ^_^
ลูก : แม่เข้าใจใช่มั้ย
แม่ : เข้าใจ แม่เองก็เคยนับถือคริสมาเหมือนกัน
เห!!? ได้ยินอย่างงี้เราก็งง ไอ่เราก็นึกว่าครอบครัวเราเป็นชาวมาก่อนพุทธซะอีก! แม่
บอกว่าครอบครัวเรานับถือคริสมาก่อนตั้งแต่อยู่ที่ลาว(50 ปีก่อน)ตั้งแต่รุ่นทวด มาถึงรุ่นยาย และก็มาถึงรุ่นแม่ รุ่นแม่นับถือคริสได้ประมาณ10ปีถึงมาค่อยเปลี่ยนเป็นพุทธส่งต่อมาถึงรุ่นลูก ไอ่เราก็ดีใจที่แม่เข้าใจไม่ว่าอะไร อย่างงี้เราก็สามารถนับถือคริสต์ได้ โดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไร

อันนี้คือแชร์ประสบการณ์บอกเล่าเฉยๆ เกี่ยวกับความกังวล ที่จะเปลี่ยนศาสนา กลัวครอบครัวไม่เข้าใจ เพราะเป็นพุทธกันหมด
แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ล่ะ ต้องเจอเหตุการณ์อะไรบ้างก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคริส ทั้งดีและไม่ดีมาร่วมบอกเล่าให้ฟังก็ได้นะ

#คริสต์
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ขออนุญาตถามเป็นความสงสัยได้ไหมคะ คือแอบสงสัยว่า อะไรทำให้คุณแม่เปลี่ยนมานับถือพุทธเหรอคะ คุณแม่ได้บอกหรือเปล่าคะ...


ส่วนตัวเราเปลี่ยนจากพุทธตามครอบครัวมาเป็นคริสต์เหมือนกันค่ะ เลยขอเข้ามาคุยด้วย เพื่อเสริมความเข้มแข็งกันและกันนะคะ

เราเกิดมาเป็นคริสต์แต่มาโตกับบ้านที่เป็นพุทธค่ะ ที่บ้านก็ชอบไปวัดทำบุญอะไรเอย เราเองก็สนใจธรรมะประมาณนึง แต่ไม่รู้จะเรียกว่าศรัทธาดีหรือแค่ชอบอ่านหนังสือนะคะ แต่เราจะมีอย่างนึงที่รู้สึกตลอดคือเรื่องบุญบาปมันกำกวมเกินไป บางคนบอกดูเจตนา บางคนบอกดูจิตใจ เถียงกับพระอาจารย์ที่มาสอนก็เคยมาแล้วค่ะ 55555 ความจริงเหมือนเรายึดคำสอนพุทธเป็น "เครื่องมือ" มาตลอด  เพราะมันมีบางอย่างที่ทุกคนก็ค่อนข้างตีความตรงกันว่ามันเป็นการเสริมอรรถรส เช่น เรื่อง เดิน 7 ก้าวเอยอะไรเอย

พอโตมาได้อยู่ในสังคมที่คนอินวิทยาศาสตร์กันมากขึ้น เราก็กลายเป็นอเทวนิยมค่ะ เพราะจริง ๆ แล้ว พุทธสายปรัชญาเลยก็เป็นอเทวนิยม เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนอะไร เราไม่เชื่อเรื่องดวงเลย ไม่เชื่อเรื่องหมอดู ไม่ชอบบนด้วย .. แล้ววันนึงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าใช่พุทธแบบไทย ๆ แล้ว คิดว่าอาจจะเข้ากับทางเต๋ามากกว่าเลยลองอ่านคัมภีร์เต๋าเล่น แล้วรู้สึกว่ามันจริงแต่ก็งงงวยดี แต่ถ้าไปทางนี้เราได้เข้าป่าแน่ ๆ 55555

แล้วเราก็รู้สึกว่าโลกมันสับสนค่ะ ลองฟังหลาย ๆ อย่าง แล้ววันนึงก็เจอประโยคที่ว่า "ถ้าเราหาความจริง พระคริสต์ทรงรออยู่ปลายทาง" ตอนแรกเราไม่เข้าใจค่ะ แต่มองกลับไปตอนนี้ วิธีคิดเราตอนนี้คือเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่แค่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ แต่มองว่าถ้าเราจะหาความจริงจากทั้งหมดนี้ ความจริงจะคืออะไร .. แล้วจากคำตอบที่เราได้ อย่างน้อยที่สุด ถ้าเราดันความคิดไปเรื่อย ๆ ยังไงก็จะไปหยุดอยู่ที่เอกเทวนิยมสาย Abrahamic

ตอนเราบอกที่บ้านที่บ้านก็กังวลค่ะ แต่เรามีพระพรสองอย่าง อย่างแรกคือเราล้างบาปแล้วตั้งแต่เป็นทารก สองคือ.. เราแค่รู้สึกว่าเราไม่อยากปล่อยมือพระเจ้าอีกแล้วค่ะ แบบที่ว่าใครจะเอาอะไรก็เอาไปเลย 55555 และยิ่งอ่านไบเบิล โลกมันกลับหมดเลยค่ะ จากที่เราเคยรู้สึกว่าเราเป็นคนดีประมาณนึงแหละ แบบน่าจะพอไปสวรรค์ได้ เรากลับรู้สึกจริง ๆ ว่าคนดีที่สมบูรณ์ไม่มีอยู่ (เว้นแต่พระคริสต์) ทุกคนเคยทำบาป ไม่มีใครเลยที่คู่ควรกับคำว่าศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์และคู่ควรกับพระอาณาจักรของพระเจ้า เพราะมาตรฐานของพระเจ้าคือความดีสมบูรณ์แบบ แต่ด้วย "พระเมตตาล้วน ๆ" เราได้รับความรัก และด้วยความรัก พระเจ้าจะคอยประคับและประคองเราผ่านโลกนี้ไป เพราะพระเจ้าทรงพระทัยดีที่หนึ่ง

ทุกวันนี้ก็จะงง ๆ หน่อยค่ะ เพราะเมื่อก่อนเวลาคุยกับที่บ้านหรือให้คำปรึกษาใครจะได้ใช้แนวคิดเซิร์ฟพุทธหมดเลย คนรอบตัวก็พุทธในเชิงบริบทซะเยอะ แต่พอมีจังหวะก็ชอบชวนชาวบ้านถกนะคะ เพราะว่าพออ่านมาเรื่อย ๆ แล้ว กลายเป็นเราไม่เข้าใจการจบความคิดที่สายอื่นแล้วจบว่านั่นคือความจริงทั้งหมดเท่าไร

ในเชิงลำดับความคิดก็จะยาวหน่อย แต่จริง ๆ มันไม่ควรซับซ้อนขนาดนั้นหรอกค่ะ 55555

ในเชิงความเชื่อ เราแต่ได้รู้จักพระเจ้าผ่านการฟังคนถกกันในประเด็นสังคมหลาย ๆ เรื่อง จนเราเชื่อว่าพระเจ้าใจดี แบบดีมาก ๆ เลยตัดสินใจยกชีวิตให้พระเจ้าค่ะ นับจากวินาทีนั้นโลกมันเหวี่ยงกลับเอง เราไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แค่ทุกบาดแผลมันหายไปเลย และทุกวันนี้เรารู้สึกได้ว่ามีความรักอยู่รอบตัวค่ะ

เราคิดว่าการเปลี่ยนคริสต์ท่ามกลางคนที่เชื่ออย่างอื่นคงไม่ง่าย ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ยิ้ม ขอให้มองเห็นความรักในทุก ๆ วันนะคะ

พระเจ้าอวยพรค่ะ <3
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่