JJNY : เอกสารลับหลุด ขออนุญาต‘ธนารักษ์’│จาตุรนต์เตือนเพื่อไทย│ธุรกิจนำเที่ยวทวงรัฐฟรีวีซ่าอินเดีย│สงครามยูเครนไม่จบง่ายๆ

เอกสารลับหลุดแห่งที่ 10 ขออนุญาต ‘ธนารักษ์’ ตัดไม้พะยูงในรร.ขาย
https://www.dailynews.co.th/news/2725380/

เอกสารสำคัญสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ขออนุญาตธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ตัดไม้พะยูงในโรงเรียนขาย หลุดออกมารายวัน ล่าสุดพบที่โรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก 7 ต้น ซึ่งเป็นแห่งที่ 10 ที่มีการตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุ โดยมีชื่อคนของธนารักษ์คนเดิมเป็นกรรมการประเมินราคา ชาวบ้านเรียกร้องคณะทำงานตรวจสอบเชิงลึกรีเช็คข้อมูล หลังจากธนารักษ์ปฏิเสธตลอดมาไม่มีคนของตนเกี่ยวข้อง

จากกรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ราคา 153,000 บาท โรงเรียนหนองโนวิทยา อ.ห้วยเม็ก 9 ต้น ราคา 104,000 บาท และโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ อ.ห้วยเม็ก 3 ต้น ราคา 30,000 บาท ซึ่งจากการประเมินราคากลาง ตามมาตรฐานกรมป่าไม้ พบว่าต่ำกว่าตลาด 30-50 เท่า ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการขออนุญาต และการให้อนุญาต ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์ ยังไม่ออกมาชี้แจงให้ความกระจ่างต่อสังคม และในส่วนขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ท. ก็ยังไม่รายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบ จึงเป็นประเด็นให้ชาวบ้าน เครือข่ายรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ แจ้งเบาะแสมาที่ฝ่ายความมั่นคง ว่ามีการขออนุญาตและให้อนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียนเป็นข่าวรายวัน เช่น ที่โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว และโรงเรียนชุมชนดอนยูงวิทยา อ.ยางตลาด ล่าสุด นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบเชิงลึก เร่งเก็บข้อมูลเพิ่ม กรณี สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ให้ตัดไม้พะยูงขายแบบต่อเนื่องไม่ชอบมาพากล ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากฝ่ายความมั่นคง จ.กาฬสินธุ์ มีเครือข่ายภาคประชาชน ส่งข้อมูลลับ ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ในกรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ขออนุญาตธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ตัดไม้พะยูงในโรงเรียนจำหน่ายให้กับพ่อค้า โดยล่าสุด พบที่โรงเรียนหนองกุงไทย ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 7 ต้น หนังสือลงวันที่ 26 ธ.ค. 65 พร้อมกับมีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งกรรมการประเมินราคาชัดเจน ซึ่ง 1 ใน 3 รายมีชื่อเจ้าหน้าที่รัฐ สังกัดสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์คนเดิม ตำแหน่งนายช่างสำรวจอาวุโส ซึ่งเป็นคนที่ปรากฏชื่อในหลายโรงเรียนที่ถูกเอ่ยถึงหลายแห่งว่า “สันติ”
 
ทั้งนี้ จากการที่มีหนังสือขออนุญาตตัด และให้อนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียนหลุดออกมารายวันดังกล่าว ล่าสุดที่โรงเรียนหนองกุงไทย ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จึงเป็นแห่งที่ 10 ที่มีการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ ได้แจ้งข้อมูลมาที่ฝ่ายความมั่นคง และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาตัดไม้พะยูงในโรงเรียน และคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก โดยการอำนวยการของนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ที่มีนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นหัวหน้าชุด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึก แบบรีเช็คขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งสันนิษฐานว่าจะมีการตัดไม้พะยูงขาย ในลักษณะไม่สมเหตุสมผล ฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด และขัดต่อหนังสือของกรมธนารักษ์ ตาม ว 20 ลงวันที่ 1 ก.พ. 60 โดยต้องมีเหตุผลและความจำเป็นเท่านั้น ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดจริงจัง เพราะสังคมกำลังจับตามอง และเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องทุกโรงเรียน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ได้รายงานถึง ผวจ.กาฬสินธุ์ กรณีการขออนุญาตตัดไม้และการจำหน่ายไม้ในที่ราชพัสดุ ในสถานศึกษาเพียง 5 แห่งเท่านั้น โดยหนังสือลงวันที่ 7 ก.ย.66 ประกอบด้วย (1) โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ 3 ต้น จำนวนเงิน 30,000 บาท (2) โรงเรียนหนองโนวิทยาคม 9 ต้น จำนวนเงิน 104,000 บาท (3) โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว 2 ต้น จำนวนเงิน 25,500 บาท (4) โรงเรียนบ้านสร้างแก้ว อ.สมเด็จ (สพป.กาฬสินธุ์ เขต 3) 1 ต้น ไม่มีของกลางเนื่องจากคนร้ายขนย้ายไป เหตุเกิดเมื่อ 30 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 03.00-04.00 น. และ (5) โรงเรียนคำไฮวิทยา 22 ต้นกับอีก 2 ตอ ราคา 153,000 บาท รวมเป็นเงินจากการจำหน่ายไม้พะยูง โดยนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน 312,500 บาท แต่ไม่ปรากฏว่ามีรายชื่อโรงเรียนหนองกุงไทย ที่ตัดไม้พะยูงขาย 7 ต้นนี้เลย
 
ทั้งนี้ จากข้อมูลการตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุและในโรงเรียน พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่ได้รับแจ้งเข้ามายังฝ่ายความมั่นคง ในรอบเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ รวมแล้ว 9 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย (1) ที่สถานีเพาะชำกล้าไม้กาฬสินธุ์ ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด 1 ต้น, (2) ขออนุญาตตัดที่โรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จำนวน 22 ต้น (3) รับแจ้งตัดไม้พะยูงที่โรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก จำนวน 9 ต้น (4) คนร้ายลักลอบตัดไม้พะยูงในโรงเรียนห้วยเม็กวิทยา 1 ต้น, (5) ลักลอบตัดไม้พะยูงที่สถานีวนวัฒนวิจัยกาฬสินธุ์ ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด 1 ต้น (6) รับแจ้งขออนุญาตตัดไม้พะยูงขายจำนวน 3 ต้นที่โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ อ.ห้วยเม็ก (7) ตัดและขายไม้พะยูงทอดตลาด 6 ต้น ที่โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว (8) ที่โรงเรียนชุมชนดอนยูงวิทยายน อ.ยางตลาด 1 ต้น (9) ที่โรงเรียนบ้านสร้างแก้ว อ.สมเด็จ 1ต้น และล่าสุด แห่งที่ (10) ที่โรงเรียนหนองกุงไทย จำนวน 7 ต้น โดยมีชื่อของเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เป็นกรรมการประเมินราคาขายปรากฏอยู่ด้วย ขณะที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และอธิบดีกรมธนารักษ์ ยังไม่ได้ชี้แจงอะไรออกมาอีก



จาตุรนต์ เตือน เพื่อไทย ต้องจริงจังดันแก้รธน. ชี้ถ้าไม่ทำ จะหมดหน้าตักของจริง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7870346

“จาตุรนต์” ย้ำ เพื่อไทย ต้องรักษาจุดยืน ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชน ชี้ถ้าไม่ทำ จะหมดหน้าตักจริงๆ

วันที่ 17 ก.ย. 2566 นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเสนอได้ทั้งโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) สส. และประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นไปอย่างไรนั้น ขณะนี้ต้องดูความชัดเจนจากคณะกรรมการที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นว่า จะมีผลการศึกษาและพิจารณาดำเนินการอย่างไร นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่าพรรคฝ่ายค้านและภาคประชาชนดำเนินการอย่างไร
  
ในส่วนของสส. พรรคเพื่อไทยนั้น ผมคิดว่าคงต้องคำนึงถึงนโยบายของพรรคว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและผลักดันให้เกิดการแก้ไขตามนโยบายของพรรคให้มากที่สุด การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ถือเป็นนโยบายหลักมาตลอด

เราคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดยคณะรัฐประหารในการลงประชามติทั้งสองครั้ง และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ว่าขณะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราจึงต้องรักษาจุดยืนนี้ไว้
 
ที่มีการใช้คำพูดกันว่าพรรคเพื่อไทย ยอมเทหมดหน้าตักในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ความจริงแล้วก็ยังไม่หมดหน้าตักเสียทีเดียว คือพรรคยังมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และกลับคืนสู่การยึดหลักนิติธรรม ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังนั่นแหละจะหมดหน้าตักจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามที่ประกาศไว้กับประชาชน
 
ผมจึงคิดว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค นอกจากสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลกำลังจะทำแล้ว ยังสามารถที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสส. คู่ขนานกันไปกับการทำงานของรัฐบาลได้ด้วย” นายจาตุรนต์ ระบุ

https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/852230489600972



ธุรกิจนำเที่ยว ทวงรัฐเพิ่มฟรีวีซ่าอินเดีย ชดเชยนักท่องเที่ยวจีนต่ำคาด เร่งปราบไกด์เถื่อน-จีนเทา
https://www.matichon.co.th/economy/news_4184105

ธุรกิจนำเที่ยว ทวงรัฐเพิ่มฟรีวีซ่าอินเดีย ชดเชยนักท่องเที่ยวจีนต่ำคาด เร่งปราบไกด์เถื่อน-จีนเทา

นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และบอร์ด ททท. เปิดเผยว่า ธุรกิจยินดีที่รัฐบาลให้ความสำคัฐกับภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนสำคัฐต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่ง สิ่งที่จะขอฝากรัฐบาลไว้เพิ่มเติมหลังจากได้รับฟังการแถลงนโยบายภาคการท่องเที่ยวแล้ว มี 4 ข้อที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ 

1. Tourism Clinic ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อรับฟัง แก้ปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งด้านการเงิน การพัฒนาสินค้า การตลาด และนวัตกรรม 

2. Tourism Bank และ Tourism Fund เป็นกลไกในการเพิ่มสภาพคล่อง เติมทุน ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบธนาคารเดิมได้ 

3. Tourism Ambassador เราต้องปั้น Influencer ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับชุมชนหมู่บ้าน มีหลากหลายภาษา และความเชี่ยวชาญ เพื่อทั้งขับเคลื่อน Softpower เล่าเรื่องราวดีๆ และประชาสัมพันธ์จุดเด่นของสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวของไทย และเป็นทีมในการแก้ข่าวลบในสื่อ Social Media ต่างๆที่มีต่อการท่องเที่ยวไทย และเป็นหูเป็นตาในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว 

4. Tourism Talent Hub เพื่อ Collect / Coaching / Certified / Connect บุคลากรทางการท่องเที่ยว ทั้งเพื่อการจัดการฐานข้อมูลมัคคุเทศก์และพนักงานในวงการท่องเที่ยว พัฒนาทักษะให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ รับรองทักษะและความสามารถพืเศษ และ เชื่อมโยงคนให้ตรงกับงาน ทั้งนี้ยังสามารถแก้ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อน ยกระดับคนในวงการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
 
นายกิตติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย จากที่คาดการณ์ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 30 ล้านคน ปัจจุบันทำได้ประมาณ 19 ล้านคน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปคือ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและจีน โดยเฉพาะจีนจากเดือนละ 9 แสนคน เหลือ ฉลี่ยเดือนละ 3-4 แสนคน ส่วนเป้าหมายจีน 5 ล้านคนในปีนี้ท้าทายมาก แต่ยังคงเป็นไปได้ หากมีแคมเปญ Booster Shot ดีๆ มากระตุ้นตลาดปลายปี ร่วมกับการทำ Free VISA ซึ่งภาครัฐยังคงจะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ในยุคใหม่นี้จะไม่เหมือนเดิม ในภาพรวมมีคุณภาพสูงขึ้น มีการใช้จ่ายด้านอาหาร กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และชอปปิ้งมากขึ้น โดยมีรูปแบบการเดินทางที่เปลี่ยนไป มักนิยมเที่ยวแบบ FIT ที่อิสระและยืดหยุ่นขึ้น การเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่จะเหลือไม่ถึง 25% โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่จะนิยมจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินเอง แต่ก็ยังนิยมจองกิจกรรมหรือทริปสั้นๆในท้องถิ่นผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้
  
นายกิตติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มี 3 ประเด็นที่ คนท่องเที่ยวฝากมานำเสนอต่อรัฐบาล คือ 1. การเปิดให้ใช้ Digital Wallet 10,000 บาท ข้ามจังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ 2.เพิ่ม Free VISA ประเทศอินเดีย เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และเป็นการกระจายความเสี่ยงหากจีนไม่เข้ามาตามคาด 3. เร่งรัดปราบปรามไกด์เถื่อน และขบวนการจีนเทา เพื่อลดปัญหาการหลอกลวง และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่