ปัญหาครอบครัว

ต้องเกริ่นก่อนว่าเราเป็นลูกคนกลาง พ่อแม่มีลูกสาว 3 คน ตั้งแต่จำความได้พ่อแม่ไม่ต้องบอกเราให้ขยันเรียน แต่เราก็เรียนดีอันดับ 1-2 มาตลอด เสื้อผ้านักเรียนก็ซักเองตั้งแต่ประถมทำทุกอย่างเอง สมัยนั้นเอาของไปขายโรงเรียนเอง เก็บเงิน อย่างได้อะไรหาเอง มัธยมออกรับจ้างเกี่ยวข้าวได้แล้ว ยกกระสอบข้าวในนาได้แล้ว พี่เราได้สามีตอนอยู่ ม. 5 เทอม 2 แล้วทางบ้านฝ่ายชายไม่ให้เรียนต่อ แม่รักพี่เขยเรามาก อยากได้อะไรก็ช่วยหา จากบ้านไม่เคยเป็นหนี้เลยก็เป็น ที่นากี่แปลงแม่ก็เอาไปกู้ให้ อยากได้รถยนต์แม่ก็ดาวน์ให้ ขนาดงานบวชพี่เขยแม่ยังจัดงานให้เลย ทั้งๆที่พ่อแม่พี่เขยเขาก็ยังอยู่ ใครห้ามก็ไม่ฟัง ส่วนฉันตั้งแต่พี่สาวซึ่งเป็นที่คาดหวังของครอบครัวจบอนาคตการเรียนแม่ก็เบนเข็มมาหาเราแทน อยากได้มือถือแม่ก็ไม่ซื้อให้(ตอนพี่สาวซื้อให้)อยากไปเที่ยวไม่ให้ไป(พี่สาวให้ไป) เอาเป็นว่าสิ่งไหนที่พี่เคยได้กลายเป็นเราไม่ได้เลย เหตุผลที่แม่ให้คือแม่กลัวเราจะเรียนไม่จบอีก อยากเรียนอะไร ทำอะไร แม่จะเป็นคนขีดให้เราทั้งหมด จนมาสมัยมหาลัยพอเราเรียนจบ เราก็ไม่เคยขอเงินแม่เราอีกเลย อ้อลืมบอกไปเราตัดสินใจกู้ กยศ.ตอนเรียนปี 2 ยอดหนี้ ณ วันที่เรียนจบ มีประมาณแสนห้า วันรับปริญญาเราเก็บเงินจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างเอง แม่ไม่เคยต้องควักเงินเลยหลังจากเราเรียนจบได้ 3 ปีเราแต่งงาน แล้วย้ายมาอยู่บ้านสามีตั้งแต่นั้น มีลูก 2 คน ตลอดเวลาที่อยู่บ้านสามีวันไหนไม่สบายใจก็กลับไปเที่ยวเล่นที่บ้านแม่(บ้านเดิมที่อยู่มาตั้งแต่เกิด) จนแม่บอกว่ามาปลูกบ้านข้างๆแม่ก็ได้ ยังไงที่ดินตรงนี้ก็เป็นของเรา แต่ตอนนี้ยังแบ่งให้ไม่ได้เพราะโฉนดแม่เอาไปกู้ไว้ เราก็เชื่อแม่นะ ปลูกบ้านหลังเล็กๆไว้ หมดเงินไปสองแสนห้า พื้นที่หลังบ้านแม่บแกจะทำอะไรก็ทำเลยแม่แบ่งให้ใช้คนละฝั่งกับพี่สาวและพี่เขย ตอนนั้นน้องคนเล็กเรียนมหาลัยยังไม่ได้คิดสร้างตัวเลยยังไม่มีปัญหาอะไร  ตลอดเวลาที่มาทำกินใกล้กันมันจะมีคำพูดกระทบกัน ของเรากับพี่เขย บ้างก็พี่เขยกับสามีเรา โดยตลอด และทุกครั้งแม่จะอยู่ฝั่งพี่เขย พี่เขยจะไม่มาพูดเองนะ เขาจะไปคุยกับแม่แล้วให้แม่มาพูดกับเราและสามีเรา  สามีเรามีอาชีพทำอู่รถสิบล้อของตัวเองมานานมากแล้ว จนมาแต่งงานกับเราก็ชอบรถแมคโค เราสองคนไปขอความช่วยเหลือจากแม่เรา เขาก็บอกว่าแม่ไม่มีปัญญาช่วยหรอก ไม่มีเงิน ไม่มีโฉนดเหลือแล้ว กู้หมดแล้ว เหลืออยู่แค่แปลงเดียวคือที่ไม่มีราคาแต่ก็คงจะได้ไม่สูงหรอก ถ้ามีปัญญาเอาไปกู้ก็เอาไปก่อนแม่ให้ยืม เราจึงนำโฉนดนั้นไปกู้เงินยายเราเอง ท่านก็ให้นะยอดสองแสนเจ็ด ได้แมคโคเก่าๆตัวขนาดpc60มาตัวนึง ใช้งานได้ปกติ เราก็มีอาชีพรถแมคโคด้วย ขุดบ่อเลี้ยงปลาหลังบ้านใหม่ด้วย 3 บ่อ จากนั้นที่นาในโฉนดผืนนั้นล่ะ เป็นพื้นที่ทำนาปี ปีหนึ่งทำได้หนึ่งครั้ง อยู่ๆที่เขยก็มาบอกว่าเขาจะไม่ทำแล้ว เขาทำมาสองปีแล้วไม่ได้ข้าว ใครอยากได้ก็ไปทำเอาเลย เรากับสามีเลยไปทำ สรุปได้ข้าวทุกปี รายได้จากการทำนาบ้าง เลี้ยงปลาบ้าง แมคโคบ้าง ทำให้เราพอมีเงินเก็บ มีทองเก็บ แต่เรากับแฟนนิสัยเหมือนกันคือเป็นคนตรงๆ ไม่ปากหวาน ไม่ตะหลบตะแลง พูดแล้วทำ หลังจากทำนาได้สองปีเข้าปีที่ 3 แม่บอกกับเราว่าเขาจำเป็นต้องขายนาแปลงนี้เพราะไม่มีเงินส่งดอกเบี้ยของโฉนดแปลงอื่นที่พี่สาวไปกู้ไว้ เราก็ต้องจำใจเพราะแม่จะขาย แต่ประเด็นคือ เรายังส่งเงินให้ยายไม่ครบ ยังเหลืออีกแสนเจ็ด แม่ตกลงกัยยายไว้ว่าถ้าขายนาปุ๊บจะเอายอดที่เหลือมาให้ ยายก็ตกลง สรุปแม่ขายนาได้ 1 ล้านบาท ตัดหนี้เราแสนเจ็ด ให้น้องสาวคนเล็กปลูกบ้านก้อนแรกหนึ่งแสน (ตอนนั้นน้องเรียนจบแล้ววางแผนจะแต่งงาน แต่ยังไม่แต่งนะ พาแฟนมาอยู่บ้านครึ่งปีดันมีปัญหากับพี่เขยเลยทำให้แม่ต้องปลูกบ้านก่อนแล้วบอกว่าบ้านเสร็จค่อยแต่งงาน) ยอดที่เหลือใช้หนี้พี่สาวกับพี่เขยหมดเลย ผ่านมาได้2ปี พี่สาวมีปัญหาการเงินหนักมาก จากเดิมมีรถหกล้อ มีรถกะบะ 2 คัน ก็ปล่อยขายบ้าง ปล่อยยึดบ้างมาตลอด มีปัญหาเล่นแชร์ คนทวงเงินหนักมากจนอยู่บ้านตัวเองไม่ได้หนี้ไปเรื่อยหลายรอบ และทุกครั้งแม่จะคอยรับหน้าให้ มีเงินก็ใช้หนี้ให้ พี่สาวชอบยืมเงินน้า ป้า อา น้องเองก็โดน สุดท้ายแม่ก็ต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้ทุกครั้ง บ่อยมากที่แม่ร้องให้ เราซึ่งทนเห็นแม่ร้องไห้บ่อยๆไม่ไหว ก็อดเผลอต่อว่าหลายครั้ง แต่สุดท้ายแม่ก็ปกป้องอีกตามเคย จนตอนหลังน้าเราไม่ยอมให้ยืมเงินแล้ว เพราะไม่เคยได้คืนเลย ทองที่ยืมน้ามา3บาทเอาไปจำนำก็ปล่อยขาดไม่ส่งดอก มาช่วงที่เราจะซื้อแมคโคคันที่สองเราไปพูดกับแม่ว่าช่วยหน่อยได้ไหม แม่เราบอกว่าเขาไม่มีปัญญาช่วยหรอก น้าเขาก็ประกาศไว้ว่าจะไม่ให้ยืม ถ้ามีความสามารถไปขอยืมแล้วเขาให้ก็ถือว่าโชคดี แต่คิดว่าเขาคงไม่ให้หรอก สรุปคือน้าให้เรายืมสามแสนแปดโดยไม่มีหลักประกันอะไรเลย เราดีใจมากรีบมาบอกแม่ว่าน้าให้เรายืม แม่เราไม่ดีใจกลับเราเลยแถมยังไปด่าว่าน้าเราอีกว่า ไหนประกาศแล้วไงว่าจะไมาให้ใครยืมเงินทำไมให้เรากับสามี น้องสาวเรายังมีภาระรถเก๋งคันใหม่อีก1คันส่งเดือนละ หมื่นสอง แม่ก็ปวดหัวอีกแหล่ะเพราะตอนที่มีก็ส่งไหวแต่พอไม่ไหวก็มาหนักคนเป็นแม่ พ่อได้เงินเดือนมาก็มาคอยส่งรถให้ ไหนจะหนี้บ้าน หนี้ธนาคารหลายแหล่ะอีกเดือนละหมื่นหก พอพ่อกะเษียนออกจากที่ทำงานได้เงินสดมาสามแสนก็เอามาสมทบปลูกบ้านของน้องอีกสองแสน อีกแสนหนึ่งเราพาพ่อไปซื้อสลาก ธกส เพราะถ้าไม่ซื้อหมดแน่ ล่าสุดที่นาของแม่ถูกเจ้าหนี้ฟ้องศาล เพราะพี่สาวไม่ส่งดอกเขาเลย แอบเอาเงินไปลงแชร์ ศาลเรียกไปไกล่เกลี่ย ยอดหนี้สองล้านหนึ่งแสน ถ้าไม่เอาเงินไปชดใช้ภายใน1ปีจะคิดดอกเบี้ยตามยอดเก่าที่ฟ้องไว้ตอนแรก  เรากับแฟนตกลงกันว่าจะช่วยแม่เก็บนาผืนนี้ไว้โดยจะรับหนี้ก้อนนี้แทน แต่มีข้อแม้ว่าที่นาที่จะให้เราเป็นมรดกต้องโอนให้เราเลย พร้อมรับหนี้ก้อนที่โฉนดติดหนี้อยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็เปลี่ยนไปเพราะพี่เขยและพี่สาวไม่ยอม แถมมันยังพูดอีกว่า ตอนมันกู้ร่วมกับแม่มันไม่เห็นต้องให้แม่โอนอะไรให้มันเลย (พวกมันลืมไปว่าโฉนดที่ดินของแม่ทุกแปลงที่เอาไปกู้คือหนี้พวกมันทั้งนั้น) เราอยากถามเพื่อนๆที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ว่า ถ้าเป็นเพื่อนๆจะยอมรับหนี้ไหม สองล้านหนึ่งแสนแต่ไม่มีอะไรค้ำประกันเลย อีกเรื่องขายที่ดิน บอกขายใครต่อใครก็ขายไม่ได้ ขายไม่ออก จนมาบอกเราว่าเป็นนายหน้าให้แม่กับพี่สิ ให้ร้อยละสาม เราก็พาคนมาดู สุดท้ายคนซื้อกับคนขายรวมหัวกัน ลดราคากันโดยไม่ผ่านนายหน้า เราโมโหมากเพราะเราพานายหน้ามาอีกต่อหนึ่ง พอเราไม่พอใจพูดบ้าง พี่เขยด่าว่าเราโง่เอง คนเป็นแม่ เป็นพี่สาวนั่งฟังเฉย พี่เขยขึ้นกูกับเราแม่เงียบ พอเราขึ้นกูบ้างแม่ด่า พูดว่าเราไม่รักพี่รักน้อง ว่าเรารักพวกนายหน้ามากกว่า หลังจากนั้นมาก็ไม่คุยไม่มองหน้า กันอีกเลยมาเป็นเดือน ล่าสุดพี่เขยเผาหญ้าฝั่งบ่อตัวเองมาไหม้ผ้าใบวิดน้ำเราที่ซื้อมาใหม่ได้สองวัน เราบอกให้ซื้อผืนใหม่มาคืน ไม่ยอม จะให้เงิน 200 แม่ด่าเรากับสามีเสียๆหาย ด่าเช็ดเลย บอกว่าเรื่องแค่นี้ แค่ไฟรนนิดเดียว มันไม่นิดเลยนะ ท่อยาว 80 เมตร ไหม้ตรงกลางเส้นเลย  ตอนนี้ตัดญาติขาดมิตรกันไปแล้ว แถมโดนไล่ไม่ให้ไปทำกินในที่ดินที่ปลูกบ้านอีก แล้วที่เราปลูกบ้าน เลี้ยงปลา เราควรทำยังไงดี เครียดมากๆ ปรึกษน้ากับยายเขาบอกว่า แม่ไม่ชอบสามีเรา หรือที่จริงเขาไม่รักเรา มันจะมีไหมคนที่ไม่มีลูกชายเลยจะรักเขยมากกว่าลูกสาวตัวเอง แต่เราไม่อยากคิดเลยกลัวบาป