ผมเกริ่นไว้ก่อนนะครับ ผมอาจจะไม่เก่งเล่าเรื่องหรือตั้งชื่อเท่าไหร่แต่
ที่ผมจะเล่าเป็น เรื่องทางด้านการไปโรงเรียน ความเข้ากับสังคมไม่ได้ ความแย่ที่ตัวเองลืมไม่ได้ ประมาณนี้ครับ
อย่างที่ผมบอกครับ อาจจะไม่ตรงกับที่อยากจะเล่า เพราะงั้นขอโทษไว้ก่อนนะครับ
ผมเคยเป็นคนขี้ขลาดขี้อายครับ เวลาไปเรียน ผมจะไม่กล้าคุยกับใครเลย เวลาพูดก็ติดๆขัดๆ แต่ผมก็มีช่วงสนุกบางช่วงครับ แต่ส่วนมากจะโดนกั้นอยู่เพราะ
เพื่อนรังแกผมตลอดก็ตาม แกล้งหยอกล้อ ทำร้าย ขโมยของ บลาๆครับ
ส่วนจุดเปลี่ยนจริงๆ คือตอนที่ โควิดได้เกิดขึ้นและเข้ามาจน ทุำที่ต้องปิดกั้นห้ามออกจากบ้านครับ
ผมก็ใช้ชีวิตโดยที่ อยู่แต่โลกโซเซียล อย่างที่บอกครับ ผมขี้อาย เลยไม่แปลกที่จะมีเพื่อนคุย
ผมได้แต่ หากลุ่มในโซเซียลคุยไปพลางๆแต่ก็สนุกครับ
แต่เหมือนจะเป็นจุดที่ตัวเองกลับทำให้กลุ่มดับมั้งครับ
ต่อให้กลุ่มสร้างมา2-3ปี พอผมเข้าไปอยู่ทุกกลุ่ม จากทีแรกที่คุยกันเยอะๆ เหลืออยู่ไม่กี่คนเอง
เนื่องจากผมเป็นพวกไม่กล้าคุยต่อหน้า เวลาพิมพ์จะพิมพ์มากจนน่ารำคาญเลยครับ
แต่ผมก็ไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญ คุยตามเรื่องที่คนอื่นคุยนั่นแหละครับ
เนื่องด้วยโควิต กับการที่ไหนไม่ได้ จึงเป็นการที่ผมเจอเรื่องต่างๆในโซเซียลครับ เรื่องน่ากลัว ตลก น่าเศร้า สิ่งต่างๆมันเข้ามา
จนทำให้ผมนิสัยเปลี่ยนครับ
หงุดหงิดอะไรนิดๆหน่อย ก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา ทำตัวน่าเกลียด ที่ผมอยากจะกลับไป กระทืบตัวเองเลยล่ะครับ
หลังจากที่ผมรู้ตัวว่า อะไรแบบนั้นมันโครตจะแย่เลย ผมก็ทำการปรับตัวครับ
จนเวลาผ่านไปถึง วันที่สามารถไปโรงเรียนได้ครับ เผื่อใครสงสัยนะครับ
ใช่ครับ ผมไม่ได้เรียนออนไลน์ เพราะไม่กล้าคุยนั่นแหละครับ
พอสามารถไปโรงเรียนได้ สิ่งที่ผมได้มาจากการที่นิสัยเปลี่ยนคือ
ผมขี้ขลาด แต่ผมไม่กลัวการเข้าสังคมแล้วครับ เวลาคุย หรือผมจะคุยตรงๆเลย ซึ่งนั่นทำให้ผมพอจะมีเพื่อนคุยเป็นกลุ่มอยู่
คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่า ดีใจ และ สนุกครับ การได้คุยกับเพื่อนที่เหมือนจะสนิท แต่ถึงอย่างงั้นก็เหมือน ตัวขวางความสุขเพื่อนด้วย
เพราะเพื่อนที่ผมคุย คือ สองคนที่สนิทกัน ในสองคน มีคนหนึ่งที่ จะเข้ามาคุยกับผมก่อนเสมอ
ผมรุ้ตัวว่าอาจจะขัดขวางแต่ก็มักจะโดนชวนคุย ชวนทำอะไรต่างๆครับ
ซึ่งทั้งสองก็ไมได้เกลียดผมแต่อย่างไร
ถึงมันจะนิสัย กวน แบบไม่สนโลก แต่พอ ผมขอคำปรึกษามันก็พร้อมจะให้และจริงจัง จนผมแปลกใจเลยล่ะครับ
ยังจำได้ใช่มั้ยครับว่า ผมทั้งไม่เรียนออนไลน์ หรือไม่ไปโรงเรียนเพราะกลัวที่จะฉีดวัคซิน(ลืมเล่า)
นั่นเป็นสาเหตุที่เปลี่ยนผมอีกที
ช่วงปลายเดือน 2022
การที่จะต้อง สอบ หรือแก้งานที่ค้าง
ผมที่กำลังคิดว่า ทุกอย่างอาจจะไปได้สวย กลับต้องมา รู้สึกกลัว เพราะแค่ต้องแก้งานที่มีหลายเทอม
ผมรู้แค่ว่าตอนนั้นคือเครียดจนไม่ไปโรงเรียนอีกเลย ผมไม่สนใจที่จะไปแก้หรือไปโรงเรียน
ความรู้สึกที่เข้ามาทำผมไม่อยากทำอะไร
แต่สุดท้ายด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างล่ะมั้ง สุดท้าย ผมก็แก้มันจนหมดและสามารถ ไปเรียนต่อที่อื่นได้
แต่เพราะ เป็นโรงเรียนที่ไม่มีเพื่อนที่คุยบ่อยล่ะครับ ความกลัวก็เข้ามาอีก ถึงตอนแรกผมจะไปโรงเรียนได้ แต่ยังไงผมก็กลัวการคุยเหมือนเดิม สุดท้าย
ผมก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเหมือนเดิม
สิ่งแรกที่ ผมรู้แย่ที่สุด คือครอบครัวผิดหวังครับ ถึงจะดีกับผมยังไง
ความรู้สึกที่ผมรู้ก็คือ เขายังเศร้าไม่หายแน่นอน ผมหวังว่าปีหน้าที่ถ้าผมมีโอกาสไปได้ ผมอยากจะลบล้างสิ่งนั้น หรืออยากจะท้าทายตัวเองโดยที่กล้าคุยกับคนอื่น
สุขภาพ หรือรูปร่างหน้าตาที่ทำให้ผมไม่อยากให้ใครเห็นเพราะทุเรศ ผมอยากจะเลปี่ยนแปลงตัวเองมากๆ ถึงจะได้แต่พูดก็เถอะ
หลายๆจุดอาจจะดุย้อนแย้งหรือยังไงก็ ขอโทษด้วยครับ เวลาพิมพ์ ผมจะพิมพ์ตามความจำที่จำได้ และความรู้สึกแย่ๆที่จำได้ครับ
ซึ่งทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปอ่านที่ผมพิมพ์เลย
ความแตกทางสังคมหักเพราะตัวเอง
ที่ผมจะเล่าเป็น เรื่องทางด้านการไปโรงเรียน ความเข้ากับสังคมไม่ได้ ความแย่ที่ตัวเองลืมไม่ได้ ประมาณนี้ครับ
อย่างที่ผมบอกครับ อาจจะไม่ตรงกับที่อยากจะเล่า เพราะงั้นขอโทษไว้ก่อนนะครับ
ผมเคยเป็นคนขี้ขลาดขี้อายครับ เวลาไปเรียน ผมจะไม่กล้าคุยกับใครเลย เวลาพูดก็ติดๆขัดๆ แต่ผมก็มีช่วงสนุกบางช่วงครับ แต่ส่วนมากจะโดนกั้นอยู่เพราะ
เพื่อนรังแกผมตลอดก็ตาม แกล้งหยอกล้อ ทำร้าย ขโมยของ บลาๆครับ
ส่วนจุดเปลี่ยนจริงๆ คือตอนที่ โควิดได้เกิดขึ้นและเข้ามาจน ทุำที่ต้องปิดกั้นห้ามออกจากบ้านครับ
ผมก็ใช้ชีวิตโดยที่ อยู่แต่โลกโซเซียล อย่างที่บอกครับ ผมขี้อาย เลยไม่แปลกที่จะมีเพื่อนคุย
ผมได้แต่ หากลุ่มในโซเซียลคุยไปพลางๆแต่ก็สนุกครับ
แต่เหมือนจะเป็นจุดที่ตัวเองกลับทำให้กลุ่มดับมั้งครับ
ต่อให้กลุ่มสร้างมา2-3ปี พอผมเข้าไปอยู่ทุกกลุ่ม จากทีแรกที่คุยกันเยอะๆ เหลืออยู่ไม่กี่คนเอง
เนื่องจากผมเป็นพวกไม่กล้าคุยต่อหน้า เวลาพิมพ์จะพิมพ์มากจนน่ารำคาญเลยครับ
แต่ผมก็ไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญ คุยตามเรื่องที่คนอื่นคุยนั่นแหละครับ
เนื่องด้วยโควิต กับการที่ไหนไม่ได้ จึงเป็นการที่ผมเจอเรื่องต่างๆในโซเซียลครับ เรื่องน่ากลัว ตลก น่าเศร้า สิ่งต่างๆมันเข้ามา
จนทำให้ผมนิสัยเปลี่ยนครับ
หงุดหงิดอะไรนิดๆหน่อย ก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา ทำตัวน่าเกลียด ที่ผมอยากจะกลับไป กระทืบตัวเองเลยล่ะครับ
หลังจากที่ผมรู้ตัวว่า อะไรแบบนั้นมันโครตจะแย่เลย ผมก็ทำการปรับตัวครับ
จนเวลาผ่านไปถึง วันที่สามารถไปโรงเรียนได้ครับ เผื่อใครสงสัยนะครับ
ใช่ครับ ผมไม่ได้เรียนออนไลน์ เพราะไม่กล้าคุยนั่นแหละครับ
พอสามารถไปโรงเรียนได้ สิ่งที่ผมได้มาจากการที่นิสัยเปลี่ยนคือ
ผมขี้ขลาด แต่ผมไม่กลัวการเข้าสังคมแล้วครับ เวลาคุย หรือผมจะคุยตรงๆเลย ซึ่งนั่นทำให้ผมพอจะมีเพื่อนคุยเป็นกลุ่มอยู่
คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่า ดีใจ และ สนุกครับ การได้คุยกับเพื่อนที่เหมือนจะสนิท แต่ถึงอย่างงั้นก็เหมือน ตัวขวางความสุขเพื่อนด้วย
เพราะเพื่อนที่ผมคุย คือ สองคนที่สนิทกัน ในสองคน มีคนหนึ่งที่ จะเข้ามาคุยกับผมก่อนเสมอ
ผมรุ้ตัวว่าอาจจะขัดขวางแต่ก็มักจะโดนชวนคุย ชวนทำอะไรต่างๆครับ
ซึ่งทั้งสองก็ไมได้เกลียดผมแต่อย่างไร
ถึงมันจะนิสัย กวน แบบไม่สนโลก แต่พอ ผมขอคำปรึกษามันก็พร้อมจะให้และจริงจัง จนผมแปลกใจเลยล่ะครับ
ยังจำได้ใช่มั้ยครับว่า ผมทั้งไม่เรียนออนไลน์ หรือไม่ไปโรงเรียนเพราะกลัวที่จะฉีดวัคซิน(ลืมเล่า)
นั่นเป็นสาเหตุที่เปลี่ยนผมอีกที
ช่วงปลายเดือน 2022
การที่จะต้อง สอบ หรือแก้งานที่ค้าง
ผมที่กำลังคิดว่า ทุกอย่างอาจจะไปได้สวย กลับต้องมา รู้สึกกลัว เพราะแค่ต้องแก้งานที่มีหลายเทอม
ผมรู้แค่ว่าตอนนั้นคือเครียดจนไม่ไปโรงเรียนอีกเลย ผมไม่สนใจที่จะไปแก้หรือไปโรงเรียน
ความรู้สึกที่เข้ามาทำผมไม่อยากทำอะไร
แต่สุดท้ายด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างล่ะมั้ง สุดท้าย ผมก็แก้มันจนหมดและสามารถ ไปเรียนต่อที่อื่นได้
แต่เพราะ เป็นโรงเรียนที่ไม่มีเพื่อนที่คุยบ่อยล่ะครับ ความกลัวก็เข้ามาอีก ถึงตอนแรกผมจะไปโรงเรียนได้ แต่ยังไงผมก็กลัวการคุยเหมือนเดิม สุดท้าย
ผมก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเหมือนเดิม
สิ่งแรกที่ ผมรู้แย่ที่สุด คือครอบครัวผิดหวังครับ ถึงจะดีกับผมยังไง
ความรู้สึกที่ผมรู้ก็คือ เขายังเศร้าไม่หายแน่นอน ผมหวังว่าปีหน้าที่ถ้าผมมีโอกาสไปได้ ผมอยากจะลบล้างสิ่งนั้น หรืออยากจะท้าทายตัวเองโดยที่กล้าคุยกับคนอื่น
สุขภาพ หรือรูปร่างหน้าตาที่ทำให้ผมไม่อยากให้ใครเห็นเพราะทุเรศ ผมอยากจะเลปี่ยนแปลงตัวเองมากๆ ถึงจะได้แต่พูดก็เถอะ
หลายๆจุดอาจจะดุย้อนแย้งหรือยังไงก็ ขอโทษด้วยครับ เวลาพิมพ์ ผมจะพิมพ์ตามความจำที่จำได้ และความรู้สึกแย่ๆที่จำได้ครับ
ซึ่งทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปอ่านที่ผมพิมพ์เลย