ภาษาที่สองหมายถึง ภาษาที่ผู้พูดเรียนรู้หลังจากภาษาแรก อาจจะเป็นภาษาที่ผู้พูดเรียนรู้และใช้งานในฐานะภาษาต่างประเทศหรือเป็นภาษาที่ใช้ในประเทศบ้านเกิดแต่ไม่ใช่ภาษาแม่ของผู้พูดก็ได้ เพื่อนเจ้าของกระทู้ซึ่งเป็นนักวิชาการที่เมืองจีนเคยบอกเจ้าของกระทู้ว่า ภาษาจีนแมนดารินเคยเป็นภาษาที่สองของเมืองพระนคร (吴哥) ในรัชสมัยของท้าวตรีภพ (特里布婆)
ตลอด 2 พันปีที่ผ่านมา บ้านเมืองในดินแดนไทยเคยมีภาษาที่สองมากกว่า 12 ภาษา เรียงตามระยะภาษา (Lexical distance) ได้แก่ ภาษาลาว ภาษาไทใหญ่ ภาษาผู้ยั้ง ภาษาจีนกว่างตง ภาษาจีนแมนดาริน ภาษาชวา ภาษาทมิฬ ภาษาลัวะ ภาษามอญ ภาษาสันสกฤต ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ ฯลฯ และบางภาษายังมีผู้พูดในดินแดนไทยจนถึงปัจจุบันอย่างเช่น ภาษาลาวที่ผู้พูดเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจากจังหวัดมุกดาหาร และภาษาเขมรที่ผู้พูดเป็นชาวไทยเชื้อสายลาวจากจังหวัดสุรินทร์เป็นต้น คำศัพท์บางคำของภาษาที่สองถูกกร่อนเป็นคำโดดในภาษาไทยอย่างเช่น ลืม (มะลืม) เกียม (ตระเตรียม) ตังค์ (สตางค์) จ่าย (กระจาย) และติม (ไอศกรีม) เป็นต้น เจ้าของกระทู้เคยอ่านความคิดเห็นของชาวเน็ตเรื่องที่มาของภาษาไทยว่า ภาษาไทยมีคำศัพท์ร่วมกับภาษาเขมรเกินครึ่งหนึ่งของคำศัพท์ทั้งหมด แต่ข้อมูลจาก elinguistics.net ระบุว่าภาษาไทยใกล้ชิดกับภาษาสันสกฤตมากกว่าภาษาเขมร เคยมีนักศึกษาที่เมืองจีนบอกเจ้าของกระทู้ว่า อักษรเขมร (高棉文) ที่ใช้เขียนหนังสือในประเทศกัมพูชาพัฒนาจากอักษรเขมรลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาโดยประมุขของภิกษุชาวสยาม (暹罗斛国大宗派的僧王) ในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่ใช่อักษรเขมรแบบเดียวกับที่นครวัดนครธม แต่เจ้าของกระทู้ยังไม่เจอแหล่งอ้างอิง (Citation) ที่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับงานเขียนระดับดุษฎีนิพนธ์จนเหล่าอาจารย์ไม่อนุมัติโครงร่าง (研究計劃書) ให้พวกนักศึกษา หากชาวพันทิปเคยเจอแหล่งอ้างอิง (Citation) ที่มีความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับที่มาของอักษรเขมรยุคปัจจุบันและไม่เข้าข่ายการลอกเลียนวรรณกรรม (Plagiarism) ก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
ภาษาที่สองในดินแดนไทยตลอด 2 พันปีที่ผ่านมา
ตลอด 2 พันปีที่ผ่านมา บ้านเมืองในดินแดนไทยเคยมีภาษาที่สองมากกว่า 12 ภาษา เรียงตามระยะภาษา (Lexical distance) ได้แก่ ภาษาลาว ภาษาไทใหญ่ ภาษาผู้ยั้ง ภาษาจีนกว่างตง ภาษาจีนแมนดาริน ภาษาชวา ภาษาทมิฬ ภาษาลัวะ ภาษามอญ ภาษาสันสกฤต ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ ฯลฯ และบางภาษายังมีผู้พูดในดินแดนไทยจนถึงปัจจุบันอย่างเช่น ภาษาลาวที่ผู้พูดเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจากจังหวัดมุกดาหาร และภาษาเขมรที่ผู้พูดเป็นชาวไทยเชื้อสายลาวจากจังหวัดสุรินทร์เป็นต้น คำศัพท์บางคำของภาษาที่สองถูกกร่อนเป็นคำโดดในภาษาไทยอย่างเช่น ลืม (มะลืม) เกียม (ตระเตรียม) ตังค์ (สตางค์) จ่าย (กระจาย) และติม (ไอศกรีม) เป็นต้น เจ้าของกระทู้เคยอ่านความคิดเห็นของชาวเน็ตเรื่องที่มาของภาษาไทยว่า ภาษาไทยมีคำศัพท์ร่วมกับภาษาเขมรเกินครึ่งหนึ่งของคำศัพท์ทั้งหมด แต่ข้อมูลจาก elinguistics.net ระบุว่าภาษาไทยใกล้ชิดกับภาษาสันสกฤตมากกว่าภาษาเขมร เคยมีนักศึกษาที่เมืองจีนบอกเจ้าของกระทู้ว่า อักษรเขมร (高棉文) ที่ใช้เขียนหนังสือในประเทศกัมพูชาพัฒนาจากอักษรเขมรลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาโดยประมุขของภิกษุชาวสยาม (暹罗斛国大宗派的僧王) ในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่ใช่อักษรเขมรแบบเดียวกับที่นครวัดนครธม แต่เจ้าของกระทู้ยังไม่เจอแหล่งอ้างอิง (Citation) ที่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับงานเขียนระดับดุษฎีนิพนธ์จนเหล่าอาจารย์ไม่อนุมัติโครงร่าง (研究計劃書) ให้พวกนักศึกษา หากชาวพันทิปเคยเจอแหล่งอ้างอิง (Citation) ที่มีความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับที่มาของอักษรเขมรยุคปัจจุบันและไม่เข้าข่ายการลอกเลียนวรรณกรรม (Plagiarism) ก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้