JJNY : 5in1 หั่นจีดีพี66 โตต่ำ│“ไมค์”คุยกับ“ใบตองแห้ง”│วิโรจน์ถาม 6ข้อ│พท.รับกระแสลดฮวบ│ดัชนีราคาอาหารโลกร่วงสวนทางข้าว

รัฐ-แบงก์ หั่นจีดีพีไทยปี 66 โตต่ำ โบรกฯเชื่อตลาดหุ้นรับรู้แล้ว ลุ้นรบ.กระตุ้นเศรษฐกิจ
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/205232

สำนักเศรษฐกิจทั้งหน่วยงานรัฐ และธนาคารพาณิชย์ แห่ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจของไทยปี 66 จากผลกระทบเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ฉุดภาคส่งออกไทยอ่อนแอมากกว่าที่คาด ด้านโบรกฯเชื่อนักลงทุนรับรู้ประเด็นดังกล่าวแล้ว และกระทบตลาดหุ้นจำกัด พร้อมลุ้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ช่วยพยุงตลาด

ผ่านพ้นมาแล้วครึ่งปี 66 เศรษฐกิจไทย ได้ปัจจัยหนุนภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย และส่งผลให้การบริโภคในประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) เติบเหลืออยู่ที่ 1.8%
 
ขณะที่ล่าสุดหลายสำนักเศรษฐกิจได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือปี 66 มีการเติบโตที่ลดลง เริ่มจาก
 
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จะขยายตัว 3.5%  จากเดิมอยู่ที่ 3.6% เนื่องจากรายได้นักท่องเที่ยวลดลง จากการที่โครงสร้างนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจำนวนชาวจีนยังเข้าไทยไม่มาก สวนทางกับจำนวนชาวมาเลเซียที่เข้ามาไทยมากที่สุด

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จะขยายตัว 2.5-3.0% จากเดิมอยู่ที่ 2.7-3.7% ปัจจัยจากภาคการส่งออกไทยยังหดตัว ซึ่งมีผลมาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ และยังมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว  ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ความแปรปรวนของสภาพภูมิส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร
 
วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  คาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จะขยายตัว 2.8%  จากเดิมอยู่ที่ 3.0% จากภาคการส่งออกที่อ่อนแอกว่าที่คาด เพราะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ และ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่ล่าช้า ซึ่งกระทบการใช้จ่ายภาครัฐ

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร คาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จะขยายตัว 2.8%  จากเดิมอยู่ที่ 3.3% สาเหตุจากผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง จำนวนนักเที่ยวชาวจีนน้อยกว่าคาด และภาคการส่งออกไทยฟื้นตัวช้า  ขณะเดียวกันเศรษฐกิจในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทั้งนี้ยังมีภาพคล้ายกับที่ประเมินไว้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง และแตกต่างกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ
 
สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี คาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จะขยายตัว 3.0%  จากเดิมอยู่ที่ 3.3%  จากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวไม่ทั่วถึง กำลังซื้อระดับล่างยังอ่อนแอ และถูกช้ำเติมด้วยปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนสูง มีเพียงเครื่องยนต์ด้านท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง แต่การท่องเที่ยวไทยยังกระจุกตัวเพียงเมืองท่องเที่ยวหลัก    
 
ด้านฝ่ายจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ถึง GDP ไทยในช่วงที่เหลือของปี 66 ว่า หากพิจารณา GDP ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 จะต้องทำให้ถึง 3.8%YoY ในแต่ละไตรมาส ถึงจะทำให้ประมาณการอัตราการเติบโต GDP ของปี 66 เติบโตที่ 3%YoY
ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ายังมีความเป็นไปได้อยู่ เนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี เป็นช่วงไฮซีซั่น (High Season) ของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของไทย รวมถึงรัฐบาลชุดใหม่เตรียมออกนโยบายกระตุ้นทั้งภาคท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ สอดคล้องกับทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ช่วงครึ่งหลังของปีจะเติบโตได้ 19% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี และกำไรปี 67 จะเติบโตต่อ 12.6% YoY
 
ขณะที่ในสัปดาห์หน้า รัฐบาลเตรียมอภิปรายแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย. รวมเวลาทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง ก่อนเริ่มต้นนับหนึ่งการบริหารประเทศของรัฐบาล “เศรษฐา 1” อย่างเป็นทางการ หลังจากนี้น่าจะเห็นทิศทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ถือเป็นกระแสช่วงพยุงให้ Dowside ตลาดลดลง และ Outperform กว่าตลาดหุ้นโลกในช่วงนี้
    
บล. กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า กกร.มองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอ่อนแรง จึงปรับลดจีดีพีประเทศเหลือ 2.5-3% ต่ำกว่าเป้าเดิมที่ 3-3.5% และปรับลดตัวเลขส่งออกจากลบ 2-0% เป็น-2ถึง-0.5% และเงินเฟ้อเหลือ 1.7-2.2% โดยเห็นด้วยกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยถือเป็นระดับสมดุลแล้ว
 
ทั้งนี้เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวอยู่ในความคาดหมายของตลาดอยู่แล้ว จึงน่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด (SET) ขณะเดียวกันเชื่อว่าน่าจะให้น้ำหนักระยะถัดไปที่จะฟื้นตัวมากกว่า ทั้งส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน เริ่มรายงานยอดส่งออกดีกว่าที่ตลาดคาด กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ผ่านจุดต่ำสุด ขณะที่การท่องเที่ยว การบริโภคยังน่าจะหนุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะทยอยเข้ามา



“ไมค์ ระยอง”คุยกับ “ใบตองแห้ง” หวัง ส.ส. ไม่ลืมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยังถูกคุมขัง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4170026

“ไมค์ ระยอง” ภาณุพงศ์ มะณีวงศ์ สนทนากับ “ใบตองแห้ง” อธึกกิต แสวงสุขและ The Politics มองการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วว่า รู้สึกผิดหวังเหมือนถูกเพื่อหักหลัง คงต้องรอดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่ามีอะไรหายไปบ้าง เพราะคำพูดต้องตรงไปตรงมา เชื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนี้ เตือนส.ส.อย่าลืมนักต่อสู้ทางการเมือง เพราะยังมีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกเพิกเฉยอีกเป็นจำนวนมาก  ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
วิโรจน์ถาม 6 ข้อ ตร.ต้องตอบสังคม ปมยิงสารวัตรแบงค์ เผยแชตรับเรื่องร้องเรียน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4170868

วิโรจน์ ถาม 6 ข้อ ตร.ต้องแจงสังคม ปมยิงสารวัตรแบงค์ เผยแชตรับเรื่องร้องเรียน
 
เมื่อวันที่ 8 กันยายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีเหตุคนร้ายอุกอาจเหิมเกริมยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บ เหตุเกิดในบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาบางส่วน ว่า 
 
สิ่งที่ ตร. ต้องตอบสังคม กรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร

1. เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือครับ ที่ตำรวจระดับบังคับบัญชา จะแห่แหนกันไปร่วมงานเลี้ยงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เหมาะสมหรือครับที่จะพาลูกน้องไปให้ผู้มีอิทธิพลเขาเลี้ยงดูปูเสื่อ ให้เป็นบุญเป็นคุณต่อกัน
 
2. เหมาะสมแล้วหรือครับที่เป็นตำรวจระดับบังคับบัญชาแท้ๆ แต่ต้องแสดงพฤติกรรมซูฮก แสดงการคารวะ ประหนึ่งเป็นลูกสมุนของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แบบที่เป็นอยู่ ถ้าตำรวจระดับบังคับบัญชา มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายอย่างนี้ ประชาชนตาดำๆ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตำรวจจะสามารถกำกับดูแลให้พื้นที่ปลอดจากสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีการกดขี่ข่มเหงจากมาเฟียในพื้นที่ นอกจากนี้ตำรวจที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเอง จะกล้าบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร พื้นที่ที่ตำรวจใหญ่ๆ ทำตัวเป็นลูกสมุนของผู้มีอิทธิพล ประชาชนก็ทำได้แค่เพียงอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ถูกไถก็ต้องจ่าย ถูกรีดก็ต้องยอม ปล่อยให้คนใหญ่คนโตกอบโกยผลประโยชน์ได้ตามอำเภอใจ ท่ามกลางความคับแค้นของประชาชนที่มีอยู่ในทุกหย่อมหญ้า
 
3. ต้องมีการสอบสวนเชิงลึกว่า ตำรวจระดับบังคับบัญชาใน จ.นครปฐม มีความเกี่ยวข้องกับส่วยในพื้นที่หรือไม่ ที่ผ่านมาตำรวจมีการเอื้อผลประโยชน์อะไร ให้กับกลุ่มอิทธิพลใดในพื้นที่ หรือไม่ อย่างไร การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่ ที่ผ่านมามีความเป็นธรรมหรือไม่ มีการซื้อขายตำแหน่ง เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
 
4. ในกรณีที่สืบพบว่า มีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น ก็ต้องสืบสวนสอบสวนต่อว่า เงินที่เอามาซื้อขายตำแหน่ง นั้นเอามาจากเงินสีดำ หรือเงินสีเทา ของผู้มีอิทธิพลคนใด มาจากธุรกิจผิดกฎหมายประเภทไหน ยาเสพติด บ่อน การพนันออนไลน์ ส่วยรถบรรทุก การล็อกสเปก งานก่อสร้างในพื้นที่ ฯลฯ

5. ในระหว่างเกิดเหตุ ที่คนร้ายยิง พ.ต.ต.ศิวกร มีตำรวจอยู่เต็มไปหมด และตำรวจที่อยู่ ก็มีนายตำรวจชั้นยศสูงๆ อยู่ในนั้นด้วย ก็ต้องถามว่า ปล่อยให้คนร้ายหลบหนีไปได้อย่างไร และปล่อยให้ผู้ต้องหาทำลายหลักฐานการกระทำความผิด ทั้งหลักฐานในพื้นที่ และวิดีโอที่บันทึกในกล้องวงจรปิดได้อย่างไร
 
6. ขณะนี้เข้าใจว่ามีการวิสามัญฆาตกรรม มือปืนไปแล้ว แต่การสืบสวนสอบสวน ในคดีนี้จะจบแบบตัดตอนเพียงเท่านี้ไม่ได้ ต้องสาวไปให้ถึงต้นตอของ “ส่วย” และ “การเอื้อผลประโยชน์” และจะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล และตำรวจระดับบังคับบัญชา ที่มีความเกี่ยวข้องด้วย
 
เบื้องต้น ผมคิดว่าตำรวจระดับบังคับบัญชา ที่ จ.นครปฐม และตำรวจระดับบังคับบัญชาบางนาย ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ไม่น่าจะมีสภาพ และความน่าเชื่อถือพอที่จะจัดการกับคดีนี้ได้แล้ว ขนาดจะหาข้าวให้ลูกน้องกิน ยังต้องไปขอให้ผู้มีอิทธิพลมาเลี้ยง แถมตำรวจระดับสูงบางนายยังมีข้อครหา ว่ามีส่วนพัวพันกับส่วย และการเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อีกด้วย เบื้องต้นทาง ผบ.ตร. ควรตัดสินใจโยกย้ายนายตำรวจใหญ่ที่ต้องสงสัยเหล่านั้น ให้ออกนอกพื้นที่ ไม่ให้เข้ามาแทรกแซงการดำเนินคดีได้ พร้อมกับตั้งกรรมการสอบอย่างตรงไปตรงมา และพิจารณาดำเนินคดีอาญา กับตำรวจระดับบังคับบัญชา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วย และการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ด้วย
 
ผบ.ตร. ควรโยกเอานายตำรวจที่มีความตรงไปตรงมา เข้ามากำกับดูแลในคดีนี้แทน เพื่อให้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจข้าราชการตำรวจน้ำดีในพื้นที่กลับมา
 
จากแชตที่ พ.ต.ต.ศิวกร สื่อสารกับประชาชนผู้ให้เบาะแสเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่ ยืนยันได้ว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ศิวกร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เป็นตำรวจทางหลวงที่ทำงานอย่างใส่ใจ ดำเนินการจับกุมกับรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่ อย่างเคร่งครัด ไม่มีการละเว้น ทั้งๆ ถูกตำรวจระดับสูงบางนายจากภูธรภาค 7 ต่อสายมากดดัน ก็ยังปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่หวั่นไหว
 
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผบ.ตร. จะให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ต.ศิวกร ไม่ปล่อยให้ตำรวจน้ำดีต้องมาตายฟรีด้วยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพล และต้องไม่ปล่อยให้นายตำรวจยศใหญ่ๆ ทำตัวเป็นลูกสมุนรับใช้ผู้มีอิทธิพล ให้อยู่เหนือกฎหมายตามอำเภอใจได้อีกต่อไป
 
ที่สำคัญที่สุด ผมทราบมาว่า พ.ต.ต.ศิวกร เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ของลูกสาวในวัยเพียง 6 ขวบ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการสอบสวนกลาง ในฐานะต้นสังกัดของ พ.ต.ต.ศิวกร จะดูแลเยียวยาครอบครัวของ พ.ต.ต.ศิวกร และลูกสาวของนายตำรวจตงฉินคนนี้ เป็นอย่างดี

https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid0Y8nddDaMmMW31UZ2BA7r415GAUXSHGifacYHmgdDz4ZtDkGLikFr8oxkxkABb3yZl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่