บทความตามใจฉัน “PS3: สิ้นยุคทอง สู่ยุคใหม่”

Sony PlayStation 3 (PS3) คือเครื่องเกมรุ่นใหม่ถัดจาก PlayStation 2 (PS2) ที่โด่งดังและนำมาซึ่งยุคทองของ Sony ในธุรกิจเครื่องเกมคอนโซล แม้ว่า PS3 จะออกวางตลาดครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2006 แต่โครงการพัฒนา PS3 นั้นเริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านานพอสมควร Project kickoff เมื่อเดือนมีนาคมปี 2001

ส่วน Ken Kutaragi ผู้ให้กำเนิด PS นั้นเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่อย่างมาก โดยขึ้นเป็น CEO ของ Sony Computer Entertainment America ในปี 1997 และในปี 2003 หรือ 2 ปี หลังจากเริ่มพัฒนา PS3 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Sony Grobal และ รองประธานกรรมการบริษัท Sony. 

และแน่นอนว่าเค้าก็ยังเป็นคนคุมบังเหียนการพัฒนา PS3 เช่นเดียวกับ PS รุ่นก่อนหน้า



แนวทางการพัฒนาของ PS3 นั้น จากมุมมองของผู้เขียนสรุปสั้น ๆ ได้ว่าเป็นการพยายามทำซ้ำปัจจัยความสำเร็จหลัก ๆ ของ PS2 ในเกือบทุกด้าน

- ไม่ว่าจะเป็นชิปรุ่นใหม่ที่มีพลังการประมวลผลสูง
- สื่อบรรจุข้อมูลแบบใหม่ที่จุมากกว่าเดิม
- การใช้แชร์ใช้สื่อบรรจุข้อมูลนี้กับสื่อภาพยนต์
- และทีเด็ดที่ต้องมีเลยคือเครื่องสามารถเล่นหนังจากสื่อบรรจุข้อมูลแบบใหม่นี้ได้

ซึ่งก็เข้าใจอยู่ อะไรที่มันได้ผลก็ควรจะเก็บไว้และทำต่อไป 

อย่างไรก็ตาม การจะทำซ้ำสำเร็จนั้นมีปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญมาก มีชื่อเรียกว่าสภาพแวดล้อมหรือความต้องการของตลาด

สิ่งที่ตอบโจทย์ตลาดในอดีต ของที่เคยขายได้ ไม่ได้หมายความว่าจะตอบโจทย์หรือขายได้ในปัจจุบัน

และนี่คือสิ่งที่ผู้เขียนมองว่าคือแก่นกลางความผิดพลาดของ PS3

ในรูปคือ PS3 รุ่นต้นแบบ



ในเบื้องต้นเรามาดูสเปกคราว ๆ ของ PS3 เมื่อเปิดตัวออกมากันก่อน

เริ่มกันที่พระเอกของ PS3 นั้นคือ CPU 

PS3 นั้นติดตั้งใช้ CPU แบบมัลติคอร์ชื่อ Cell processor ที่เป็นผลงานการพัฒนาร่วมระหว่าง Sony Toshiba และ IBM ความเร็ว 3.2 Ghz เริ่มโครงการในเดือนมีนาคมปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ Project PS3 kickoff

จุดเด่นคือมีหน่วยประมวลชื่อ Power Processing Element (PPE) คอยควบคุมลำดับการประมวลผลและ Synergistic Processing Elements (SPE) เป็นหน่วยประมวลผลที่อยู่ภายใต้และทำงานตามที่ PPE ควบคุม ทำให้การประมวลเป็นไปตามลำดับความสำคัญและลดปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน 

เนื่องจาก SPE ใน Cell มีจำนวนทั้งหมด 6 คอร์ CPU นี้จึงถูกนับเป็น CPU ขนาด 6 คอร์

ต่อไปคือ RAM ซึ่งใช้ประเภท XDR Ram (extreme data rate dynamic random-access memory) ขนาด 256 MB 

ส่วน GPU ของ PS3 ถูกตั้งชื่อว่า Reality Synthesizer ตัวย่อ RSX พื้นฐานแล้วคือ GPU ของ Nvidia รุ่น GeForce 7800 GTX มี VRAM ขนาด 256 MB

และนางเอกของงาน สื่อบรรจุข้อมูลรุ่นใหม่ Blu-ray Disc (BD) มักเรียกติดปากกันว่า “บูลเรย์” ความจุเริ่มต้นที่ 25GB มากกว่า DVD ถึง 5.3 เท่า โดยขนาดเท่ากับแผ่น DVD หรือ CD

ตามด้วย Hard disk สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะ Save File หรือข้อมูลของตัวเกมเอง

ตบท้ายด้วยของหวาน Emotion Engine และ Graphic Synthesizer ที่ติดตั้งมาเพื่อให้ PS3 สามารถเล่นเกมของ PS2 ได้ และยังใช้เล่นเกม PS1 ได้อีกด้วย



ทุกข้อของสเปก PS3 แบบคราว ๆ ตามที่กล่าวไปนั้นล้วนสร้างปัญหาให้แก่ PS3 
เรามาเริ่มกันที่อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง Ram แล้วกัน

XDR Ram ถ้าให้สรุปสั้น ๆ แล้วมันก็คือ RD Ram 2 ที่ประสิทธิภาพดีขึ้นและแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการส่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จุดเด่นของ RD Ram 2 คือมีเส้นวงจรน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง DDR2 ทำให้แผงวงจรเล็กลง ช่วยลดต้นทุนได้ 

สาเหตุที่เลือกใช้คาดว่าเพราะ PS2 เองก็เคยติดตั้งใช้ RD Ram มาก่อน ให้ประสิทธิภาพที่พึงพอใจและได้ผลดีมากในการลดต้นทุนแม้ว่าจะต้องเพิ่มชิปสำหรับควบคุม Ram เพื่อแก้ปัญหาการล่าช้าก็ยังคุ้ม จึงเลือกใช้ต่อไป   

ปัญหาของ XDR Ram ตามความคิดเห็นของผู้เขียนคือ มันไม่ใช่เทคโนโลยีหลัก นอกจาก PS3 แล้ว เท่าที่พบก็มีการใช้ใน laptop ของ Toshiba บางรุ่นและ Router ยี่ห้อ Cisco และ Juniper บางตัวเท่านั้น

นี่ทำให้การผลิต ไม่ว่าจะผลิตเองหรือว่าจ้างผลิต ล้วนมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติเพราะจำเป็นต้องตั้งสายการผลิตขึ้นมาใหม่ โรงงานที่ผลิตก็หายาก พอใช้น้อยก็ผลิตออกมาน้อย ไม่เข้าหลัก Economies of Scale ที่ยิ่งผลิตออกมามากต้นทุนต่อหน่วยก็ยิ่งน้อย ขณะที่ DDR Ram เป็นเทคโนโลยีหลัก มีการผลิตออกมาจำนวนมาก หลาย ๆ โรงงานมีสายการผลิตอยู่แล้ว ต้นทุนจึงต่ำกว่า

ปัญหาของ XDR Ram คือต้นทุน 



ต่อมาก็ GPU อันนี้เกิดจากมุมมองที่ผิดพลาด

ในตอนแรกนั้น PS3 ไม่มี GPU ทางทีมออกแบบของ Sony มองว่าจะให้ Cell CPU รับหน้าที่ควบการประมวลผลกราฟฟิกไปด้วย คาดว่าเพื่อลดต้นทุน ไม่ก็เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของ Cell มาก

ทว่าผู้พัฒนาเกมหลาย ๆ เจ้ากลับไม่เห็นด้วย แม้แต่ ice team ทีมของบริษัทลูก naughty dog ซึ่งรับหน้าที่ดูแลและพัฒนาเทคโนโลยีด้าน 3D รวมถึงพัฒนาเครื่องมือสำหรับสร้างคอมพิวเตอร์กราฟฟิกให้กับ Sony และบริษัทในเครือเองก็ไม่เห็นด้วย 

โดยทีมได้พิสูจน์ให้ทีมพัฒนาเห็นว่าประสิทธิภาพของ PS3 ที่ประมวลผลกราฟฟิกด้วย Cell เพียงอย่างเดียว ไม่มี GPU นั้นนอกจากประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกจะต่ำแล้วยังจะทำให้ PS3 ด้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Xbox 360 อีกด้วย

นี่ทำให้มีการแก้ไขวงจร นำ GPU ใส่เข้ามาเพิ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้ว่าการพัฒนา PS3 จะมาถึงขั้นสุดท้ายแล้วก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อต้นทุนการผลิต 

GPU ของ Nvidia ถูกซะที่ไหน  

และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ PS3 ลงสนามช้ากว่า Xbox 360 ถึง 1 ปี



ต่อไปก็ Hard Disk มีไว้สำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะ Save File หรือข้อมูลตัวเกมเอง
ปัญหาคือ PS3 ไม่สามารถทำงานโดยไม่มี Hard Disk ได้ เพราะข้อมูลที่จำเป็นในการทำงานโดยเฉพาะระบบปฏิบัติการอยู่ใน Hard disk ดังนั้น PS3 ทุกเครื่องที่ขายจึงต้องมาพร้อมกับ Hard disk ด้วย 

และนี่ยิ่งทำให้ต้นทุนและราคาขายของ PS3 ยิ่งสูงขึ้นไปอีก แม้ว่าจะใช้ Hard disk ขนาดเล็กเพียง 20 GB ซึ่งเล็กมากในยุคนั้น ราคาขายของ PS2 รุ่นต่ำสุดก็ยังสูงถึง 499 USD ขณะที่ Xbox 360 นั้นทำงานได้โดยไม่ต้องมี Hard disk รุ่นต่ำสุดจึงกดราคาลงได้
 
ในตอนนั้นขนาดของ Hard disk มาตรฐานในตลาด PC และ Notebook อยู่ที่ประมาณ 80-120 GB จากประสบการณ์ส่วนตัว นี่ทำให้มุมมองต่อ Sony ของผู้เขียนในเวลานั้นออกมาว่า Sony เอาเปรียบลูกค้าแทน 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่