เล่าประสบการณ์ชีวิต ที่เด็กป.2คนนั้น กลายมาเป็นพี่ม.5คนนี้

เริ่มเลยคือ เมื่อก่อนเราก็ยอมรับว่าเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่พอมีพอกิน ในบ้านมีอยู่3คน พ่อ แม่ น้า ทีนี้ช่วงอนุบาล คุณน้าล้มป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้คุณแม่ต้องออกจากงาน มาขายของ รายได้ที่มีก็ไม่ได้มาก ก็ต้องมาจ่ายค่าโรงพยาบาลให้น้า ตอนนั้นเราเด็กมาก จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่รู้อีกที ตอนป.2 น้าก็เสียไปแล้ว ภาพที่จำได้คือ น้าไม่มีผม ผอมแห้ง แค่นี้ ทีนี้พอคุณแม่ออกมาขายของ รายได้ไม่แน่นอน คุณพ่อเป็นทหาร แต่เป็นยศน้อยๆ เงินเดือนก็ไม่ได้สูง ก็มีค่าบ้านค่าเทอม ก็ยังมีหนี้ธนาคารติดตัว พอมาช่วงประถมตอนปลาย ช่วงนั้นหนักเลย เริ่มรู้ตัวแล้วว่าบ้านกำลังล้มละลาย ไม่ค่อยมีเงิน แต่ด้วยความไร้เดียงสาของเด็ก ก็เห็นแค่ว่า แม่เป็นอะไรน้า ทำไมเครียดจัง จนจบป.6 ค่าเทอมสูง ไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องทำเรื่องผ่อนผัน ตอนนี้ยังไม่มีจ่ายเลย555

ม.1 ย้ายมารรรัฐบาล ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด สังคมเพื่อนไม่ยอมรับเพราะมองว่าเราเป็นคุณหนูบ้านรวย โดนบูลลี่ ทั้งห้องไม่คุยด้วย ยังลามไปถึงคนทั้งระดับชั้น รุ่นพี่ ตอนนั้นยอมรับว่ารู้นึกแย่ อยากต   า   ย อยากออกจากรรเรียน แต่ก็ยังเด็กอยู่ แม่ไม่ให้ แต่เราก็ไม่เข้าใจ . พอขึ้นม.2 ทุกคนเริ่มโตขึ้น ปัญหานี้ก็หมดไป แต่เราไม่เคยได้รับคำขอโทษจากใครเลย เรื่องเพื่อนไม่เท่าไร สถานะการครอบครัวสิแย่555 โควิดแม่ขายของไม่ได้ เงินไม่มี บ้านก็จะโดนยึด แถมโดนฟ้องอีก ต้องกู้หนี้นอกระบบมาโปะค่าบ้าน เพราะไม่อยากให้ลูกมาลำบากย้ายที่อยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใช้เค้า เค้าตามมาทวงถึงบ้าน มาแกล้งบ้าง ตะโกนเรียกบ้าง ตอนนั้นกลัวมาก ทำให้เราเป็นคนกลัวเสียงมอไซ เสียงผู้ชายไปเลย หนำซ้ำแม่ทะเลาะกับพ่อ พ่อไม่ช่วยจ่ายค่าอะไรเลยมาซักพักแล้ว 1.ก้ต้องยอมรับว่าเค้าเป็นโรคหัวใจ ไปผ่าตัดนู่นนี่ แต่มองอีกมุมคือเค้าไม่ช่วยค่าใช้จ่ายภายในบ้านเลย ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงแบกหนี้ก้อนโตไว้คนเดียว พร้อมกับลูก1คน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่าหนี้ + ดอกอีก แม่เราเครียดจนผอมซูบ เราเห็ยแม่กินยาอะไรไม่รู้เยอะแยะ ดึงผมจนร่วงเป็นกระจุก ไม่ยอมคุยกับเรา เราเดาว่าแม่น่าจะเป็นโรคหลายๆโรค ถามเท่าไรแม่ก็ไม่ยอมบอก เรากลัวมาก กลัวแม่จะคิดสั้น กลัวทุกอย่าง จนคิดอยู่ว่า ถ้าตัวเองตายไป ค่าใ้ช้จ่ายแม่จะน้อยลงไหม แม่จะต้องมาเหนื่อยมาดิ้นรนเพื่อเราหรือเปล่า แต่ตอนนั้นก็กลัว ไม่กล้าจบชีวิตตัวเอง 

ชีวิตตอนนั้นมันแย่มาก ไม่มีเงินไปทำงาน เราไม่มีเงินไปเรียน บางครั้งต้องหยุดเรียนเพราะไม่มีเงิน หรืออดข้าวเพราะไม่มีตัง ต้องแกล้งบอกเพื่อนว่าทำงานเลยไม่กิน จนทุกอย่างมันบีบบังคับให้เราต้องโต ถ้ามัวแต่มานอนมองแม่ทำงานคนเดียวแบบนี้ จุดจบคือจน แล้วตายไปทั้งอย่างนั้น หรือจะดิ้นรนหาเงินช่วยแม่ ตอนนั้นเราหาทุกวิถีทางที่จะพยายามหาตัง ใช้ความรู้ที่มีรับทำการบ้านบ้าง ก็ดีหน่อยที่มีเพื่อนจ้าง แต่ก็ไม่พอ หานู่นหานี่มาขายแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่วันนึง เราเลือกทางที่ถูก เราขายของออนไลน์ได้ เชื่อไหม ตอนนั้นเราจับเงินที่หามาเองครั้งเลย ดีใจมากเลย เราเอาให้แม่ไปใช้ แล้วเราก็หาใหม่วนไปเรื่อยๆ แต่จนวันนึงที่ของพวกนั้นเลิกฮิต มันก็ขายต่อไม่ได้ ตอนนั้นเราจนทุกหนทาง ไม่รู้จะไปทางไหนดี เราเลยต้องแอบปลอมอายุไปทำงานในแอปถูกกฏหมาย ดีนะที่รอดมาได้ ได้ทำ แถมได้เงินด้วย แต่เหนื่อยมาก เดินทางนาน แล้วไม่ค่อยคุ้มค่ารถ แต่สถานะการณ์ตอนนั้น อะไรที่หาเงินแบ่งเบาภาระแม่ได้เราก็ต้องทำไปก่อน โชคดีหน่อยเปิดเทอมมาเป็นคนที่เฟรนลี่ เหมือนได้เริ่มต้นใหม่ ชีวิตและสังคมดีขึ้น แต่สถานะทางการเงินก็น้อยเหมือนเดิม ปั้นหน้ามาเรียนทุกวัน เป็นหัวหน้าห้อง สภานร. จัดการปัญหารรในตอนกลางวัน ตอนกลางคืนมานั่งร้องไห้เรื่องสถานะทางการเงินของบ้านเตัวเองต่อ5555 มันมีวันนึง แม่เราเหนื่อยมาก ทะเลาะกับพ่อมากอีกแล้ว เค้าคิดสั้น จะได้ให้เราไปเจอครอบครัวใหม่ เราจะได้ไม่ต้องลำบากอยู่กับเค้า เรายื้อสุดชีวิต เค้าพิมส่งลามาหาเรา ในวันที่เราอยู่ที่รร. ตอนนั้นเรานั่งกินข้าวอยู่ วางช้อนแทบไม่ทัน ความรู้สึกทุกอย่างมันปนกันไปหมด กลัว เศร้า กังวล แม่เราจะทำจริงๆหรอ เราจะทำอย่างไรดี555 ไว้มาต่อนะ55 ถ้าอยากฟัง55

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่