แจงดราม่า 1 จังหวัด 1 เมนู ใช้เกณฑ์อะไร ใครคัดเลือก หลังคนพื้นที่แอบงง ไม่รู้จัก
ไขคำตอบ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ใช้เกณฑ์อะไรคัดเลือก หลังคนท้องถิ่นงงจัด เกิดมาเพิ่งเคยเห็น บางเมนูไม่รู้ด้วยซ้ำเป็นยังไง ผู้คัดเลือกแจงเอง คนไม่รู้จัก ทำไมเลือกมา
จากกรณีที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประกาศผลการคัดเลือกกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนูเชิดชูอาหารถิ่น 77 จังหวัด แต่กลับทำให้เกิดการตั้งคำถามในหลาย ๆ เมนูที่ถูกคัดเลือก เมื่อคนในพื้นที่แสดงความคิดเห็นว่าไม่เคยรู้จักเมนูดังกล่าว เกิดมายังไม่เคยกิน จนผู้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าเมนูประจำจังหวัด ใครเป็นคนเลือก และมีเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร
คืบหน้า วันที่ 3 กันยายน 2566 รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 รายงานว่า ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และเป็น 1 ใน ผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกเมนู เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือต้องการไปค้นหาประวัติศาสตร์อาหารไทยที่มีความสัมพันธ์ต่อวิถีชีวิตของผู้คน เราอยากรู้ฐานข้อมูลว่าบรรพบุรุษได้ก่อร่างสร้างเมนูอาหารอะไรไว้บ้างของแต่ละจังหวัด
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่คนในปัจจุบันเคยเห็น แต่อาจจะเป็นอาหารที่เคยมี ให้มีขายหรือทำกินอยู่นิดหน่อย จนบางเมนูอาจถูกลืมไปแล้ว ให้ดึงกลับขึ้นมาเพื่อเป็นการรณรงค์ สร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์อาหารไทยให้มีความภาคภูมิใจ จนสามารถต่อยอด ส่งเสริมให้คนมากินมากขึ้น รวมทั้งให้อาหารไทยเป็น Soft Power
ยกตัวอย่าง เช่น หากเรารื้อฟื้นอาหารไทย ที่ใช้ผักพื้นบ้านที่จวนจะสูญพันธุ์แล้วกลับขึ้นมา อย่างเครือตดหมา รวมทั้งผักอื่น ๆ เมื่อเราโชว์ขึ้นมาและมีคนกินเยอะ ๆ เกษตรกรก็จะปลูกผัก ปลูกต้นไม้เหล่านี้เยอะ ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งทำให้ระบบนิเวศกลับคืนมาอีกด้วย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน หลากหลายสาขา เช่น สาขาโภชนาการและสุขภาพคือตัวของ ดร.สง่า เอง นอกจากนี้ ยังมีนักการสื่อสาร คือ คุณสตังค์ ภัตตาคารบ้านทุ่ง และสาขาอาหารไทยนุ่มลึกคือ รศ.บำเพ็ญ เขียวหวาน ฯลฯ เพื่อมาพิจารณาคัดเลือกเมนูดังกล่าว
สำหรับเกณฑ์ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กำหนดขึ้นนั้น ประกอบด้วย
1. ต้องเป็นอาหารไทยพื้นถิ่นและใช้วัตถุดิบที่อยู่ในพื้นถิ่น
2. ความมีคุณค่าทางสมุนไพร มีคุณค่าทางโภชนาการ
3.สามารถนำไปต่อยอดได้
4.ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่กินอยู่ในปัจจุบัน แต่เป็นอาหารที่มองว่ากำลังจะถูกลืมและดึงกลับมา
เมื่อทางกรมฯ ส่งเกณฑ์ไปให้แต่ละจังหวัด แต่ละจังหวัดซึ่งมีภาคประชาชนร่วมด้วย จะส่ง 3 เมนูที่มองว่าเป็นไปตามเกณฑ์กลับคืนให้กรมฯ เพื่อคัดเลือกเหลือ 1 เมนู สำหรับปี 2566 และเมนูอื่น ๆ จะตามมาหลังจากนี้เนื่องจากโครงการไม่ได้มีแค่ปีนี้เท่านั้น
สำหรับกรณีที่มีผู้คนตั้งคำถามว่า "เมนูที่คัดเลือกมา ไม่เห็นรู้จักเลย" ดร.สง่า กล่าวว่า เมนูที่ถูกคัดเลือกมา 1 เมนูแรก ไม่ใช่เมนูเดียวในจังหวัด นี่ไม่ใช่งานโอท็อป ไม่ใช่เมนูประจำจังหวัด แต่เป็นเมนูอาหารพื้นถิ่นที่กินอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งความหมายมันต่างกัน
การได้เห็นเมนูที่ไม่เคยเห็น จะตอบโจทย์ที่ว่า เราต้องการดึงเมนูอาหารไทยที่ครบเกฑณ์ทุกข้อขึ้นมา เพื่อให้คนไทยรู้จักและนำมาส่งเสริม ถ้ามัวแต่ส่งเสริมแค่ต้มยำกุ้งกับผัดไท มันก็จะมีอยู่แค่นี้
เราจึงจำเป็นต้องต่อยอด เราต้องไปมากกว่าสิ่งที่คนไทยกินอยู่ทุกวันนี้ จึงกลายเป็นเมนูแปลก ๆ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจว่า คุณไม่เคยเห็น และต่อจากนี้คุณจะเคยเห็นแล้วคุณจะเคยกิน และท้ายที่สุดคุณจะภาคภูมิใจกับความเป็นอาหารไทย
ภาพจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์
ข่าวจาก: กระปุกดอทคอม
https://hilight.kapook.com/view/236058
แจงดราม่า 1 จังหวัด 1 เมนู ใช้เกณฑ์อะไร ใครคัดเลือก หลังคนพื้นที่แอบงง ไม่รู้จัก
ไขคำตอบ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ใช้เกณฑ์อะไรคัดเลือก หลังคนท้องถิ่นงงจัด เกิดมาเพิ่งเคยเห็น บางเมนูไม่รู้ด้วยซ้ำเป็นยังไง ผู้คัดเลือกแจงเอง คนไม่รู้จัก ทำไมเลือกมา
จากกรณีที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประกาศผลการคัดเลือกกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนูเชิดชูอาหารถิ่น 77 จังหวัด แต่กลับทำให้เกิดการตั้งคำถามในหลาย ๆ เมนูที่ถูกคัดเลือก เมื่อคนในพื้นที่แสดงความคิดเห็นว่าไม่เคยรู้จักเมนูดังกล่าว เกิดมายังไม่เคยกิน จนผู้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าเมนูประจำจังหวัด ใครเป็นคนเลือก และมีเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร
คืบหน้า วันที่ 3 กันยายน 2566 รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 รายงานว่า ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และเป็น 1 ใน ผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกเมนู เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือต้องการไปค้นหาประวัติศาสตร์อาหารไทยที่มีความสัมพันธ์ต่อวิถีชีวิตของผู้คน เราอยากรู้ฐานข้อมูลว่าบรรพบุรุษได้ก่อร่างสร้างเมนูอาหารอะไรไว้บ้างของแต่ละจังหวัด
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่คนในปัจจุบันเคยเห็น แต่อาจจะเป็นอาหารที่เคยมี ให้มีขายหรือทำกินอยู่นิดหน่อย จนบางเมนูอาจถูกลืมไปแล้ว ให้ดึงกลับขึ้นมาเพื่อเป็นการรณรงค์ สร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์อาหารไทยให้มีความภาคภูมิใจ จนสามารถต่อยอด ส่งเสริมให้คนมากินมากขึ้น รวมทั้งให้อาหารไทยเป็น Soft Power
ยกตัวอย่าง เช่น หากเรารื้อฟื้นอาหารไทย ที่ใช้ผักพื้นบ้านที่จวนจะสูญพันธุ์แล้วกลับขึ้นมา อย่างเครือตดหมา รวมทั้งผักอื่น ๆ เมื่อเราโชว์ขึ้นมาและมีคนกินเยอะ ๆ เกษตรกรก็จะปลูกผัก ปลูกต้นไม้เหล่านี้เยอะ ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งทำให้ระบบนิเวศกลับคืนมาอีกด้วย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน หลากหลายสาขา เช่น สาขาโภชนาการและสุขภาพคือตัวของ ดร.สง่า เอง นอกจากนี้ ยังมีนักการสื่อสาร คือ คุณสตังค์ ภัตตาคารบ้านทุ่ง และสาขาอาหารไทยนุ่มลึกคือ รศ.บำเพ็ญ เขียวหวาน ฯลฯ เพื่อมาพิจารณาคัดเลือกเมนูดังกล่าว
สำหรับเกณฑ์ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กำหนดขึ้นนั้น ประกอบด้วย
1. ต้องเป็นอาหารไทยพื้นถิ่นและใช้วัตถุดิบที่อยู่ในพื้นถิ่น
2. ความมีคุณค่าทางสมุนไพร มีคุณค่าทางโภชนาการ
3.สามารถนำไปต่อยอดได้
4.ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่กินอยู่ในปัจจุบัน แต่เป็นอาหารที่มองว่ากำลังจะถูกลืมและดึงกลับมา
เมื่อทางกรมฯ ส่งเกณฑ์ไปให้แต่ละจังหวัด แต่ละจังหวัดซึ่งมีภาคประชาชนร่วมด้วย จะส่ง 3 เมนูที่มองว่าเป็นไปตามเกณฑ์กลับคืนให้กรมฯ เพื่อคัดเลือกเหลือ 1 เมนู สำหรับปี 2566 และเมนูอื่น ๆ จะตามมาหลังจากนี้เนื่องจากโครงการไม่ได้มีแค่ปีนี้เท่านั้น
สำหรับกรณีที่มีผู้คนตั้งคำถามว่า "เมนูที่คัดเลือกมา ไม่เห็นรู้จักเลย" ดร.สง่า กล่าวว่า เมนูที่ถูกคัดเลือกมา 1 เมนูแรก ไม่ใช่เมนูเดียวในจังหวัด นี่ไม่ใช่งานโอท็อป ไม่ใช่เมนูประจำจังหวัด แต่เป็นเมนูอาหารพื้นถิ่นที่กินอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ซึ่งความหมายมันต่างกัน
การได้เห็นเมนูที่ไม่เคยเห็น จะตอบโจทย์ที่ว่า เราต้องการดึงเมนูอาหารไทยที่ครบเกฑณ์ทุกข้อขึ้นมา เพื่อให้คนไทยรู้จักและนำมาส่งเสริม ถ้ามัวแต่ส่งเสริมแค่ต้มยำกุ้งกับผัดไท มันก็จะมีอยู่แค่นี้
เราจึงจำเป็นต้องต่อยอด เราต้องไปมากกว่าสิ่งที่คนไทยกินอยู่ทุกวันนี้ จึงกลายเป็นเมนูแปลก ๆ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจว่า คุณไม่เคยเห็น และต่อจากนี้คุณจะเคยเห็นแล้วคุณจะเคยกิน และท้ายที่สุดคุณจะภาคภูมิใจกับความเป็นอาหารไทย
ข่าวจาก: กระปุกดอทคอม
https://hilight.kapook.com/view/236058