สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์ที่ตัวเราเองโดนมากับตัวเลย คนรอบข้างเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า โดยปกติแล้วเรามีธุกิจของเราเอง แต่เราได้ทำอาชีพนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดิน เป็นอาชีพเสริม ในช่วงระยะเวลาแรก 1-5 ปี ที่เริ่มทำ เราเริ่มจากมูลค่าที่ดินจำนวนเงินไม่สูงมาก ซึ่งเราก็สามารถทำมันสำเร็จ และ ได้รับเงินค่านายหน้าตามส่วนแบ่งที่ได้ตกลงกัน
ตลอดระยะเวลา 1-5 ปี ที่เราได้เป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดิน เราคิดว่าถ้าเราอยากได้เงินค่าส่วนแบ่งที่เยอะขึ้น เราจะต้องหาที่ดินจำนวนเยอะ ๆ มูลค่าสูง
เพื่อที่จะได้ค่าส่วนแบ่งจำนวนเงินสูงขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์การเป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดินจำนวนที่เยอะ มูลค่าสูง
ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง ได้มีรุ่นพี่ที่รู้จัก (ไม่สนิทมาก) ได้โทรมาชวนให้ไปทำโปรเจคที่ดินแถว ภาคตะวันออก ซึ่งมีจำนวนที่ดินเยอะมาก และ จำนวนมูลค่าเงินสูง ถึง "พันล้าน" บาท .................นี่คือจุดเริ่มต้นของความโลภและหายนะที่เกิดขึ้นกับเรา.......................
เริ่มเรื่อง ทางรุ่นพี่บอกกับเราว่ามีนายทุนอยากได้ที่ดิน แถวภาคตะวันออก จำนวน 3,000 ไร่ ซึ่งทางรุ่นพี่บอกกับเราว่านายทุนคนนี้คือคนใหญ่คนโต เป็นถึง เส ถึง นายพล พวกเขาต้องการนำที่ดินมาทำโรงงานอุตสาหกรรม เราเลยตกใจและดีใจมากที่จะได้ทำโปรเจคมูลค่าที่สูงมาก ๆ
ต่อมาเรากับรุ่นพี่และทีมงานได้ลงพื้นที่หาที่ดินจำนวน 3,000 ไร่ ซึ่งพอได้ลงพื้นที่ก็เจอที่ดินที่ถูกใจและจำนวน ใกล้เคียงกับที่นายทุนต้องการ
ก่อนอื่นต้องเลยบอกว่าบ้านเรากับบ้านรุ่นพี่ที่รู้จักไม่ได้อยู่ใกล้กัน ซึ่งบ้านของรุ่นพี่กับที่ดินอยู่ห่างกันไม่มาก แต่เราเองอยู่ห่างไกลกับที่ดินที่นายทุนต้องการมาก
ทางรุ่นพี่เลยเสนอข้อตกลงว่า เขาจะเป็นคนลงพื้นที่ดูแปลงที่ดิน และ เป็นคนรวบรวมเอกสารที่ดิน ส่วนเรามีหน้าที่นำเอกสารมาจัดสรรให้เรียบร้อยเพื่อที่จะเสนอนายทุนให้เข้าใจแปลงที่ดินง่ายขึ้น ซึ่งกระบวนการทำงานรุ่นพี่จะเป็นคนติดต่อกับนายทุน (เส และ นายพล) เพียงผู้เดียว
กระบวนการทำงานก็ได้เริ่มขึ้นตามลำดับ ต่างคนต่างทำหน้าที่ โดยช่วงแรกก็ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงิน แต่ พอระยะเวลาผ่านไปทางรุ่นพี่ได้มีการโทรมา
บอกว่าเราจำเป็นต้องขอเอกสารกรมที่ดิน จึงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง เพื่อที่นำแปลงที่ดินมาทำเอกสารเพื่อเสนอที่ดินนายทุน ตอนแรกเราไม่ได้มีความรู้สึกแปลก ๆ หรือ ผิดข้อสงสัยอะไรเลย เพราะกระบวนการทำงานก็เหมือนกันกับที่เราเคยทำการเป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดินมา
รุ่นพี่เลยตกลงกันกับคนในทีมงานว่าเราต้องหารเงินกันเพื่อไปใส่ซองให้คนในสำนักงาน.... ช่วยนำเอกสารแปลงที่ดินออกมาให้และรวดเร็ว นี่คือจุดเริ่มต้นที่เริ่มเสียเงิน หลังจากที่คนในสำนักงานได้นำเอกสารมาให้รุ่นพี่ ทางรุ่นพี่ก็นำไปถ่ายเอกสาร และมาเรียกเก็บเงินกับทางเรา จึงจำเป็นต้องหารกันกับคนในทีมซึ่งเขาอ้างว่าเอกสารมีจำนวนเยอะมาก หารกันแล้วจำนวนเงินต่อคนหลักหมื่นบาท ซึ่งค่าเอกสารรุ่นพี่จะเป็นคนจัดการและเราก็โอนให้ทางรุ่นพี่ไปจัดการเองตลอด จะเป็นอยู่แบบนี้ตลอด
เหตุการณ์ คือ ทางรุ่นพี่และทีมงานบอกให้เรารวบรวมเอกสารตามที่เขาต้องการเป็นไฟล์ แต่พอทำไปให้ดูก็จะเกิดปัญหาอยู่ตลอด โดยบอกว่าตรงนู้นผิดบ้างตรงนี้ผิดบ้าง จนวันหนึ่งเขาได้บอกว่าเอกสารที่รวบรวมมานายทุนบอกว่าโอเคแล้ว นายทุนจะนำเงินที่จะซื้อที่ดินเข้ามาในประเทศไทยเพื่อที่จะซื้อ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าทางรุ่นพี่มาบอกกับเราว่าเงินนี้มาจากคนใหญ่คนโตจากต่างประเทศที่เข้าประเทศไทยไม่ได้ โดยให้นายทุน (เส และ นายพล) เป็นคนดูแลเรื่องเงิน หลังจากนี้ตัวเราเองก็ทำธุรกิจของเราตามปกติ เพราะว่าทางนายทุนบอกว่า กว่าเงินจะเข้าประเทศไทยต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่รอเงิน ทางรุ่นพี่จะชอบโทรมาบอกว่าทางนายทุนเรียกพบตัวด่วน และได้โทรมาบอกกับเราขอค่าเดินทางเป็นจำนวนเงินหลักพันอยู่ตลอด ที่มาขอเงินเราเพราะว่าเราไม่ได้ไปด้วย เพราะทางรุ่นพี่เองอยู่ดี ๆ จะชอบโทรมาบอกว่าตอนนี้กำลังเดินทางนะ จะแจ้งข่าวดีเรื่องที่ดินกับเราตลอด ทำให้เรารู้สึกหวังกับโปรเจคนี้มาก ๆ ซึ่งในระยะเวลาที่รอเงินเข้าประเทศ นายทุนก็อยากจะได้ที่ดินแปลงอื่นเพิ่มขึ้นอีก กระบวนการทำงานก็จะเหมือนเดิม คือต้องใช้เงินในการทำเอกสาร
ให้ทำเอกสารแบบนี้อยู่หลายภาคมาก ๆ แต่ว่าแปลงที่รอเงินพอเงินถึงไทยรุ่นพี่ก็จะอ้างว่าต้องรอตรวจสอบเงิน แล้วพอบอกว่าเงินเรียบร้อยแล้ว รุ่นพี่อ้างว่าทางทีมงานขอส่วนแบ่งเพิ่ม เป็นจำนวนที่เยอะกว่าที่ตกลงในตอนแรก ซึ่งทางรุ่นพี่ไม่โอเค เลยได้ตัดทีมงานนั้นออกไป และ บอกว่าหาทีมงานใหม่ เท่ากับต้องเริ่มทำเอกสารใหม่หมดเลย เพราะว่าทางรุ่นพี่อ้างว่าเอกสารคือของทีมงานนั้นเขาไม่ให้ ทำให้ต้องใช้เงินไปขอเอกสารที่ดินนั้นใหม่อีก ซึ่งทุกครั้งที่ติดต่อเรื่องงานเราจะคุยผ่านแค่รุ่นพี่ ส่วนรุ่นพี่ก็จะไปคุยกับทีมงานแทนส่วนเราไม่รับรู้เรื่องตรงนี้ไม่เคยได้พบเจอทีมงานใหม่เลย ต้องบอกก่อนเลยว่าเราผิดเองที่ไว้ใจรุ่นพี่คนนี้มาก ๆ เราเลยไม่ได้มีความสงสัยอะไรเลย
เหตุการณ์ก็จะวนอยู่เหมือนเดิม ในระหว่างที่รอเงิน นายทุนก็ต้องการซื้อที่ดินแปลงอื่นเพิ่ม เราก็ต้องทำเอกสารและเสียเงินค่าเอกสารอยู่เหมือนเดิม พอเหตุการณ์เริ่มวน จากที่เรามีทรัพสินย์ เราก็เอาไปขายเพื่อที่มาจ่ายค่าเอกสาร เพราะรุ่นพี่พูดกับเราตลอดว่างานจบแน่นายทุนโอเคทุกอย่าง เหลือแค่รอเงินตรวจสอบ พอบอกว่ารอการเงินใกล้จะเสร็จก็จะอ้างเหตุการณ์อื่นเพิ่มเข้ามาให้ดูเหมือนการเงินไม่อนุมัติ เราขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยได้คุยกับนายทุนเลยสักครั้ง ซึ่งตอนนี้เงินของเราที่ได้จ่ายค่าเอกสารให้กับทางรุ่นพี่เป็นจำนวนหลักแสนแล้ว และเงินของเราได้หมดแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่บอกว่ารอตรวจสอบรุ่นพี่จะโทรมาบอกว่าวันที่เท่านี้นะเงินออกแน่ ๆ จะต้องเอาไปวางมัดจำให้กับเจ้าของที่ พอใกล้ถึงวันที่จะนำเงินไปมัดจำทางรุ่นพี่ก็จะโทรมาบอกว่าเอกสารมีปัญหาอีกแล้ว ต้องแก้ด่วน ทั้ง ๆ ที่รุ่นพี่บอกแล้วว่านายทุนโอเคเรื่องเอกสารแล้วพอใกล้ถึงวันก็มีปัญหา เป็นอยู่แบบนี้เป็น ระยะ เวลาหลายปี ซึ่งนายพลและเส บอกกับเราว่าถ้าเอกสารครบทุกอย่าง เงินตรวจสอบทุกอย่างแล้วจะเริ่มวางเงินมัดจำทุก ๆ แปลง ที่นายทุนต้องการทั้งหมด
ส่วนตัวเราเองตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจอะไรเลย เพราะเราหลงคารมณ์ในจำนวนเงินที่เขาพูดให้เราฟังบ่อย ๆ จึงทำให้เราคิดว่านานแค่ไหนเราก็จะรอ
เพราะคิดว่าเราเสียเงินไปกับค่าเอกสารหลักแสนนั้น แต่ถ้างานจบพ่อแม่เราก็จะสบาย แต่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ทางนายพล และ เส ได้บอกว่ารุ่นพี่เราว่าเอกสารทั้งหมดใช้งานไม่ได้ จำเป็นต้องทำเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้จำนวนเงินที่เยอะเหมือนเดิม เราได้บอกกับรุ่นพี่ว่าเราไม่มีเงินแล้ว ทางรุ่นพี่เองเขาก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน แต่เขาจะเอาที่ไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำค่าเอกสาร เขาบอกกับเราว่าครั้งนี้จบจริง ๆ งานจบแน่นอน นายพล และ เส ยอมเซ็นแล้วถ้าทำเอกสารตามที่เขาบอก เราเลยเชื่อใจนำที่ของที่บ้านไปจำนองเพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายมาใช้จ่ายทำเอกสาร สุดท้ายไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พอรุ่นพี่ได้รับเงินเราไปพออีกวันก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ทางเราเองก็ไม่รู้จักบ้านเขา นายพล และ เส ที่เป็นนายทุนก็ไม่รู้จักชื่อ เราก็เลยคิดว่าเราโดนโกงแน่ ๆ
เพราะเราพึ่งมาตั้งสติว่าเราเป็นคนติดฝั่งนายทุน เรื่องเอกสารที่ดิน จริง ๆ แล้วจะต้องเป็นทีมงานติดที่ดินจัดการเอกสารมาให้เรา เราหลงคารมณ์จนลืมคิดตามหลักความเป็นจริงไปเลย.
สรุปเราก็ไม่สามารถเอาความใครได้เลย ใครเตือนแล้วก็ไม่ฟัง เพราะผิดที่ตัวเราเอง ด้วยความโลภ ด้วยความอยากมี จึงทำให้เราหมดตัว
เราอยากมาเตือนมิจฉาชีพสมัยนี้น่ากลัวมาก ๆ มันทำกันเป็นทีม ซึ่งมันเนียนมาก ๆ จนทำให้เราตายใจ
ปล.เราพึ่งหัดเขียนกระทู้ครั้งแรกอาจจะไม่ละเอียดต้องขอโทษด้วยนะคะ
มาแชร์ประสบการณ์การเป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดิน (โดนหลอกจนหมดตัว)
เรื่องมีอยู่ว่า โดยปกติแล้วเรามีธุกิจของเราเอง แต่เราได้ทำอาชีพนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดิน เป็นอาชีพเสริม ในช่วงระยะเวลาแรก 1-5 ปี ที่เริ่มทำ เราเริ่มจากมูลค่าที่ดินจำนวนเงินไม่สูงมาก ซึ่งเราก็สามารถทำมันสำเร็จ และ ได้รับเงินค่านายหน้าตามส่วนแบ่งที่ได้ตกลงกัน
ตลอดระยะเวลา 1-5 ปี ที่เราได้เป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดิน เราคิดว่าถ้าเราอยากได้เงินค่าส่วนแบ่งที่เยอะขึ้น เราจะต้องหาที่ดินจำนวนเยอะ ๆ มูลค่าสูง
เพื่อที่จะได้ค่าส่วนแบ่งจำนวนเงินสูงขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์การเป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดินจำนวนที่เยอะ มูลค่าสูง
ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง ได้มีรุ่นพี่ที่รู้จัก (ไม่สนิทมาก) ได้โทรมาชวนให้ไปทำโปรเจคที่ดินแถว ภาคตะวันออก ซึ่งมีจำนวนที่ดินเยอะมาก และ จำนวนมูลค่าเงินสูง ถึง "พันล้าน" บาท .................นี่คือจุดเริ่มต้นของความโลภและหายนะที่เกิดขึ้นกับเรา.......................
เริ่มเรื่อง ทางรุ่นพี่บอกกับเราว่ามีนายทุนอยากได้ที่ดิน แถวภาคตะวันออก จำนวน 3,000 ไร่ ซึ่งทางรุ่นพี่บอกกับเราว่านายทุนคนนี้คือคนใหญ่คนโต เป็นถึง เส ถึง นายพล พวกเขาต้องการนำที่ดินมาทำโรงงานอุตสาหกรรม เราเลยตกใจและดีใจมากที่จะได้ทำโปรเจคมูลค่าที่สูงมาก ๆ
ต่อมาเรากับรุ่นพี่และทีมงานได้ลงพื้นที่หาที่ดินจำนวน 3,000 ไร่ ซึ่งพอได้ลงพื้นที่ก็เจอที่ดินที่ถูกใจและจำนวน ใกล้เคียงกับที่นายทุนต้องการ
ก่อนอื่นต้องเลยบอกว่าบ้านเรากับบ้านรุ่นพี่ที่รู้จักไม่ได้อยู่ใกล้กัน ซึ่งบ้านของรุ่นพี่กับที่ดินอยู่ห่างกันไม่มาก แต่เราเองอยู่ห่างไกลกับที่ดินที่นายทุนต้องการมาก
ทางรุ่นพี่เลยเสนอข้อตกลงว่า เขาจะเป็นคนลงพื้นที่ดูแปลงที่ดิน และ เป็นคนรวบรวมเอกสารที่ดิน ส่วนเรามีหน้าที่นำเอกสารมาจัดสรรให้เรียบร้อยเพื่อที่จะเสนอนายทุนให้เข้าใจแปลงที่ดินง่ายขึ้น ซึ่งกระบวนการทำงานรุ่นพี่จะเป็นคนติดต่อกับนายทุน (เส และ นายพล) เพียงผู้เดียว
กระบวนการทำงานก็ได้เริ่มขึ้นตามลำดับ ต่างคนต่างทำหน้าที่ โดยช่วงแรกก็ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงิน แต่ พอระยะเวลาผ่านไปทางรุ่นพี่ได้มีการโทรมา
บอกว่าเราจำเป็นต้องขอเอกสารกรมที่ดิน จึงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง เพื่อที่นำแปลงที่ดินมาทำเอกสารเพื่อเสนอที่ดินนายทุน ตอนแรกเราไม่ได้มีความรู้สึกแปลก ๆ หรือ ผิดข้อสงสัยอะไรเลย เพราะกระบวนการทำงานก็เหมือนกันกับที่เราเคยทำการเป็นนายหน้า ซื้อ-ขาย ที่ดินมา
รุ่นพี่เลยตกลงกันกับคนในทีมงานว่าเราต้องหารเงินกันเพื่อไปใส่ซองให้คนในสำนักงาน.... ช่วยนำเอกสารแปลงที่ดินออกมาให้และรวดเร็ว นี่คือจุดเริ่มต้นที่เริ่มเสียเงิน หลังจากที่คนในสำนักงานได้นำเอกสารมาให้รุ่นพี่ ทางรุ่นพี่ก็นำไปถ่ายเอกสาร และมาเรียกเก็บเงินกับทางเรา จึงจำเป็นต้องหารกันกับคนในทีมซึ่งเขาอ้างว่าเอกสารมีจำนวนเยอะมาก หารกันแล้วจำนวนเงินต่อคนหลักหมื่นบาท ซึ่งค่าเอกสารรุ่นพี่จะเป็นคนจัดการและเราก็โอนให้ทางรุ่นพี่ไปจัดการเองตลอด จะเป็นอยู่แบบนี้ตลอด
เหตุการณ์ คือ ทางรุ่นพี่และทีมงานบอกให้เรารวบรวมเอกสารตามที่เขาต้องการเป็นไฟล์ แต่พอทำไปให้ดูก็จะเกิดปัญหาอยู่ตลอด โดยบอกว่าตรงนู้นผิดบ้างตรงนี้ผิดบ้าง จนวันหนึ่งเขาได้บอกว่าเอกสารที่รวบรวมมานายทุนบอกว่าโอเคแล้ว นายทุนจะนำเงินที่จะซื้อที่ดินเข้ามาในประเทศไทยเพื่อที่จะซื้อ ซึ่งบอกก่อนเลยว่าทางรุ่นพี่มาบอกกับเราว่าเงินนี้มาจากคนใหญ่คนโตจากต่างประเทศที่เข้าประเทศไทยไม่ได้ โดยให้นายทุน (เส และ นายพล) เป็นคนดูแลเรื่องเงิน หลังจากนี้ตัวเราเองก็ทำธุรกิจของเราตามปกติ เพราะว่าทางนายทุนบอกว่า กว่าเงินจะเข้าประเทศไทยต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่รอเงิน ทางรุ่นพี่จะชอบโทรมาบอกว่าทางนายทุนเรียกพบตัวด่วน และได้โทรมาบอกกับเราขอค่าเดินทางเป็นจำนวนเงินหลักพันอยู่ตลอด ที่มาขอเงินเราเพราะว่าเราไม่ได้ไปด้วย เพราะทางรุ่นพี่เองอยู่ดี ๆ จะชอบโทรมาบอกว่าตอนนี้กำลังเดินทางนะ จะแจ้งข่าวดีเรื่องที่ดินกับเราตลอด ทำให้เรารู้สึกหวังกับโปรเจคนี้มาก ๆ ซึ่งในระยะเวลาที่รอเงินเข้าประเทศ นายทุนก็อยากจะได้ที่ดินแปลงอื่นเพิ่มขึ้นอีก กระบวนการทำงานก็จะเหมือนเดิม คือต้องใช้เงินในการทำเอกสาร
ให้ทำเอกสารแบบนี้อยู่หลายภาคมาก ๆ แต่ว่าแปลงที่รอเงินพอเงินถึงไทยรุ่นพี่ก็จะอ้างว่าต้องรอตรวจสอบเงิน แล้วพอบอกว่าเงินเรียบร้อยแล้ว รุ่นพี่อ้างว่าทางทีมงานขอส่วนแบ่งเพิ่ม เป็นจำนวนที่เยอะกว่าที่ตกลงในตอนแรก ซึ่งทางรุ่นพี่ไม่โอเค เลยได้ตัดทีมงานนั้นออกไป และ บอกว่าหาทีมงานใหม่ เท่ากับต้องเริ่มทำเอกสารใหม่หมดเลย เพราะว่าทางรุ่นพี่อ้างว่าเอกสารคือของทีมงานนั้นเขาไม่ให้ ทำให้ต้องใช้เงินไปขอเอกสารที่ดินนั้นใหม่อีก ซึ่งทุกครั้งที่ติดต่อเรื่องงานเราจะคุยผ่านแค่รุ่นพี่ ส่วนรุ่นพี่ก็จะไปคุยกับทีมงานแทนส่วนเราไม่รับรู้เรื่องตรงนี้ไม่เคยได้พบเจอทีมงานใหม่เลย ต้องบอกก่อนเลยว่าเราผิดเองที่ไว้ใจรุ่นพี่คนนี้มาก ๆ เราเลยไม่ได้มีความสงสัยอะไรเลย
เหตุการณ์ก็จะวนอยู่เหมือนเดิม ในระหว่างที่รอเงิน นายทุนก็ต้องการซื้อที่ดินแปลงอื่นเพิ่ม เราก็ต้องทำเอกสารและเสียเงินค่าเอกสารอยู่เหมือนเดิม พอเหตุการณ์เริ่มวน จากที่เรามีทรัพสินย์ เราก็เอาไปขายเพื่อที่มาจ่ายค่าเอกสาร เพราะรุ่นพี่พูดกับเราตลอดว่างานจบแน่นายทุนโอเคทุกอย่าง เหลือแค่รอเงินตรวจสอบ พอบอกว่ารอการเงินใกล้จะเสร็จก็จะอ้างเหตุการณ์อื่นเพิ่มเข้ามาให้ดูเหมือนการเงินไม่อนุมัติ เราขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยได้คุยกับนายทุนเลยสักครั้ง ซึ่งตอนนี้เงินของเราที่ได้จ่ายค่าเอกสารให้กับทางรุ่นพี่เป็นจำนวนหลักแสนแล้ว และเงินของเราได้หมดแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่บอกว่ารอตรวจสอบรุ่นพี่จะโทรมาบอกว่าวันที่เท่านี้นะเงินออกแน่ ๆ จะต้องเอาไปวางมัดจำให้กับเจ้าของที่ พอใกล้ถึงวันที่จะนำเงินไปมัดจำทางรุ่นพี่ก็จะโทรมาบอกว่าเอกสารมีปัญหาอีกแล้ว ต้องแก้ด่วน ทั้ง ๆ ที่รุ่นพี่บอกแล้วว่านายทุนโอเคเรื่องเอกสารแล้วพอใกล้ถึงวันก็มีปัญหา เป็นอยู่แบบนี้เป็น ระยะ เวลาหลายปี ซึ่งนายพลและเส บอกกับเราว่าถ้าเอกสารครบทุกอย่าง เงินตรวจสอบทุกอย่างแล้วจะเริ่มวางเงินมัดจำทุก ๆ แปลง ที่นายทุนต้องการทั้งหมด
ส่วนตัวเราเองตอนนั้นเราไม่ได้เอะใจอะไรเลย เพราะเราหลงคารมณ์ในจำนวนเงินที่เขาพูดให้เราฟังบ่อย ๆ จึงทำให้เราคิดว่านานแค่ไหนเราก็จะรอ
เพราะคิดว่าเราเสียเงินไปกับค่าเอกสารหลักแสนนั้น แต่ถ้างานจบพ่อแม่เราก็จะสบาย แต่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ทางนายพล และ เส ได้บอกว่ารุ่นพี่เราว่าเอกสารทั้งหมดใช้งานไม่ได้ จำเป็นต้องทำเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้จำนวนเงินที่เยอะเหมือนเดิม เราได้บอกกับรุ่นพี่ว่าเราไม่มีเงินแล้ว ทางรุ่นพี่เองเขาก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน แต่เขาจะเอาที่ไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำค่าเอกสาร เขาบอกกับเราว่าครั้งนี้จบจริง ๆ งานจบแน่นอน นายพล และ เส ยอมเซ็นแล้วถ้าทำเอกสารตามที่เขาบอก เราเลยเชื่อใจนำที่ของที่บ้านไปจำนองเพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายมาใช้จ่ายทำเอกสาร สุดท้ายไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พอรุ่นพี่ได้รับเงินเราไปพออีกวันก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ทางเราเองก็ไม่รู้จักบ้านเขา นายพล และ เส ที่เป็นนายทุนก็ไม่รู้จักชื่อ เราก็เลยคิดว่าเราโดนโกงแน่ ๆ
เพราะเราพึ่งมาตั้งสติว่าเราเป็นคนติดฝั่งนายทุน เรื่องเอกสารที่ดิน จริง ๆ แล้วจะต้องเป็นทีมงานติดที่ดินจัดการเอกสารมาให้เรา เราหลงคารมณ์จนลืมคิดตามหลักความเป็นจริงไปเลย.
สรุปเราก็ไม่สามารถเอาความใครได้เลย ใครเตือนแล้วก็ไม่ฟัง เพราะผิดที่ตัวเราเอง ด้วยความโลภ ด้วยความอยากมี จึงทำให้เราหมดตัว
เราอยากมาเตือนมิจฉาชีพสมัยนี้น่ากลัวมาก ๆ มันทำกันเป็นทีม ซึ่งมันเนียนมาก ๆ จนทำให้เราตายใจ
ปล.เราพึ่งหัดเขียนกระทู้ครั้งแรกอาจจะไม่ละเอียดต้องขอโทษด้วยนะคะ