สวัสดีค่าสาวๆทุกคนศินะคร้าวันนี้อยากมาเม้ามอยการเตรียมตัวก่อนเป็นเจ้าสาวว่าศิเริ่มดูแลตัวเองอย่างไรในการเตรียมตัว จุดเริ่มต้นเลยศิมีความคิดว่าอยากสวยที่สุดในวันที่สำคัญที่สุดในแบบของเรา ศิเชื่อว่าสาวๆทุกคนก็คงคิดแบบศิอยู่แล้วแหละ เพราะวันแต่งงานมันคือวันที่สำคัญที่สุดครั้งนึงของผู้หญิงอ่ะเนอะ
โดยศิและแฟนมีเวลาในการเตรียมตัวและเตรียมงานประมาณ 7 เดือนค่ะโดยแพลนจัดที่ กระบี่และกรุงเทพ งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าการเตรียมตัวเจ้าสาวที่ศิวางแพลนใว้ คือ
-การดูแลผิวหน้า ความเป๊ะ ความปังของหน้า
-การดูแลผิวตัว
-การดูแลมือ
เรียกได้ว่าอยากสวยดูดีเลยค่ะ อย่างแรกที่ศิทำ ก็คือการดูแลผิวตัว เจ้าสาวบางคนอาจเข้าคอร์สอาบน้ำแร่แช่น้ำนม และแน่นอนว่าศิ ก็วางแพลนว่าอยากจะทำเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำค่ะ ศิใช้วิธีซื้อครีมขัดผิว พอกผิว น้ำแร่ น้ำนม มาดูแลผิวตัวเองที่บ้าน ซึ่งการช็อปปิ้งในแอพส้มมีหมดอยู่แล้ว อันนี้ศิเพิ่งซื้อมาและยังไม่ได้เห็นผลเท่าไหร่เพราะทำไปไม่กี่ครั้งเดี๋ยวศิจะมารีวิวอีกครั้งแยกกระทู้ดีกว่าเนอะ
ที่ลืมไปไม่ได้คือ การดูแลมือ มือนี่สำคัญมากนะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะเราต้องมีรูปตอนสวมแหวนจะมามือดำ มือเหี่ยว ดังนั้นเราจะไม่พลาดเด็ดขาดค่ะ นี่เราก็ขัดมือทาครีมบำรุงและเดี๋ยวใกล้ๆวางแผนมีโบท็อกมือด้วยจ้าาา อันนี้ก็เดี๋ยวขอแยกเป็นรีวิวอีกรีวิวดีกว่าเนอะ
กระทู้นี้เรามาคุยเรื่องการบำรุงผิวหน้ากันเพราะเป็นอย่างแรกเลยที่เราเตรียมตัวเพื่อจะไปถ่าย Pre-Wedding ตอนแรกบอกเพื่อนว่าเราจะไปหาหมอฉีดโบท็อกเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวมีแต่คนห้าม และบอกให้ใช้วิธีแต่งรูปเอาแต่มันไม่ได้อ่ะ ไม่ชอบที่เวลาถ่ายมาแล้วคนมาบอกว่าไม่เห็นเหมือนตัวจริง เราเลยเข้าไปปรึกษาหมอที่เคยฉีดกันตอนวันรับปริญญาโทตอนนั้นก็เข้าใจว่า ฉีดโบท็อกซ์ก็คงต้องหน้าแข็งๆตึงๆแบบนี้ปกติ คุณหมอก็แจ้งว่า มันคงหายไม่ทันช่วงถ่ายพรีเวดดิ้งหรอก แนะนำว่าไม่ต้องทำอะไร รอทำก่อนแต่งงานเลยดีกว่า ตอนนั้นก็กังวล เราเองก็รู้สึกว่าหน้าเรายังไม่ค่อยได้รูป แต่ก็พยายามคิดในแง่ดี รูปพรีเวดดิ้งก็มีช่างแต่งรูป สุดท้ายก็คงได้รูปสวยๆ จนกระทั่งได้เจอเลิฟลินิสคลินิก ที่เป็นคลินิกสำหรับเจ้าสาว เราขอคุณหมอหนอนนาบีมีประสบการณ์ด้านเจ้าสาวมานานกว่า 5 ปี ทำให้รู้สึกว่าคุณหมอน่าจะมีความเข้าใจในตัวเจ้าสาวมาก จึงได้ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน
วันที่เราไปปรึกษาเล่าถึงปัญหาที่เคยเจอก่อนหน้านี้ คุณหมอค่อนข้างมีความเข้าใจในความกังวลของเรามากๆ ทั้งเรื่องรูปหน้าที่ยังไม่ได้เป๊ะ ใต้ตาที่ดูโทรมเหมือนพักผ่อนน้อย หน้าที่ดูแก่ก่อนวัย และความกังวลที่จะหน้าแข็งตึงในวันถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง คุณหมอแนะนำและอธิบายได้ละเอียดเห็นภาพมากๆ แถมยังแนะนำเรื่องการดูแลผิวเพื่อเตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งกลางแจ้งด้วย ซึ่งตรงนี้เราลืมไปเลยเพราะคุณหมอเตือนว่า อากาศบ้านเรามันร้อนสุดๆนะ ถ่ายกลางแดดแบบนี้ งานผิวต้องเตรียมให้พร้อม จะได้แต่งหน้าให้น้อย แต่ติดทนแถมไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน คำแนะนำของคุณหมอเป็นคำแนะนำที่ตรงจุด ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เป็นการยัดเยียดให้ทำ อธิบายให้เราคิดต่อเองว่า เราควรทำจุดไหน หรือจำเป็นต้องแก้ไขจุดไหนอย่างไรบ้าง

เราเลยตัดสินใจลงคอร์สเจ้าสาวที่นี่ ไม่ได้ดูแลแค่เจ้าสาว ซึ่งเราแบ่งใช้คอร์สกับเจ้าบ่าวเอาค่ะทำด้วยกันมันจะได้ประหยัด ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่าเจ้าบ่าวควรทำอะไรอย่างไร ตอนแรกเจ้าบ่าวเราด้วยความเป็นผู้ชายนางก็ไม่ได้เห็นความสำคัญอะไรแต่พอคุณหมอเอารูปถ่ายคนไข้เคสรีวิวเก่าๆมาให้ดู พอเห็นเจ้าบ่าวที่ไม่ได้ดูแลตัวเอง แม้ว่าจะแต่งหน้า ก็ดูมีความหมอง ดูอ่อนล้ามากกว่าเจ้าสาว ที่ดูสดใสมากๆ นางเลยยอมทำด้วย แต่ยังมีความกังวลว่าทำแล้วจะดูไม่เป็นธรรมชาติมั้ย ทำแล้วจะดูออกสาวมั้ย แต่คุณหมอแนะนำอธิบายอย่างละเอียด พร้อมออกแบบรูปหน้าเป็นรายบุคคล ที่แก้ไขปัญหาตามจุดที่กังวล และเสริมในจุดที่จะทำให้มั่นใจมากขึ้น
เราเลือกเป็นโปรแกรม Completely wedding Europe ที่เป็นคอร์สเตรียมตัวก่อนแต่งงาน 6 เดือนและเค้าทำทั้งหน้าและงานผิว skinbooster ขัดผิวตัว เลเซอร์ขนทั้งตัวด้วย ดริปวิตามินด้วยจริงๆแล้วหลังทำไปครั้งแรก
เท่าที่คุยกับหมอนะหมอบอกว่าผลมันจะอยู่ได้ประมาณเกือบปี แต่ระหว่างนั้นหมอเค้าก็จะมีนัดที่จะติดตามอาการ และเก็บงานเพิ่มเติมไรแนวนี้ด้วย เพื่อให้วันแต่งงานจริงก็ยังสวยเป๊ะอยู่
หลังทำไปสัปดาห์แรก เรารู้สึกว่าเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่รูปหน้า ริ้วรอย ผิวพรรณ รู้สึกดีมากๆ เวลาคนทักว่าสวยขึ้นออร่าเจ้าสาวจับ (แหม่คุณขาไม่ได้รู้เล้ยยว่าเจ้าสาวอย่างเราต้องทุ่มเททั้งเงินทั้งเวลาขนาดไหน)
เราว่าพอเราเตรียมตัวมาอย่างดี ดูแลตัวเองทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ยิ่งตอนไปถ่ายพรีเวดดิ้ง เป็นอย่างที่คุณหมอว่าเลยพอเราเตรียมผิวดี เราก็แต่งหน้าน้อยลง ทำให้ไม่รู้สึกหนักหน้า สบายผิว แต่ผิวยังสวย และไม่ได้เยิ้มให้กวนใจ รูปหน้าก็สวยเป๊ะ ทำให้ยิ้มกว้างได้อย่างมั่นใจในทุกมุม ไม่ต้องคอยหันหน้าให้กล้องมุมเดิมๆอีกมันได้ความหลากหลายมาก


รูปพรีเวดดิ้งที่ได้มา เรารู้สึกว่าก็สวยทุกรูปจนแทบไม่ต้องแต่งรูปเลย ทำให้อยากเก็บ raw file ทั้งหมดไว้เลย แถมคนทักบ่อยมากว่าหน้าดูสดใสขึ้น ดูเด็กลง และเราเองก็รู้สึกใช้ชีวิตง่ายขึ้น แต่งหน้าก็ติดทน นี่ทำมาเกือบครบ 3 เดือนแล้ว ยังรู้สึกว่าผลลัพธ์ยังเป๊ะอยู่เลย และนี่เดี๋ยวเรามีนัดติดตามอีกเพื่อเตรียมความพร้อมสู่วันจริงในงานแต่งงานแล้วค่ะ
[CR] รีวิว การเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวให้สวยอย่างไร้ที่ติในวันแต่งงาน
-การดูแลผิวหน้า ความเป๊ะ ความปังของหน้า
-การดูแลผิวตัว
-การดูแลมือ
เรียกได้ว่าอยากสวยดูดีเลยค่ะ อย่างแรกที่ศิทำ ก็คือการดูแลผิวตัว เจ้าสาวบางคนอาจเข้าคอร์สอาบน้ำแร่แช่น้ำนม และแน่นอนว่าศิ ก็วางแพลนว่าอยากจะทำเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำค่ะ ศิใช้วิธีซื้อครีมขัดผิว พอกผิว น้ำแร่ น้ำนม มาดูแลผิวตัวเองที่บ้าน ซึ่งการช็อปปิ้งในแอพส้มมีหมดอยู่แล้ว อันนี้ศิเพิ่งซื้อมาและยังไม่ได้เห็นผลเท่าไหร่เพราะทำไปไม่กี่ครั้งเดี๋ยวศิจะมารีวิวอีกครั้งแยกกระทู้ดีกว่าเนอะ
ที่ลืมไปไม่ได้คือ การดูแลมือ มือนี่สำคัญมากนะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะเราต้องมีรูปตอนสวมแหวนจะมามือดำ มือเหี่ยว ดังนั้นเราจะไม่พลาดเด็ดขาดค่ะ นี่เราก็ขัดมือทาครีมบำรุงและเดี๋ยวใกล้ๆวางแผนมีโบท็อกมือด้วยจ้าาา อันนี้ก็เดี๋ยวขอแยกเป็นรีวิวอีกรีวิวดีกว่าเนอะ
กระทู้นี้เรามาคุยเรื่องการบำรุงผิวหน้ากันเพราะเป็นอย่างแรกเลยที่เราเตรียมตัวเพื่อจะไปถ่าย Pre-Wedding ตอนแรกบอกเพื่อนว่าเราจะไปหาหมอฉีดโบท็อกเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวมีแต่คนห้าม และบอกให้ใช้วิธีแต่งรูปเอาแต่มันไม่ได้อ่ะ ไม่ชอบที่เวลาถ่ายมาแล้วคนมาบอกว่าไม่เห็นเหมือนตัวจริง เราเลยเข้าไปปรึกษาหมอที่เคยฉีดกันตอนวันรับปริญญาโทตอนนั้นก็เข้าใจว่า ฉีดโบท็อกซ์ก็คงต้องหน้าแข็งๆตึงๆแบบนี้ปกติ คุณหมอก็แจ้งว่า มันคงหายไม่ทันช่วงถ่ายพรีเวดดิ้งหรอก แนะนำว่าไม่ต้องทำอะไร รอทำก่อนแต่งงานเลยดีกว่า ตอนนั้นก็กังวล เราเองก็รู้สึกว่าหน้าเรายังไม่ค่อยได้รูป แต่ก็พยายามคิดในแง่ดี รูปพรีเวดดิ้งก็มีช่างแต่งรูป สุดท้ายก็คงได้รูปสวยๆ จนกระทั่งได้เจอเลิฟลินิสคลินิก ที่เป็นคลินิกสำหรับเจ้าสาว เราขอคุณหมอหนอนนาบีมีประสบการณ์ด้านเจ้าสาวมานานกว่า 5 ปี ทำให้รู้สึกว่าคุณหมอน่าจะมีความเข้าใจในตัวเจ้าสาวมาก จึงได้ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน
วันที่เราไปปรึกษาเล่าถึงปัญหาที่เคยเจอก่อนหน้านี้ คุณหมอค่อนข้างมีความเข้าใจในความกังวลของเรามากๆ ทั้งเรื่องรูปหน้าที่ยังไม่ได้เป๊ะ ใต้ตาที่ดูโทรมเหมือนพักผ่อนน้อย หน้าที่ดูแก่ก่อนวัย และความกังวลที่จะหน้าแข็งตึงในวันถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง คุณหมอแนะนำและอธิบายได้ละเอียดเห็นภาพมากๆ แถมยังแนะนำเรื่องการดูแลผิวเพื่อเตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งกลางแจ้งด้วย ซึ่งตรงนี้เราลืมไปเลยเพราะคุณหมอเตือนว่า อากาศบ้านเรามันร้อนสุดๆนะ ถ่ายกลางแดดแบบนี้ งานผิวต้องเตรียมให้พร้อม จะได้แต่งหน้าให้น้อย แต่ติดทนแถมไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน คำแนะนำของคุณหมอเป็นคำแนะนำที่ตรงจุด ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เป็นการยัดเยียดให้ทำ อธิบายให้เราคิดต่อเองว่า เราควรทำจุดไหน หรือจำเป็นต้องแก้ไขจุดไหนอย่างไรบ้าง
เราเลือกเป็นโปรแกรม Completely wedding Europe ที่เป็นคอร์สเตรียมตัวก่อนแต่งงาน 6 เดือนและเค้าทำทั้งหน้าและงานผิว skinbooster ขัดผิวตัว เลเซอร์ขนทั้งตัวด้วย ดริปวิตามินด้วยจริงๆแล้วหลังทำไปครั้งแรก
เราว่าพอเราเตรียมตัวมาอย่างดี ดูแลตัวเองทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ยิ่งตอนไปถ่ายพรีเวดดิ้ง เป็นอย่างที่คุณหมอว่าเลยพอเราเตรียมผิวดี เราก็แต่งหน้าน้อยลง ทำให้ไม่รู้สึกหนักหน้า สบายผิว แต่ผิวยังสวย และไม่ได้เยิ้มให้กวนใจ รูปหน้าก็สวยเป๊ะ ทำให้ยิ้มกว้างได้อย่างมั่นใจในทุกมุม ไม่ต้องคอยหันหน้าให้กล้องมุมเดิมๆอีกมันได้ความหลากหลายมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้