สภาพอากาศประเทศไทยหนีไม่พ้นช่วงมรสุม ในวันที่เกิดฝนตกหนัก นอกจากปัญหาจราจรติดขัดแล้วยังอาจพบปัญหาน้ำระบายไม่ทัน เกิดปัญหาน้ำท่วม และสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็คือ การขับรถลุยน้ำท่วม ซึ่งผู้ใช้รถควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องขับรถลุยน้ำที่ท่วมสูง สิ่งแรกคือ จะต้องมีสติ ศึกษาเส้นทางที่จะเดินทาง ติดตามข่าวสารสภาพการจราจรล่าสุด หากพบเส้นทางน้ำท่วมต้องประเมินลักษณะของรถกับความสูงของน้ำที่ท่วมเช่น หากเป็นน้ำที่ท่วมขัง 10 เซนติเมตร หรือระดับไม่เกินข้อเท้า รถส่วนใหญ่ตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็กก็สามารถค่อย ๆ ขับผ่านไปได้เพราะอยู่ในระดับที่ยังท่วมไม่ถึงท้องรถและท่อไอเสีย แต่หากระดับน้ำสูงกว่านั้น คือสูงถึงใต้ท้องรถหรือท่วมถึงขอบประตูรถหรือท่วมถึงปลายท่อไอเสีย จะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับเพิ่มขึ้นโดย วิธีการที่ถูกต้องในการขับรถลุยน้ำท่วมสูงมีดังนี้
1. ปิดแอร์ทันที เพราะหากเปิดแอร์ไว้พัดลมระบายความร้อนในการจับเพิ่มขึ้นของเครื่องปรับอากาศซึ่งติดตั้งอยู่ในจุดที่ต่ำ เมื่อน้ำท่วมถึงพัดลมจะตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อาจเกิดไฟช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ แถมยังมีความเสี่ยงที่ใบพัดลมจะหักอีกด้วย
2. ใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1-2 เพราะรถต้องใช้แรงในการฝ่าน้ำควบคุมความเร็วรถให้ต่ำ ส่วนกรณีที่เป็นเกียร์อัตโนมัติก็ให้รักษาความเร็วในระดับที่ต่ำไว้เท่าที่จะทำได้
3. รักษาความเร็วต่ำให้สม่ำเสมอ หรือรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที
ไม่ขับเร็วเพราะอาจทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะกระทบกับขอบทางเท้าหรือสิ่งกีดขวางอื่นแล้วย้อนกลับเข้ามาที่ตัวรถได้ นอกจากนี้การขับตามคันหน้าในระยะที่ปลอดภัยนับเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้สามารถคาดการณ์ลักษณะของพื้นผิวถนนที่ใต้ผิวน้ำได้ เรียกง่าย ๆ ว่าให้คันหน้าช่วยนำทางนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับการขับรถลุยน้ำท่วมสูงก็คือ หากประเมินสถานการณ์แล้วพบว่ามีโอกาสที่จะต้องหยุดหรือจอดรถแช่น้ำ หรือเส้นทางที่จะผ่านมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางไกลเกินไป เป็นความเสี่ยงที่รถจะดับหรือเกิดความเสียหายได้มากขึ้น ควรเปลี่ยนเส้นทางหรือถ้าไม่มีเส้นทางอื่นจริงๆ ให้หาที่พักใกล้ๆ และพักรอจนกว่าน้ำจะลด นอกจากนี้เมื่อถึงจุดหมายปลายแล้ว ควรตรวจสอบว่ามีน้ำรั่วเข้ามาในรถหรือไม่ โดยสังเกตพรมรองพื้นว่ามีรอยเปียกชื้นหรือไม่ หากมีควรเอาพรมออกมาตากไว้นอกรถ เช็คทำความสะอาดให้ทั่วถึง เพราะอาจเป็นจุดเริ่มของเชื้อราหรือสนิม ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพรถและคนขับอีกด้วย และในวันหยุดควรจอดรถในที่โล่งเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อขับไล่ความอับชื้น หากผู้บริโภคท่านใด
ได้รับความเสียหายหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและบริการสามารถร้องเรียนได้ที่สคบ. 1166 หรือแอพลิเคชัน OCPB Connect
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย
1. ปิดแอร์ทันที เพราะหากเปิดแอร์ไว้พัดลมระบายความร้อนในการจับเพิ่มขึ้นของเครื่องปรับอากาศซึ่งติดตั้งอยู่ในจุดที่ต่ำ เมื่อน้ำท่วมถึงพัดลมจะตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อาจเกิดไฟช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ แถมยังมีความเสี่ยงที่ใบพัดลมจะหักอีกด้วย
2. ใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1-2 เพราะรถต้องใช้แรงในการฝ่าน้ำควบคุมความเร็วรถให้ต่ำ ส่วนกรณีที่เป็นเกียร์อัตโนมัติก็ให้รักษาความเร็วในระดับที่ต่ำไว้เท่าที่จะทำได้
3. รักษาความเร็วต่ำให้สม่ำเสมอ หรือรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที
ไม่ขับเร็วเพราะอาจทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะกระทบกับขอบทางเท้าหรือสิ่งกีดขวางอื่นแล้วย้อนกลับเข้ามาที่ตัวรถได้ นอกจากนี้การขับตามคันหน้าในระยะที่ปลอดภัยนับเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้สามารถคาดการณ์ลักษณะของพื้นผิวถนนที่ใต้ผิวน้ำได้ เรียกง่าย ๆ ว่าให้คันหน้าช่วยนำทางนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับการขับรถลุยน้ำท่วมสูงก็คือ หากประเมินสถานการณ์แล้วพบว่ามีโอกาสที่จะต้องหยุดหรือจอดรถแช่น้ำ หรือเส้นทางที่จะผ่านมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางไกลเกินไป เป็นความเสี่ยงที่รถจะดับหรือเกิดความเสียหายได้มากขึ้น ควรเปลี่ยนเส้นทางหรือถ้าไม่มีเส้นทางอื่นจริงๆ ให้หาที่พักใกล้ๆ และพักรอจนกว่าน้ำจะลด นอกจากนี้เมื่อถึงจุดหมายปลายแล้ว ควรตรวจสอบว่ามีน้ำรั่วเข้ามาในรถหรือไม่ โดยสังเกตพรมรองพื้นว่ามีรอยเปียกชื้นหรือไม่ หากมีควรเอาพรมออกมาตากไว้นอกรถ เช็คทำความสะอาดให้ทั่วถึง เพราะอาจเป็นจุดเริ่มของเชื้อราหรือสนิม ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพรถและคนขับอีกด้วย และในวันหยุดควรจอดรถในที่โล่งเปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อขับไล่ความอับชื้น หากผู้บริโภคท่านใด
ได้รับความเสียหายหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและบริการสามารถร้องเรียนได้ที่สคบ. 1166 หรือแอพลิเคชัน OCPB Connect