สวัสดีค่า ในที่สุดกระทู้แรกของไอเท็มใช้แล้วชอบประจำปี 2023 ก็เสร็จ 55555
เราตั้งใจรวมของที่ใช้แล้วชอบในแต่ละหมวด โดยจะเริ่มที่หมวด Body care & Hair care ก่อนในกระทู้นี้ค่ะ
ถ้ามีเวลาจะมาต่อในส่วนของ เมคอัพ สกินแคร์อื่น ๆ อยากรู้ว่าจะมีชิ้นไหนที่เพื่อน ๆ ชอบเหมือนกันมั้ย
เพื่อไม่ให้กระทู้ยืดยาวจนเกินไป ก็มาเริ่มกันที่คู่หูดูแลผมกันเลยยย
1. RYO Shampoo & Treatment Hair Loss Expert Care
(ราคาเต็มทั้ง Set : ประมาณ 6-800 บาท)
เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่เราลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกาย และ IF ทำให้มีช่วงนึง ผมร่วงหนักไม่ไหว หาข้อมูลอ่านดูคนที่ IF+Low Carb หลายคนก็เป็นเหมือนกัน ก็เลยต้องหาตัวช่วย อัดโปรตีนเยอะขึ้น กินอาหารเสริมพวก Zinc Biotin และเลือก Hair Care ที่ช่วยลดผมร่วงค่ะ
เราลองมาหลายยี่ห้อ จนได้ตัวที่ชอบที่สุดตอนนี้ เป็นแบรนด์เกาหลีที่มีชื่อว่า “RYO” ค่ะ จริง ๆ เค้ามีหลายสูตรมาก แต่เราจะใช้สูตร Hair Loss Expert Care ที่ช่วยลดผมร่วง และเหมาะสำหรับหนังศีรษะที่แพ้ง่ายค่ะ เราจัดมาเป็นเซ็ตทั้ง Shampoo & Treatment ก็จะถูกลงกว่าซื้อแยกค่ะ โดยเฉพาะซื้อในวัน PAYDAY ยิ่งถูกลงไปอีก
ตัวแชมพู จะมีสารสกัดจากโสม ทั้งราก ลำต้น ใบและผล ฟองโฟมหนานุ่ม เท็กซ์เจอร์เข้มข้นตามที่แบรนด์เคลมเลยค่ะ กลิ่นเค้าจะหอมสมุนไพรฟีลโสม ๆ หน่อย สระผมเสร็จแล้วทั้งห้องน้ำหอมฟุ้งเลย 555 กลิ่นถือว่าโอเคสำหรับเราค่ะ แชมพูล้างออกง่าย เค้าบอกว่าปราศจากส่วนผสมรุนแรง 7 ชนิดและช่วยบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน รวมถึงที่น่าสนใจคือ มีเทคโนโลยีเพิ่มวอลลุ่มให้เส้นผมด้วยการออกแบบให้ดูดซับสารบำรุงเพื่อเพิ่มวอลลุ่มบริเวณโคนผม โอ้โห เกาหลีนี่เค้าล้ำจริง ๆ ><
ทรีทเมนต์สูตรเดียวกันก็มีกลิ่นหอมสมุนไพรค่ะ เนื้อเข้มข้น ไม่มีสารระคายเคือง ช่วยบำรุงทั้งโคนผม และหนังศีรษะ มีส่วนผสมจากสารสกัดโสมทั้งต้น และรากสมุนไพรเกาหลี เป็นฟีลจักพรรดินีมาก ๆ 5555 ใช้เสร็จก็คือผมนุ่ม จัดทรงง่ายค่ะ ใช้แทนครีมนวดได้เลย ตัวนี้เราไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ สัปดาห์ละประมาณ 2 - 3 ครั้งเอง
อย่างที่บอกว่าเราใช้แชมพูลดผมร่วงมาหลายยี่ห้อ แต่ชอบตัวนี้มากที่สุดตอนนี้ เพราะในเรื่องของเทคโนโลยีเพิ่มวอลลุ่มผม + กลิ่นถูกจริต + ราคาไม่แรงเกิน ลดบ่อย และสำหรับเรา ผมที่ร่วงหนัก ๆ ก่อนหน้านี้น้อยลงจริงค่ะ ลูกผมขึ้นมาเยอะเลย ชอบ ๆ
2. Plu Body Scrub
(ราคาเต็ม 460 บาท แต่ลด 50% บ่อย)
ตัวนี้เป็นสครับสำหรับผิวกายค่ะ สารภาพว่าได้ยินชื่อแบรนด์ครั้งแรก คิดว่าแบรนด์ไทยนะ พลู ฟีลหมากพลูอะไรประมาณนั้น 555 แต่พอได้ของ เอ้าแพคเกจเป็นภาษาเกาหลี สรุปน้องเค้าคือแบรนด์เกาหลีเจ้าค่า
ซึ่งตัวแรกที่เราได้ลองแล้วหลงรักทันทีก็คือสูตร Body Balance The Premium Edition หลอดสีน้ำตาลค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรพรีเมียมของแบรนด์ เป็นบอดี้สครับสูตรเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของเปลือกวอลนัท ดอกซากุระ และสาหร่ายพวงองุ่น รวมถึงสารอาหารผิวอื่น ๆ เช่น งาดำ ถั่วดำ เมล็ดทานตะวัน ซึ่งสารสกัดจากอาหารผิวเหล่านี้ จะช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่น ช่วยดูดซับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ดูดซับสิ่งสกปรก และทำให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้นค่า
ตัวเนื้อสครับสูตรนี้ เกล็ดเนียน ละเอียด ไม่บาดผิว กลิ่นหอมดูแพง (กลิ่นสูตรนี้เป็นแนว Sweet / Fruity / Tropical) เราจะใช้บนผิวที่เปียก นวดเบา ๆ ไม่ต้องทิ้งไว้นานมาก แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นค่ะ ใช้ประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองผิวนุ่ม ตรงหัวเข่า ข้อศอกก็ดูกระจ่างใสขึ้น คือเราชอบมากจนสั่งมาอีกหลอดแล้ว 555 หลอดสีชมพูเป็นสูตรที่มีวอลนัท & น้ำผึ้งมานูก้าค่ะ อ่านจากรีวิวบอกว่าเป็นกลิ่นหอมกุหลาบที่ดีมากกกก แต่เรายังไม่ได้แกะลองเลย ยังไงถ้าชอบจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ อิอิ
3. Aura Perfume Lotion
(ตอนนี้มีโปร 3 หลอด 333 บาท และโปร 229 บาท 1 แถม 1 ทางออนไลน์ ทางแบรนด์จะมีโปรออกมาเรื่อย ๆ ต้องคอยติดตามค่ะ)
โลชั่นน้ำหอมออร่า ตัวนี้เป็น Body Lotion จากแบรนด์ออร่า ฟังชื่ออาจจะไม่คุ้น แต่เค้าคือแบรนด์จากบริษัทเดียวกับแป้งเด็กน่ารัก (น่ารัก-เทียร่า) ดังนั้นมั่นใจได้ในเรื่องของมาตรฐานการผลิตและคุณภาพสินค้าเลยค่ะ ตัวนี้ทางแบรนด์ส่งมาให้เรา 3 กลิ่นด้วยกัน เราเลยเลือกกลิ่นที่ชอบ 1 กลิ่นมารีวิวให้อ่านกันนะคะ
โลชั่นน้ำหอมออร่า จะช่วยบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ วิตามินบี 3 และช่วยกันแดดด้วย UV Protection โดยเค้าเป็นโลชั่นที่ออกแบบให้เหมาะกับอากาศเมืองไทย เพราะฉะนั้นเนื้อโลชั่นของเค้าจะซึมเข้าผิวไวมาก ๆ ปกติถ้าเป็นโลชั่นที่มี UV จะมีสัมผัสที่ค่อนข้างหนัก หรือเหนียว เหนอะหนะไปเลย แต่ออร่าทำได้ดีค่ะ เนื้อโลชั่นบางเบา พอซึมลงผิวแล้วแทบจะไม่รู้สึกว่าทาโลชั่นเลย
โดยกลิ่นที่เราชอบที่สุดคือสูตร Mulberry Yogurt ค่ะ (หลอดสีม่วง) แบรนด์เคลมว่าเป็นกลิ่นหอมหรูหรา น่าค้นหา และสารสกัดในโลชั่นสูตรนี้ก็จะมี มัลเบอร์รี่ ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ช่วยต่อต้านการอักเสบ ผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใส รวมถึงส่วนผสมของโยเกิร์ตที่เด่นในเรื่องความกระชับผิวและรูขุมขน ช่วยลดริ้วรอย เพิมความชุ่มชื้นค่ะ
สำหรับเรา กลิ่นนี้ตอนบีบจากขวดมาทา จะรู้สึกแตกต่างจากบอดี้โลชั่นทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ กลิ่นคือหอมแบบ ห๊อมมม เป็นโลชั่นน้ำหอม ที่เหมือนฉีดน้ำหอมเลย 5555 ในตอนแรกแอบแรงเกินไปสำหรับเราที่ไม่ชิน แต่..พอผ่านไปสัก 5 นาที กลิ่นจะเบลนด์เข้ากับเรา กลายเป็นหอมติดผิว หอมอ่อน ๆ หอมละมุนค่ะ และจะบอกว่า เราลองใช้โดยไม่ได้ใส่น้ำหอม ถึงจะออกไปข้างนอกทำกิจกรรมต่าง ๆ กลิ่นเค้าก็ยังหอมติดผิว ติดเสื้อผ้าถึงเย็นเลยค่ะ เซอร์ไพรส์มาก 55555 ก็ถือว่าประทับใจนะคะ สำหรับตัวนี้เราจะใช้ในตอนเช้าค่ะ ส่วนตอนก่อนนอนก็จะใช้เป็นออยล์
สำหรับโลชั่นน้ำหอมออร่า นอกจากกลิ่น Mulberry Yogurt ที่เราชอบแล้ว ก็ยังมีอีก 2 กลิ่น อย่าง Roselle Mulberry ที่เป็นสไตล์หอมหวาน หอมสะอาด คุณหนู ๆ หน่อย พร้อมสารบำรุงผิวจาก กระเจี๊ยบ & มัลเบอร์รี่ และอีกกลิ่นคือ Honey Lemon ที่เป็นสไตล์หอมหวาน สดใส หวานซ่อนเปรี้ยว เต็มไปด้วยความมั่นใจ พร้อมสารสกัดบำรุงผิวจากน้ำผึ้ง & เลม่อนค่ะ
4. Taoyeablok New Gen Pure White Deo Spray
(ราคา 49 บาท)
สิ่งนี้เป็นอีกไอเท็มที่เรารักมากกกก 555 เริ่มต้นจากที่เราได้ลองใช้ก็ตอนที่ไปเลเซอร์รักแร้ แล้วมีช่วงที่ต้องงดโรลออนหรือพวกที่มีแอลกอฮอล์ ก็ไปเจอสเปรย์ระงับกลิ่นกายของเต่าเหยียบโลกตัวนี้ใน Eve&Boy ค่ะ ตัวผลิตภัณฑ์ของเค้าที่เป็นแป้งเราไม่เคยใช้นะคะ ก่อนหน้านี้ใช้แบบทั่ว ๆ ไปมาตลอด จนได้ลองใช้ตัวนี้ จบเลย รักนางมากกก
สเปรย์เต่าเหยียบโลก นิวเจน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอมใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ เค้าจะมีแค่ สารส้ม และ วิตามินบี 3 ตัวสเปรย์ก็ใส ๆ เลย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ข้อดีของสเปรย์ตัวนี้อย่างแรกเลยก็คือ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้เสื้อขาวเป็นคราบเหลือง และที่สำคัญ คุมกลิ่นได้ดีมากกกก เช้ายันค่ำ ออกไปแดดร้อน ๆ ไม่มีกลิ่นตัวเลยค่ะ และด้วยความที่ไม่มีสารเคมี เป็นสูตรที่ธรรมชาติมาก ๆ เราก็ให้ลูกสาวอายุ 10 ขวบใช้ตัวนี้ด้วย แฟนเห็นแม่ลูกใช้แล้วชอบกัน ก็มาใช้ด้วย สรุปคือตอนนี้เราใช้ขวดนี้กันทั้งบ้าน 5555 ซื้อตุนกันรัว ๆ น่าเสียดายมากที่เค้ามีแค่ไซส์เดียวคือ 50 ml. ใช้แปปเดียวก็หมด ถ้าผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ทำขวดใหญ่ ๆ หน่อยนะค้า
5. Bio Oil
(มีหลายขนาด หลายราคา ล่าสุดได้ไซส์ 25 ml. มาตอนลดเหลือ 99 บาท)
ออยล์ในดวงใจของเพื่อน ๆ หลายคน น่าจะต้องมี Bio Oil อยู่ในลิสต์แน่นอน เป็นออยล์ถูกและดีที่เราชอบมากค่ะ ช่วงนี้ก็กลับมาอินกับเค้าอีกครั้ง เพราะว่าอย่างที่บอกว่าลดน้ำหนัก น้ำหนักลงไป 10 กว่าโล ก็เลยเจอกับผิวแตกลาย T_T
เราจะใช้ Bio Oil นวด ๆ ตอนหลังอาบน้ำ ก่อนนอนค่ะ ผิวหมาด ๆ ไม่ต้องแห้งมากก็นวดไปเลย หอม ซึมเข้าผิวไม่ยาก แต่ก็ยังมีความเคลือบผิวให้รู้สึกว่าคืนนี้ทาออยล์ 555 เป็นเหตุผลที่เราไม่ใช้เค้าตอนกลางวันค่ะ ส่วนประกอบของ Bio Oil ก็มีพวกที่ให้ความชุ่มชื้นเช่น Purcellin oil กรดวิตามินอี วิตามินเอ จากสารสกัดธรรมชาติที่อ่อนโยน คนที่มีแผลเป็น รอยดำ ผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแห้ง แตกลาย หรือขาดความชุ่มชื้นก็แนะนำตัวนี้ค่ะ
[SR] รีวิวรวมไอเท็ม ใช้แล้วชอบ ประจำปี 2023 ภาค 1 [หมวด Body & Hair Care]
(ราคาเต็มทั้ง Set : ประมาณ 6-800 บาท)
เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่เราลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกาย และ IF ทำให้มีช่วงนึง ผมร่วงหนักไม่ไหว หาข้อมูลอ่านดูคนที่ IF+Low Carb หลายคนก็เป็นเหมือนกัน ก็เลยต้องหาตัวช่วย อัดโปรตีนเยอะขึ้น กินอาหารเสริมพวก Zinc Biotin และเลือก Hair Care ที่ช่วยลดผมร่วงค่ะ
เราลองมาหลายยี่ห้อ จนได้ตัวที่ชอบที่สุดตอนนี้ เป็นแบรนด์เกาหลีที่มีชื่อว่า “RYO” ค่ะ จริง ๆ เค้ามีหลายสูตรมาก แต่เราจะใช้สูตร Hair Loss Expert Care ที่ช่วยลดผมร่วง และเหมาะสำหรับหนังศีรษะที่แพ้ง่ายค่ะ เราจัดมาเป็นเซ็ตทั้ง Shampoo & Treatment ก็จะถูกลงกว่าซื้อแยกค่ะ โดยเฉพาะซื้อในวัน PAYDAY ยิ่งถูกลงไปอีก
ตัวแชมพู จะมีสารสกัดจากโสม ทั้งราก ลำต้น ใบและผล ฟองโฟมหนานุ่ม เท็กซ์เจอร์เข้มข้นตามที่แบรนด์เคลมเลยค่ะ กลิ่นเค้าจะหอมสมุนไพรฟีลโสม ๆ หน่อย สระผมเสร็จแล้วทั้งห้องน้ำหอมฟุ้งเลย 555 กลิ่นถือว่าโอเคสำหรับเราค่ะ แชมพูล้างออกง่าย เค้าบอกว่าปราศจากส่วนผสมรุนแรง 7 ชนิดและช่วยบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน รวมถึงที่น่าสนใจคือ มีเทคโนโลยีเพิ่มวอลลุ่มให้เส้นผมด้วยการออกแบบให้ดูดซับสารบำรุงเพื่อเพิ่มวอลลุ่มบริเวณโคนผม โอ้โห เกาหลีนี่เค้าล้ำจริง ๆ ><
ทรีทเมนต์สูตรเดียวกันก็มีกลิ่นหอมสมุนไพรค่ะ เนื้อเข้มข้น ไม่มีสารระคายเคือง ช่วยบำรุงทั้งโคนผม และหนังศีรษะ มีส่วนผสมจากสารสกัดโสมทั้งต้น และรากสมุนไพรเกาหลี เป็นฟีลจักพรรดินีมาก ๆ 5555 ใช้เสร็จก็คือผมนุ่ม จัดทรงง่ายค่ะ ใช้แทนครีมนวดได้เลย ตัวนี้เราไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ สัปดาห์ละประมาณ 2 - 3 ครั้งเอง
อย่างที่บอกว่าเราใช้แชมพูลดผมร่วงมาหลายยี่ห้อ แต่ชอบตัวนี้มากที่สุดตอนนี้ เพราะในเรื่องของเทคโนโลยีเพิ่มวอลลุ่มผม + กลิ่นถูกจริต + ราคาไม่แรงเกิน ลดบ่อย และสำหรับเรา ผมที่ร่วงหนัก ๆ ก่อนหน้านี้น้อยลงจริงค่ะ ลูกผมขึ้นมาเยอะเลย ชอบ ๆ
(ราคาเต็ม 460 บาท แต่ลด 50% บ่อย)
ตัวนี้เป็นสครับสำหรับผิวกายค่ะ สารภาพว่าได้ยินชื่อแบรนด์ครั้งแรก คิดว่าแบรนด์ไทยนะ พลู ฟีลหมากพลูอะไรประมาณนั้น 555 แต่พอได้ของ เอ้าแพคเกจเป็นภาษาเกาหลี สรุปน้องเค้าคือแบรนด์เกาหลีเจ้าค่า
ซึ่งตัวแรกที่เราได้ลองแล้วหลงรักทันทีก็คือสูตร Body Balance The Premium Edition หลอดสีน้ำตาลค่ะ สูตรนี้เป็นสูตรพรีเมียมของแบรนด์ เป็นบอดี้สครับสูตรเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของเปลือกวอลนัท ดอกซากุระ และสาหร่ายพวงองุ่น รวมถึงสารอาหารผิวอื่น ๆ เช่น งาดำ ถั่วดำ เมล็ดทานตะวัน ซึ่งสารสกัดจากอาหารผิวเหล่านี้ จะช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่น ช่วยดูดซับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ดูดซับสิ่งสกปรก และทำให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้นค่า
(ตอนนี้มีโปร 3 หลอด 333 บาท และโปร 229 บาท 1 แถม 1 ทางออนไลน์ ทางแบรนด์จะมีโปรออกมาเรื่อย ๆ ต้องคอยติดตามค่ะ)
โลชั่นน้ำหอมออร่า ตัวนี้เป็น Body Lotion จากแบรนด์ออร่า ฟังชื่ออาจจะไม่คุ้น แต่เค้าคือแบรนด์จากบริษัทเดียวกับแป้งเด็กน่ารัก (น่ารัก-เทียร่า) ดังนั้นมั่นใจได้ในเรื่องของมาตรฐานการผลิตและคุณภาพสินค้าเลยค่ะ ตัวนี้ทางแบรนด์ส่งมาให้เรา 3 กลิ่นด้วยกัน เราเลยเลือกกลิ่นที่ชอบ 1 กลิ่นมารีวิวให้อ่านกันนะคะ
สำหรับเรา กลิ่นนี้ตอนบีบจากขวดมาทา จะรู้สึกแตกต่างจากบอดี้โลชั่นทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ กลิ่นคือหอมแบบ ห๊อมมม เป็นโลชั่นน้ำหอม ที่เหมือนฉีดน้ำหอมเลย 5555 ในตอนแรกแอบแรงเกินไปสำหรับเราที่ไม่ชิน แต่..พอผ่านไปสัก 5 นาที กลิ่นจะเบลนด์เข้ากับเรา กลายเป็นหอมติดผิว หอมอ่อน ๆ หอมละมุนค่ะ และจะบอกว่า เราลองใช้โดยไม่ได้ใส่น้ำหอม ถึงจะออกไปข้างนอกทำกิจกรรมต่าง ๆ กลิ่นเค้าก็ยังหอมติดผิว ติดเสื้อผ้าถึงเย็นเลยค่ะ เซอร์ไพรส์มาก 55555 ก็ถือว่าประทับใจนะคะ สำหรับตัวนี้เราจะใช้ในตอนเช้าค่ะ ส่วนตอนก่อนนอนก็จะใช้เป็นออยล์
(ราคา 49 บาท)
สเปรย์เต่าเหยียบโลก นิวเจน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอมใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ เค้าจะมีแค่ สารส้ม และ วิตามินบี 3 ตัวสเปรย์ก็ใส ๆ เลย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ข้อดีของสเปรย์ตัวนี้อย่างแรกเลยก็คือ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้เสื้อขาวเป็นคราบเหลือง และที่สำคัญ คุมกลิ่นได้ดีมากกกก เช้ายันค่ำ ออกไปแดดร้อน ๆ ไม่มีกลิ่นตัวเลยค่ะ และด้วยความที่ไม่มีสารเคมี เป็นสูตรที่ธรรมชาติมาก ๆ เราก็ให้ลูกสาวอายุ 10 ขวบใช้ตัวนี้ด้วย แฟนเห็นแม่ลูกใช้แล้วชอบกัน ก็มาใช้ด้วย สรุปคือตอนนี้เราใช้ขวดนี้กันทั้งบ้าน 5555 ซื้อตุนกันรัว ๆ น่าเสียดายมากที่เค้ามีแค่ไซส์เดียวคือ 50 ml. ใช้แปปเดียวก็หมด ถ้าผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ทำขวดใหญ่ ๆ หน่อยนะค้า
(มีหลายขนาด หลายราคา ล่าสุดได้ไซส์ 25 ml. มาตอนลดเหลือ 99 บาท)
เราจะใช้ Bio Oil นวด ๆ ตอนหลังอาบน้ำ ก่อนนอนค่ะ ผิวหมาด ๆ ไม่ต้องแห้งมากก็นวดไปเลย หอม ซึมเข้าผิวไม่ยาก แต่ก็ยังมีความเคลือบผิวให้รู้สึกว่าคืนนี้ทาออยล์ 555 เป็นเหตุผลที่เราไม่ใช้เค้าตอนกลางวันค่ะ ส่วนประกอบของ Bio Oil ก็มีพวกที่ให้ความชุ่มชื้นเช่น Purcellin oil กรดวิตามินอี วิตามินเอ จากสารสกัดธรรมชาติที่อ่อนโยน คนที่มีแผลเป็น รอยดำ ผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแห้ง แตกลาย หรือขาดความชุ่มชื้นก็แนะนำตัวนี้ค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม