ตามหาพ่อแม่ที่คลอดลูกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่โรงบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ไม่ทราบชื่อ และนามสกุล ค่ะ ไม่ทราบว่าควรทำไงดีค่ะ
เมื่อ 30ปีที่แล้วถูกลักพาตัวจากห้องคลอด โดยคนที่ขโมยมา เค้ามาคลอดลูกเหมือนกัน แต่ลูกเค้าเสีย ด้วยความที่ นางเสียใจที่สูญเสียลูกไปเลย ขโมยเด็กที่คลอดอยู่ในห้องพักเด็ก เอามาเปนลูกของตนและสวมใบเกิดของลูกที่ตายไปแล้ว โดยมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งตอนนี้ ฉันพึ่งได้รู้ชื่อจริงตอนคลอดแล้ว แต่ลูกของคนที่ขโมยเรามาจากห้องคลอดเค้าเสียแล้ว และคนในครอบครัวเค้าก้อไม่เคยใส่ใจและสนใจใยดีอารัยอยู่แล้ว เลย ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลตอนคลอดได้ที่ไหน ----> ตลอดระยะเวลาที่โดนเลี้ยงมามีทั้งความสุขและความทุกข์ แม้จะมีความทุกข์มากกว่า แต่เราเปนคนมองโลกในแง่ดีมากเลย ไม่ค่อยคิดรัยมาก ทั้งที่การเลี้ยงดูตอนเด็ก ลำบากมากแม่เปนคนเห็นแกตัวมากเอาฉันไปทิ้งไว้ที่บ้านคุณตาฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่างและที่บ้านทำสลัดขายด้วยและมีเด็กเล็กอีก 3 คน ซึ่งฉันทำงานไม่เคยได้พักเลย ฉันเปนเด็กเรียนดี กิจกรรมก้อเด่น ฉันเปนนางรำประจำโรงเรียน ตอนประถม ตอนม.ต้นประกวดแต่งกลอนได้เกียรติบัตรแต่ไม่เคยมีใครชมเลย แม่กระทั้งแม่ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่เลย(แม่ที่ขโมยเราจากห้องคลอด) เราอยู่แบบอดๆอยากๆ ต้องไปทำงานแลกข้าวขอคนข้างบ้านกิน พอเราเข้าเรียนม.4เราลงเรียนศิลป์ภาษา และสายศิลป์เราได้รับเกียรติบัตรทุกวันจันทร์ แต่ก้อไม่เคยมีใครชื่นชม เราเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ เราเก็บหอมรอมริท เพื่อจะได้มีไว้ใช้ยามจำเปน เงินเราก้อโดนขโมยหมด เราทำงานได้เท่าไหร่เงินก้อโดนขโมยหมด จนกระทั้ง เราอายุ 16 ได้ย้ายมาอยู่ภาคอีสาน โดยได้ความช่วยเหลือจากน้า ทำให้เราเหมือนได้อิสระในการใช้ชีวิต และการเก็บเงิน เราทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเชียร์เบียร์ สถานเสริมความงาม งานจ้างเที่ยว จนเราอายุ 18 เราตัดสินใจมาอยู่กรุงเทพ เราทำงานหาเงินใช้เอง ใช้ชีวิตคนเดียว เราทำงานกลางคืน เราส่งเงินให้ที่บ้านใช้ วันละ 3,000 - 5,000 บาททุกวันไม่เคยขาด ซึ้งตอนนั้นเราไม่รู้ว่าคนในบ้านเค้าไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ แต่แค่คิดอยากตอบแทนคุณตาที่เคยส่งเสียให้เรียนหนังสือ แม่ที่เราเคยเรียกว่าแม่ ก้อไม่ใช่แม่แท้ๆ แม่นั่งรถเรามาหาเราที่กรุงเทพ บอกว่าแม่ขออยู่ด้วยนะลูก มีเงินเท่าไหร่ ให้แม่ใช้ด้วย ตอนแรกๆเราก้อมีความสุขดี ถึงแม้จะไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นหรือความจริงใจจากแม่เลย(แม่ที่ขโมยเรามาตอนคลอด)แต่มันไม่ใช่อย่างงั้น พอเราทำงานได้ดีขึ้นเราไปเช่าคอนโดอยู่แม่ก้อตามมาอยู่ด้วย เราหาเงินได้วันละ 15,000 แม่ก้อขอเงินเราใช้ซึ้งนอกเหนือจากรายจ่ายที่เราให้แม่ใช้วันละ 1,000 เวลาแม่อยากได้อารัยเราซื้อให้หมด ไม่ว่าจะเปนเสื้อผ้า หรือทองคำ แต่นิสัยเราต่างกันมากแม่ฟุ่มเฟือย ไม่เก็บเงินเลย ไม่เคยทำอารัยเพื่อเราเลย มีแต่ประโยชน์ของตัวเอง แถมยังมีลูกชายหัวดื้อมาผลาญเงินเราอีก เราเริ่มท้อแท้ ไม่มีใครให้โอบกอด เรากอดตัวเราเองทุกครั้งที่เราเสียใจ เงินที่ทำงานหามาได้เรากะจะไปซื้อบ้าน แต่แม่กับลูกชายแกก้อมาห้ามบอกให้กลับไปอยู่ร้อยเอ็ดด้วยกัน ซึ้งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าไม่ใช่แม่แท้ๆ เลยเชื่อฟังและกลับมาอยู่ร้อยเอ็ด พอเรามาอยู่ร้อยเอ็ด นรกได้เกิดขึ้นกับตัวฉันแล้ว คือ คนในบ้านไม่ให้เราออกไปไหนเลย แถมยังเอาเอทีเอมเราไปกด ใช้เงินอย่างสบายใจ ทั้งโดนรังแกสารพัด อยู่แต่บ้านในห้องเล็กๆ ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้เรามีเพื่อน แถมเงินเราแท้ๆก้อแทบไม่ได้ใช้เลย ได้แต่ซื้อข้าวกิน
โดยแม่เปนผู้ถือเอทีเอม เราพยายามมองโลกในแง่ดี ที่คนในครอบครัวเปนแบบนี้ อาจเปนเพราะการเลี้ยงดู แต่เรา รู้สึกแปลกใจที่นิสัยเราไม่เหมือนคนในบ้านเลย เราเปนคนประหยัด อยากเก็บเงินไว้เยอะๆ ไม่เคยฟุ่มเฟื่อย แต่แล้ววันที่ฉันหมดความหมายก้อมาถึง เมื่อคนในบ้านใช้เงินเกือบล้านที่ฉันทำงานมาด้วยความยากลำบากและความทะเยอทยานหมดเกลี้ยง เค้าไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันไม่มีแม้ที่อยู่อาศัย ฉันท้อใจมาก ทำไมแม่ไล่ฉัน ตอนนั้นโชคดีที่รู้จักคนๆนึงในจังหวัดร้อยเอ็ดเลยขอเค้าอาศัยอยู่ด้วย ด้วยความเอ็นดู จึงได้ที่อยู่ใหม่ ฉันใช้ชีวิต อย่างหมดหวัง แต่ก้อหางานทำด้วยแต่งานที่ ชนบท หายากมาก ไม่เหมือนที่กรุงเทพ หาเงินง่ายกว่า ตอนนี้ฉันไม่มีที่ไป ฉันอยากไปกรุงเทพสักครั้ง หวังอยากพบคุณพ่อคุณแม่แท้จริงและฉันก้อคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ก้อคงตามหาฉันเช่นกัน ขอบคุณค่ะ
ตามหาพ่อแม่ที่คลอดลูกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่โรงบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ไม่ทราบชื่อ และนามสกุล ค่ะ ไม่ทราบว่าควรทำไงดีค่ะ
เมื่อ 30ปีที่แล้วถูกลักพาตัวจากห้องคลอด โดยคนที่ขโมยมา เค้ามาคลอดลูกเหมือนกัน แต่ลูกเค้าเสีย ด้วยความที่ นางเสียใจที่สูญเสียลูกไปเลย ขโมยเด็กที่คลอดอยู่ในห้องพักเด็ก เอามาเปนลูกของตนและสวมใบเกิดของลูกที่ตายไปแล้ว โดยมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งตอนนี้ ฉันพึ่งได้รู้ชื่อจริงตอนคลอดแล้ว แต่ลูกของคนที่ขโมยเรามาจากห้องคลอดเค้าเสียแล้ว และคนในครอบครัวเค้าก้อไม่เคยใส่ใจและสนใจใยดีอารัยอยู่แล้ว เลย ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลตอนคลอดได้ที่ไหน ----> ตลอดระยะเวลาที่โดนเลี้ยงมามีทั้งความสุขและความทุกข์ แม้จะมีความทุกข์มากกว่า แต่เราเปนคนมองโลกในแง่ดีมากเลย ไม่ค่อยคิดรัยมาก ทั้งที่การเลี้ยงดูตอนเด็ก ลำบากมากแม่เปนคนเห็นแกตัวมากเอาฉันไปทิ้งไว้ที่บ้านคุณตาฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่างและที่บ้านทำสลัดขายด้วยและมีเด็กเล็กอีก 3 คน ซึ่งฉันทำงานไม่เคยได้พักเลย ฉันเปนเด็กเรียนดี กิจกรรมก้อเด่น ฉันเปนนางรำประจำโรงเรียน ตอนประถม ตอนม.ต้นประกวดแต่งกลอนได้เกียรติบัตรแต่ไม่เคยมีใครชมเลย แม่กระทั้งแม่ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่เลย(แม่ที่ขโมยเราจากห้องคลอด) เราอยู่แบบอดๆอยากๆ ต้องไปทำงานแลกข้าวขอคนข้างบ้านกิน พอเราเข้าเรียนม.4เราลงเรียนศิลป์ภาษา และสายศิลป์เราได้รับเกียรติบัตรทุกวันจันทร์ แต่ก้อไม่เคยมีใครชื่นชม เราเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ เราเก็บหอมรอมริท เพื่อจะได้มีไว้ใช้ยามจำเปน เงินเราก้อโดนขโมยหมด เราทำงานได้เท่าไหร่เงินก้อโดนขโมยหมด จนกระทั้ง เราอายุ 16 ได้ย้ายมาอยู่ภาคอีสาน โดยได้ความช่วยเหลือจากน้า ทำให้เราเหมือนได้อิสระในการใช้ชีวิต และการเก็บเงิน เราทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเชียร์เบียร์ สถานเสริมความงาม งานจ้างเที่ยว จนเราอายุ 18 เราตัดสินใจมาอยู่กรุงเทพ เราทำงานหาเงินใช้เอง ใช้ชีวิตคนเดียว เราทำงานกลางคืน เราส่งเงินให้ที่บ้านใช้ วันละ 3,000 - 5,000 บาททุกวันไม่เคยขาด ซึ้งตอนนั้นเราไม่รู้ว่าคนในบ้านเค้าไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ แต่แค่คิดอยากตอบแทนคุณตาที่เคยส่งเสียให้เรียนหนังสือ แม่ที่เราเคยเรียกว่าแม่ ก้อไม่ใช่แม่แท้ๆ แม่นั่งรถเรามาหาเราที่กรุงเทพ บอกว่าแม่ขออยู่ด้วยนะลูก มีเงินเท่าไหร่ ให้แม่ใช้ด้วย ตอนแรกๆเราก้อมีความสุขดี ถึงแม้จะไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นหรือความจริงใจจากแม่เลย(แม่ที่ขโมยเรามาตอนคลอด)แต่มันไม่ใช่อย่างงั้น พอเราทำงานได้ดีขึ้นเราไปเช่าคอนโดอยู่แม่ก้อตามมาอยู่ด้วย เราหาเงินได้วันละ 15,000 แม่ก้อขอเงินเราใช้ซึ้งนอกเหนือจากรายจ่ายที่เราให้แม่ใช้วันละ 1,000 เวลาแม่อยากได้อารัยเราซื้อให้หมด ไม่ว่าจะเปนเสื้อผ้า หรือทองคำ แต่นิสัยเราต่างกันมากแม่ฟุ่มเฟือย ไม่เก็บเงินเลย ไม่เคยทำอารัยเพื่อเราเลย มีแต่ประโยชน์ของตัวเอง แถมยังมีลูกชายหัวดื้อมาผลาญเงินเราอีก เราเริ่มท้อแท้ ไม่มีใครให้โอบกอด เรากอดตัวเราเองทุกครั้งที่เราเสียใจ เงินที่ทำงานหามาได้เรากะจะไปซื้อบ้าน แต่แม่กับลูกชายแกก้อมาห้ามบอกให้กลับไปอยู่ร้อยเอ็ดด้วยกัน ซึ้งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าไม่ใช่แม่แท้ๆ เลยเชื่อฟังและกลับมาอยู่ร้อยเอ็ด พอเรามาอยู่ร้อยเอ็ด นรกได้เกิดขึ้นกับตัวฉันแล้ว คือ คนในบ้านไม่ให้เราออกไปไหนเลย แถมยังเอาเอทีเอมเราไปกด ใช้เงินอย่างสบายใจ ทั้งโดนรังแกสารพัด อยู่แต่บ้านในห้องเล็กๆ ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้เรามีเพื่อน แถมเงินเราแท้ๆก้อแทบไม่ได้ใช้เลย ได้แต่ซื้อข้าวกิน
โดยแม่เปนผู้ถือเอทีเอม เราพยายามมองโลกในแง่ดี ที่คนในครอบครัวเปนแบบนี้ อาจเปนเพราะการเลี้ยงดู แต่เรา รู้สึกแปลกใจที่นิสัยเราไม่เหมือนคนในบ้านเลย เราเปนคนประหยัด อยากเก็บเงินไว้เยอะๆ ไม่เคยฟุ่มเฟื่อย แต่แล้ววันที่ฉันหมดความหมายก้อมาถึง เมื่อคนในบ้านใช้เงินเกือบล้านที่ฉันทำงานมาด้วยความยากลำบากและความทะเยอทยานหมดเกลี้ยง เค้าไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันไม่มีแม้ที่อยู่อาศัย ฉันท้อใจมาก ทำไมแม่ไล่ฉัน ตอนนั้นโชคดีที่รู้จักคนๆนึงในจังหวัดร้อยเอ็ดเลยขอเค้าอาศัยอยู่ด้วย ด้วยความเอ็นดู จึงได้ที่อยู่ใหม่ ฉันใช้ชีวิต อย่างหมดหวัง แต่ก้อหางานทำด้วยแต่งานที่ ชนบท หายากมาก ไม่เหมือนที่กรุงเทพ หาเงินง่ายกว่า ตอนนี้ฉันไม่มีที่ไป ฉันอยากไปกรุงเทพสักครั้ง หวังอยากพบคุณพ่อคุณแม่แท้จริงและฉันก้อคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ก้อคงตามหาฉันเช่นกัน ขอบคุณค่ะ