ก่อนอื่นขอเล่าประวัติความเป็นมาคร่าวๆ ของสถานีรถไฟอยุธยาเสียก่อน  เมื่อปี พ.ศ.2434 รัชกาลที่ 5 อนุมัติให้กระทรวงโยธาธิการ สร้างทางรถไฟหลวงจากกรุงเทพฯ – โคราช ต้องเร่งรัดสร้างก็เพื่อพัฒนาหัวเมืองในภาคอีสานจะทำให้สยามมีอำนาจปกครองอีสานโดยสมบูรณ์ป้องกันไม่ให้ฝรั่งเศสใช้เป็นข้ออ้างแบ่งแยกเอาภาคอีสานไป  ในปี 2439 การก่อสร้างทางรถไฟมาถึงอยุธยาจึงเปิดเดินรถไฟกรุงเทพฯ-อยุทธยาไปก่อน  ขณะก่อสร้างสถานีรถไฟอุธยานั้นคนงานได้พบเศษหม้อ เศษไห เศษเครื่องถ้วยจีนจำนวนมากจึงรู้ว่าบริเวณนี้เป็นเมืองเก่า  ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเป็นเมืองอะไรรัชกาลที่ 5 จึงได้ตั้งโบราณคดีสโมสรขึ้นเพื่อรวบรวมคนที่มีความรู้ด้านโบราณคดีมาไขเหตุการณ์ที่พบ  การสืบค้นของโบราณคดีสโมสรก็พบว่าฝั่งตะวันออกของเกาะมืองอยุธยาเป็นเมืองเก่าชื่อว่า เมืองอโยธยา  เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัยเป็นร้อยๆ ปี  แม้จะรู้ว่าเป็นเมืองเก่าถ้าก่อสร้างจะเป็นการทำลายหลักฐานทางโบราณคดีแต่มีความจำเป็นจะต้องสร้างทางรถไฟให้แล้วเสร็จเพื่อความมั่นคงของชาติ  ทำให้ทางรถไฟ สถานีรถไฟ พาดผ่านเมืองเก่าอโยธยาดังที่พวกเราเห็น


เพิ่มแผนที่ให้ดูเพราะเมืองอโยธยาไม่มีในตำราเรียนหลายคนอาจไม่รู้ รูปสีขาวสี่เหลี่ยมด้านขวามือนั่นคือคูน้ำและแนวกำแพงเมืองอโยธยา ส่วนด้านซ้ายเป็นเกาะเมืองอยุธยา  ทางที่ผ่านคูเมืองอโยธยาคือแนวทางรถไฟครับ

มาถึงยุคประจุบันมีการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงโดยใช้เส้นทางเดิมแต่ยกระดับเหนือพื้นดิน  มีการคัดค้านจากนักวิชาการอิสระ นักโบราณคดี ว่าจะกระทบกับแหล่งมรดกโลก  การคัดค้านนี้ทำให้การก่อสร้างล่าช้าการรถไฟจึงมีแนวคิดว่า หากการหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันไม่ได้ข้อยุติการรถไฟจะไม่สร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงที่อยุธยาจะสร้างแต่ทางรถไฟความเร็วสูงผ่านเมืองไปก่อน   หากตกลงกันได้ภายหลังค่อยกลับมาสร้างสถานีก็ไม่สายการรถไฟจะไม่ยอมให้สถานีอยุธยาเป็นอุปสรรคของทั้งโครงการ 

ความเห็นส่วนตัวผมเห็นว่าไม่ควรสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยุธยา เพราะว่าระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ - อยุธยานั้นใกล้เกินไปเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงก็ไม่เร็วกว่ากันเท่าใดนัก ค่าตั๋วก็จมีะราคาแพงคนใช้บริการจะน้อย  ไม่สร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงแต่ไปขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงให้วิ่งถึงอยุธยาจะเหมาะสมกว่า  แล้วคุณคิดเห็นยังไง