จากเรื่องของเรา..อยากได้มุมมองชีวิตของคนที่อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อน กับคนที่มีเพื่อนสนิทแล้วคบกันไปได้นานๆค่ะ

เรามีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงค่ะ คบกันตั้งแต่เด็ก คบมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว แรกๆเราคุยกับเพื่อนคนนี้สนุกมากค่ะ ส่วนมากเป็นเรื่องไร้สาระ
เรื่องตลก เรื่องหนังเรื่องเพลง ความชอบต่างๆยันไปถึงเรื่องจิตยา จักรวาล สรรพเพเหระมาก บางครั้งเพื่อนก็มีระบายปัญหาต่างๆบ้างเป็นเรื่องปกติ
ต่อมาแยกย้ายกันไปทำงานเพื่อนก็มีโทรมาเล่าเรื่องที่ทำงานบ้าง เราก็รับฟังเพื่อให้เพื่อนสบายใจขึ้น เป็นอย่างนั้นมาช่วงหนึ่ง แต่หลังๆไม่ใช่เรื่องงาน
แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนที่ทำงานเช่นเจ้านายมีกิ๊ก ซื้อของให้กิ๊ก เมียตามมาด่าที่ทำงาน คนนี้ในแผนกเป็นชู้กันกับคนนี้ โทรมาเล่าทีละเป็นชั่วโมงให้เราฟัง เพื่อนย้ายที่ทำงานกี่ที่ ก็จะโทรมาเล่าให้ฟังแบบนี้ทุกที่ หลังๆทักมาว่ามีเรื่องอัพเดตจะเม้า คือเรารู้สึกไม่ค่อยอยากรู้เรื่องคนอื่น เลยบอกเพื่อนไปตรงๆว่าถ้ามันไม่เกี่ยวกับงานหรือสร้างความเดือดร้อนให้เรา เราไม่ต้องสนใจเรื่องคนอื่นหรอก เอาเวลาไปทำสิ่งที่เราชอบดีกว่า เพื่อนก็เลิกทำแบบนี้ไปพักนึง แต่ไม่นานเพื่อนก็กลับมาพูดถึงคนอื่นให้เราฟังต่อ จริงๆมีหลายเรื่องที่เพื่อนเอามาพ่นใส่เราทุกวัน คือสิ่งที่คนเราคิดในใจเช่นอิเ_ี้ย ยิ้มเอ้ย บลาๆๆไรงี้ เพื่อนพิมพ์มาทิ้งไว้ในแชทเราหมดเลย ไม่พอใจอะไรหรือจะด่าใคร คือพิมพ์มาด่ากับเรา เหมือนว่าแชทเราเป็นแชทคนที่เพื่อนอยากด่า เราเจอแบบนี้มาหลายปีและเกือบทุกวัน บางทีวันนึงหลายรอบ
     ไม่ใช่ว่าไม่บอกตรงๆนะว่าเราไม่โอเค เราบอกอะไรเหมือนจะเลิกทำไปพักนึง แต่สักพักก็ทำแบบเดิม
ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนชอบวงไอดอลวงนึงมาก ซึ่งเราไม่รู้จัก แล้วเพื่อนส่งมาหวีดเฉยๆเป็นประโยคบอกเล่าที่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
ถ้ามีดราม่าวงเช่นกันเพื่อนจะส่งมาด่ากับเรารัวๆ เราบอกไปหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ได้ชอบ จนถึงขั้นบอกว่าเราไม่ได้เป็นแฟนคลับวงนี้นะไม่ได้อยากรู้
ก็เหมือนเดิมเลิกส่งไปช่วงนึง สักพักก็ส่งมาบ่นมาเล่าเรื่องของวงนี้ใหม่
     คือเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่เราต้องรู้ทุกอย่างทุกเรื่องของเพื่อนเลยหรอ แม้แต่เสียงในหัวที่เพื่อนสบถในใจก็ต้องพิมพ์มาใส่เราหรอ
เรารู้สึกว่ามันท็อกซิกมาก เราก็มีพาทชีวิตของเรา ซึ่งการใช้ชีวิตในแต่ละวันมันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเป็นกระโถนรองรับอารมณ์และสิ่งลบๆจากคนอื่นอีก เวลาที่เราจะเอาอะไรไปใส่เพื่อนเราคิดก่อนตลอดว่าเพื่อนจะต้องมารู้สึกแย่กับเรื่องลบๆของเรารึเปล่า มันจะไปส่งต่อความเนกาทีฟให้เพื่อนไหม
ถ้าไม่จำเป็นหรือสุดๆจริงๆเราจะไม่เอาไปใส่เพื่อน คือเมื่อก่อนมีเล่าบ้าง แต่บางครั้งที่เล่าเพราะต้องการเบรกเพื่อนด้วย ให้รู้ว่าเออกูก็มีเรื่องเครียดในชีวิตเหมือนกันนะ
    แล้วจุดที่รู้สึกว่าต้องกลับมาทบทวนความสัมพันธ์นี้จริงๆคือวันที่พ่อเราป่วยหนักอยู่โรงพยาบาล แล้วเพื่อนก็ทำเหมือนทุกวันคือทักมาบ่นเรื่องที่ทำงาน
แต่จุดนั้นเรารับอะไรไม่ไหวแล้ว เลยบอกเพื่อนไปตรงๆว่า ตอนนี้เรามีปัญหานะ เราอยู่โรงพยาบาล พ่อเราป่วยหนัก สภาพจิตใจไม่ไหวจริงๆ ไม่พร้อมรับฟังอะไร คงไม่สะดวกคุยกันสักพักนะ บลาๆๆ เพื่อนก็ตอบกลับมาว่าเออเข้าใจ สู้ๆนะ
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เพื่อนพิมพ์มาว่าเออ ขออีกหน่อยเหอะ แล้วก็พิมพ์ด่าที่ทำงานมา บลาๆๆ.. เราเห็นแล้วอึ้งเลยอ่ะแบบจุก มีความไม่เข้าใจปนกับความเสียใจ เหมือนเพื่อนไม่ได้คิดถึงความรู้สึกเราเลย ทั้งที่เราเจอเรื่องหนักทางด้านจิตใจอยู่ มันมีแวบเข้ามาในหัวเหมือนกันนะว่าแบบนี้เรียกเพื่อนไหม..
ตอนนั้นเราเลยอ่านแล้วไม่ตอบอะไรเลย.. ทุกวันนี้พ่อเราดีขึ้นกลับมาอยู่บ้านแล้ว แต่เพื่อนเราก็ยังเหมือนเดิม ยังคงพูดแต่เรื่องของตัวเอง พิมพ์มาบ่นนู่นด่านี่

   เราแทบไม่เคยขอความช่วยเหลืออะไรเพื่อนเลย ส่วนมากจะชอบซับพอร์ตเพื่อนด้วยซ้ำ เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องมีbenefitต่อกันถึงจะเป็นเพื่อนกันได้
เพื่อนก็คือเพื่อน เพราะที่ผ่านมาคิดอย่างนั้น เลยไม่เคยตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ว่าตอนนี้รู้สึกแย่และสับสนมากค่ะ
   ขอโทษที่ร่ายซะยาวนะคะ สุดท้ายนี้อยากได้ความคิดเห็นมุมมองชีวิตของคนที่ยังมีเพื่อนสนิทคบกันไปจนอายุเยอะๆว่าคีพความสัมพันธ์ยังไง หรือคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวมานานโดยไม่มีเพื่อน ว่ามีมุมมองอย่างไรหรือมีข้อคิดอะไรอยากบอกบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นที่ให้นะคะ🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่