ชาวโคราช ฝากนายกฯคนใหม่ เร่งแก้ปัญหาปากท้อง-ภัยแล้งด่วน
https://www.matichon.co.th/region/news_4142708
ชาวโคราช ฝากถึงนายกฯคนใหม่ ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง-ภัยแล้ง เร่งด่วน
ภายหลังจากที่นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากสมาชิกรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียง เห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียงนั้น
ล่าสุด วันนี้ (23 สิงหาคม) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อ.พิมาย ถึงความคาดหวังกับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ ที่กำลังจะจัดตั้งในเร็วๆ นี้ โดยนายพูน ศรีจันทร์ อายุ 68 ปี อาชีพขับรถสองแถว อยู่ใน บขส.พิมาย กล่าวว่า ตนเองนั้นก็อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ ช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพื่อทำให้ประชาชนมีเงินใช้มากขึ้น เพราะตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ลำบาก มีรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายก็สูง ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการรถสองแถวมากนัก บางวันมีคนขึ้นเก็บเงินได้แค่ 100 กว่าบาทเท่านั้น ตอนนี้ตนเองก็มีหนี้สินสหกรณ์เดินรถโคราชอยู่จำนวนมากที่ต้องหาเงินใช้หนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม ตนเองก็มีอายุมากแล้ว สิ่งที่อยากได้ก็เพราะต้องการให้ลูกหลานอยู่ดีกินดีในอนาคตเท่านั้น
นายอ
นันต์ พืชพันธุ์ อายุ 73 ปี ชาว ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในส่วนของความคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้น ตนเองก็อยากให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร และแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับชาวไร่ ชาวนาในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนเรื่องนโยบายการแจกเงินดิจิตอลนั้น ตนคิดว่าควรที่จะให้สามารถนำไปใช้ได้ในระยะทางไกลกว่า 4 กิโลเมตร เพราะในบ้านนอก ระยะทาง 4 กิโลเมตร บางทีก็แทบจะไม่มีร้านค้าอะไรให้สามารถนำเงินดิจิตอลไปใช้ซ้อของได้เลย รวมทั้งยังขอให้ขยายเวลาการใช้ให้ได้นานกว่า 6 เดือนด้วย
นาย
ถนอม ยิดนา อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ใน บขส.พิมาย กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแลเรื่องของเบี้ยผู้สูงอายุ เพราะมีข่าวว่าจะไม่ได้รับตามเดิม ทำให้คนสูงอายุหลายคนวิตกกังวลมาก ถ้าเป็นไปได้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็ให้คนละ 1,000 บาทไปเลย 80 ปีขึ้นไปให้ 3,000 บาทไปเลยก็จะดีมาก ทำให้ผู้สูงอายุมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในช่วงบั้นปลายชีวิต ไม่ต้องให้ไปกดทีละ 300-400 บาท เพราะค่าเงินทุกวันนี้แทบจะซื้ออะไรไม่ได้แล้ว อย่างตนเองขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง บางวันแทบจะไม่ได้สักบาท หรือบางวันที่ได้ก็แทบจะไม่พอค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเลย
ร้านทองตู้แดงแห่ปิดกิจการ ยอดขายตกคนไม่มีกำลังซื้อ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1376408
ร้านทองคำภาคเหนือ-อีสานยอดขายลดฮวบกว่า 50% ทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ หลังกำลังซื้อซบเซา ราคาทองสูงไม่จูงใจให้เก็งกำไร ทำร้านทองประกาศขายตู้แดง แห่ปิดกิจการ เหตุต้นทุนสูง-กำไรน้อย เสี่ยงต่อการขาดทุน สวนทางเทรดทองยังวอลุ่มดีอยู่
เศรษฐกิจแย่กำลังซื้อหาย
นาย
วิทวัส ทานชิติกุล เจ้าของห้างทองตั้งคุงฮะ (แม่จวง) จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวกับ “
ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมของธุรกิจทองคำตั้งแต่ปีใหม่มาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏ “
ชะลอตัวลงไปเรื่อย ๆ” ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันยอดขายทองรูปพรรณลดลง 30% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี สินค้าเกษตรราคาก็ไม่ค่อยดี ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินมาใช้จ่าย
อีกทั้งราคาทองยังแกว่งไม่คงที่ ทำให้คนไม่กล้าตัดสินใจที่จะซื้อ ที่ผ่านมาทองอยู่ในช่วงขาขึ้นมาโดยตลอด พอราคาทองเริ่มไม่ขยับตัว แกว่งไปมาอยู่ในระดับ 31,000-32,000 บาท ทำให้ความต้องการซื้อในการเก็งกำไรลดตัวลง รวมถึงยังรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แม้ทางร้านจะมีการจัดโปรโมชั่นทุกเทศกาล แต่ยอดขายทองก็กระเตื้องไม่มาก ซึ่งเป็นการรักษาบรรยากาศในการซื้อขายมากกว่า
“
ตอนนี้ร้านทองในนครสวรรค์ค่อนข้างจะซบเซา ประกอบกับในจังหวัดเองก็ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรมมีไม่มาก ภาคธุรกิจต่าง ๆ เงียบลงไปเรื่อย ๆ ที่ผ่านมาบรรยากาศร้านค้ามีคึกคักอยู่ช่วงหนึ่งที่ราคาทองคำขึ้นสูง ผู้บริโภคที่มีทองคำเยอะก็จะแห่กันออกมาขายเพื่อเก็งกำไร แต่พอทองราคาไม่ขยับ เขารู้สึกว่าถ้าไม่ได้เดือดร้อนก็ไม่อยากขาย เพราะคิดว่าราคาทองคำน่าจะสูงกว่านี้” นายวิทวัสกล่าว
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังจะเลือกซื้อในส่วนที่เป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่มีส่วนประกอบของทองคำมากกว่า เป็นสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000 บาท การที่จะซื้อเครื่องประดับทองไปใช้ในชีวิตประจำวันมีความนิยมลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ เพราะทองเป็นสินค้าราคาแพง ทำให้คนที่สวมใส่ 80% มองว่า
การใส่ทองมันเป็นเรื่องอันตราย แต่มีเฉพาะบางกลุ่มที่ซื้อทองเพื่อที่จะใส่โชว์ ถ้าเศรษฐกิจดีธุรกิจทองคำก็ดี เพราะทองคำเป็นสินค้าที่คนชั้นกลางกับคนชั้นล่างนิยมซื้อ ถ้าคนกลุ่มนี้มีเงินในกระเป๋า โอกาสที่ธุรกิจทองคำจะกระเตื้องก็มีเยอะมาก
ปัจจุบันมีทองคำหายไปจากตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะทองได้ถูกขายไปช่วงที่ราคาทองขึ้นก่อนหน้านี้ ดังนั้นเฉลี่ยปริมาณทองคำที่อยู่ในมือผู้บริโภคปัจจุบันจะ “
น้อยกว่า” ในอดีต เดิมทีสมัยก่อน 1 ครอบครัวจะมีทองคำประมาณ 5-10 บาท แต่ปัจจุบัน 1 ครอบครัวเหลือทองคำประมาณ 1 บาท ประชาชนส่วนใหญ่ถ้ามีเงินก็อยากจะซื้อทองเก็บ
แต่ตอนนี้นำไปขายเกือบหมดแล้ว และเป็นสินทรัพย์ที่ขายแล้วรู้สึกว่า “ไม่ขาดทุน” ในส่วนตลาดธุรกิจทองคำครึ่งปีหลังต้องรอดูรัฐบาลชุดใหม่ หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกที่ถูกเวลา ธุรกิจทองคำเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ เชื่อว่าผู้บริโภคจะหันมาซื้อทองคำเป็นอันดับแรก
“
ที่ผ่านมาคนที่มีทองอยู่ในมือก็จะมีกำไร ไม่ขาดทุน ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่คนจะเลือกขายก่อน เช่น มีรถยนต์ 1 คัน ราคา 1,000,000 บาท กับทองคำมูลค่า 1,000,000 บาท หากต้องการใช้เงินคนส่วนใหญ่จะเลือกขายทอง เพราะมีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนรถยนต์ถ้าขายก็ขาดทุน ส่วนการขายทองคำออนไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นการโปรโมต ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียให้ประชาชนรู้จักร้านทองมากขึ้น
ซึ่งถ้ามองในมุมของการขายทองออนไลน์ยอดขายยังค่อนข้างน้อย เนื่องจากทองเป็นสินค้ามีมูลค่าสูง ลูกค้าจะไม่นิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะกลัวได้รับสินค้าปลอมหรือสินค้าที่ไม่ตรงปก หากลูกค้าจะซื้อทองจะเลือกมาซื้อหน้าร้านขายทองมากกว่า
เ
ชียงใหม่ปิดไปแล้วกว่า 10 แห่ง
นาย
ฉัตรพล สุนทรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรีทองค้าทองแท่ง จำกัด ผู้ค้าทองแท่งและทองรูปพรรณรายใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างชะลอตัวอย่างมาก กำลังซื้อในตลาดลดลง และการเมืองที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล
รวมถึงราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาพตลาดค้าทองคำของเชียงใหม่ “ชะลอการซื้อขายทองคำ” โดยพบว่า ตลาดค้าทองคำรูปพรรณในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่ในภาวะซบเซามาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ (เดือนเมษายน 2566)
ภาพรวมคาดว่า ยอดขายของร้านค้าทองได้ลดลงมากกว่า 50% เพราะผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจที่จะนำเงินออกมาซื้อทอง ทั้งเพื่อนำไปเป็นเครื่องประดับหรือเก็งกำไร เพราะราคาทองคำค่อนข้างสูงมาก ขณะเดียวกันการนำทองมาขายก็มีอัตราลดลงเช่นกัน เพราะต้องเสียอัตราค่ากำเหน็จ
“
ขณะนี้มีร้านค้าทองรูปพรรณที่ตั้งอยู่ในย่านตลาดวโรรส ซึ่งเป็นศูนย์กลางร้านค้าทองแหล่งใหญ่ ได้ปิดกิจการไปแล้วราว 3-4 แห่ง นอกจากนี้จากการสำรวจในพื้นที่อื่น ๆ เขตตัวเมืองเชียงใหม่ ก็พบว่ามีร้านทองหลายร้านที่ปิดตัวลง คาดว่าขณะนี้ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่มีร้านทองที่ปิดตัวลงไปแล้วมากกว่า 10 แห่ง เพราะไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงมากต่อไปได้”
ยังมีร้านทองอีสานปิดอีกเพียบ
นาย
ธีระ ตั้งหลักมั่นคง ประธานชมรมร้านทองจังหวัดอุดรธานีและเจ้าของร้านทองกวง เชียง ล้ง กล่าวว่า ภาพรวมร้านทองในปัจจุบันค่อนข้างซบเซา กำลังซื้อไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี คนที่อยากซื้อเก็งกำไรก็ไม่กล้า เพราะราคาแพง ผู้ประกอบการบางรายก็ไม่กล้าลงทุนเพิ่ม เพราะว่าต้นทุนสูง กำไรน้อย เสี่ยงต่อกำไรขาดทุน ส่วนกลุ่มกำลังซื้อถึงแม้จะมีเงินเดือน แต่ก็ไม่พอซื้อทอง ตอนนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ลำบากของร้านทอง และแย่ที่สุดในรอบหลายปี
“
แนวโน้มการค้าทองครึ่งปีหลังต้องรอดูเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี การเมืองดี การซื้อขายทองคำอาจจะดีขึ้น แต่ตอนนี้การเมืองทั่วโลกไม่ดี เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ถึงแม้สินค้าเกษตรราคาดี แต่เกษตรกรได้เงินมาส่วนหนึ่งจะต้องนำมาใช้หนี้ อีกส่วนหนึ่งนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ มากกว่าจะมาสนใจซื้อทอง เราหวังอย่างเดียวว่า ให้ราคาทองถูกลงบาทละ 30,000 บาทพอมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นบ้าง” นาย
ธีระกล่าว
ขณะเดียวกันหากราคาทองยังสูงและทรงตัวอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คาดการณ์ว่าจะมีร้านทองที่ปิดตัวลงอีกหลายร้าน เพราะไม่คุ้มต้นทุน บางร้านที่มีอยู่เดิมก็ยุบสาขา ในกลุ่มไลน์ผู้ประกอบการร้านทองก็มีการเสนอขายตู้เฟอร์นิเจอร์ทองกันบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย แต่กลับเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ทั้งในจังหวัดอุดรธานีและทั่วประเทศ ร้านทองที่เปิดขายตอนนี้ต้องอยู่อย่างประหยัด
มีข้อดีอย่างเดียวคือ ทองคำเป็นสินค้าที่ไม่ตกรุ่น ไม่มีค่าเสื่อม แม้กระทั่งร้านทองที่เยาวราชที่บอกว่า ขายดี ตอนนี้ก็ขายได้เฉพาะบางร้าน ถือว่าเป็นช่วงขาลงของร้านทองแล้ว ถ้าจะให้ดีต้องรอราคาทองให้ลง จะมีแรงซื้อจากคนมีฐานะการเงินดีบ้าง
ที่ผ่านมาราคาทองในต่างประเทศมีการปรับราคาลงบ้าง แต่ราคาทองในประเทศไทยไม่ปรับลดลง เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า และยังมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำไม่ถูกลง ถ้าเงินบาทแข็งจะถูก แต่ราคาทองเมืองนอกกลับขึ้น ทำให้ราคาทองค่อนข้างอยู่ตัวไม่เคลื่อนไหวมากมาย แต่ทรงตัวในระดับที่สูง
วอลุ่มเทรดทองยังไม่ตก
ด้านนาง
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) กล่าวถึงวอลุ่มซื้อขายทองคำในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายทองในแต่ละรอบจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งหากราคาดีดตัวขึ้นแรง วอลุ่มการซื้อขายทองก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับปี 2566 วอลุ่มซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของ YLG เอง ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% นับจากสิ้นปี 2565 ถือว่าวอลุ่มเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามทิศทางของราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อานุภาพ ส.ส.ก้าวไกล เผยปลอดภัยแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังหมดสติกลางรัฐสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4142569
อานุภาพ ส.ส.ก้าวไกล ชู 2 นิ้วคอนเฟิร์มปลอดภัยแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังวูบหมดสติ-ต้อง CPR กลางรัฐสภา
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นาย
อานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.เขต 1 สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หมดสติระหว่างการประชุมที่รัฐสภา วาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้น ระหว่างนั้นเพื่อนสมาชิกได้เข้ามาช่วยเหลือและแจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบ กระทั่งส่งตัวนาย
อานุภาพไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิระ
โดย นาย
อำนวย ลิขิตอำนวยชัย บิดานาย
อานุภาพ เปิดเผยว่า ตกใจมาก เพราะลูกเป็นคนแข็งแรง ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายปลอดภัย แต่ได้ให้พี่สาวและน้องชายที่อยู่กรุงเทพฯไปดูแลด้วย
ล่าสุด นาย
อานุภาพ เผยภาพล่าสุดของตนเอง ขณะสวมชุดคนป่วย ชู 2 นิ้ว พร้อมระบุว่า “
ปลอดภัยนะครับ เปลี่ยนที่นอน ขอพักผ่อนก่อนครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงครับ”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2600416373447673&id=100004380066035
JJNY : ชาวโคราชฝากนายกฯคนใหม่│ร้านทองตู้แดงแห่ปิดกิจการ│ส.ส.ก้าวไกล เผยปลอดภัยแล้ว│จำคุก ‘ปริญญ์’ อดีตรองหน.ปชป. 2ปี 8ด.
https://www.matichon.co.th/region/news_4142708
ชาวโคราช ฝากถึงนายกฯคนใหม่ ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง-ภัยแล้ง เร่งด่วน
ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากสมาชิกรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียง เห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียงนั้น
ล่าสุด วันนี้ (23 สิงหาคม) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อ.พิมาย ถึงความคาดหวังกับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ ที่กำลังจะจัดตั้งในเร็วๆ นี้ โดยนายพูน ศรีจันทร์ อายุ 68 ปี อาชีพขับรถสองแถว อยู่ใน บขส.พิมาย กล่าวว่า ตนเองนั้นก็อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ ช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพื่อทำให้ประชาชนมีเงินใช้มากขึ้น เพราะตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ลำบาก มีรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายก็สูง ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการรถสองแถวมากนัก บางวันมีคนขึ้นเก็บเงินได้แค่ 100 กว่าบาทเท่านั้น ตอนนี้ตนเองก็มีหนี้สินสหกรณ์เดินรถโคราชอยู่จำนวนมากที่ต้องหาเงินใช้หนี้ ถึงอย่างไรก็ตาม ตนเองก็มีอายุมากแล้ว สิ่งที่อยากได้ก็เพราะต้องการให้ลูกหลานอยู่ดีกินดีในอนาคตเท่านั้น
นายอนันต์ พืชพันธุ์ อายุ 73 ปี ชาว ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในส่วนของความคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้น ตนเองก็อยากให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร และแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับชาวไร่ ชาวนาในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนเรื่องนโยบายการแจกเงินดิจิตอลนั้น ตนคิดว่าควรที่จะให้สามารถนำไปใช้ได้ในระยะทางไกลกว่า 4 กิโลเมตร เพราะในบ้านนอก ระยะทาง 4 กิโลเมตร บางทีก็แทบจะไม่มีร้านค้าอะไรให้สามารถนำเงินดิจิตอลไปใช้ซ้อของได้เลย รวมทั้งยังขอให้ขยายเวลาการใช้ให้ได้นานกว่า 6 เดือนด้วย
นายถนอม ยิดนา อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ใน บขส.พิมาย กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแลเรื่องของเบี้ยผู้สูงอายุ เพราะมีข่าวว่าจะไม่ได้รับตามเดิม ทำให้คนสูงอายุหลายคนวิตกกังวลมาก ถ้าเป็นไปได้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็ให้คนละ 1,000 บาทไปเลย 80 ปีขึ้นไปให้ 3,000 บาทไปเลยก็จะดีมาก ทำให้ผู้สูงอายุมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในช่วงบั้นปลายชีวิต ไม่ต้องให้ไปกดทีละ 300-400 บาท เพราะค่าเงินทุกวันนี้แทบจะซื้ออะไรไม่ได้แล้ว อย่างตนเองขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง บางวันแทบจะไม่ได้สักบาท หรือบางวันที่ได้ก็แทบจะไม่พอค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเลย
ร้านทองตู้แดงแห่ปิดกิจการ ยอดขายตกคนไม่มีกำลังซื้อ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1376408
ร้านทองคำภาคเหนือ-อีสานยอดขายลดฮวบกว่า 50% ทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ หลังกำลังซื้อซบเซา ราคาทองสูงไม่จูงใจให้เก็งกำไร ทำร้านทองประกาศขายตู้แดง แห่ปิดกิจการ เหตุต้นทุนสูง-กำไรน้อย เสี่ยงต่อการขาดทุน สวนทางเทรดทองยังวอลุ่มดีอยู่
เศรษฐกิจแย่กำลังซื้อหาย
นายวิทวัส ทานชิติกุล เจ้าของห้างทองตั้งคุงฮะ (แม่จวง) จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมของธุรกิจทองคำตั้งแต่ปีใหม่มาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏ “ชะลอตัวลงไปเรื่อย ๆ” ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันยอดขายทองรูปพรรณลดลง 30% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี สินค้าเกษตรราคาก็ไม่ค่อยดี ทำให้เกษตรกรไม่มีเงินมาใช้จ่าย
อีกทั้งราคาทองยังแกว่งไม่คงที่ ทำให้คนไม่กล้าตัดสินใจที่จะซื้อ ที่ผ่านมาทองอยู่ในช่วงขาขึ้นมาโดยตลอด พอราคาทองเริ่มไม่ขยับตัว แกว่งไปมาอยู่ในระดับ 31,000-32,000 บาท ทำให้ความต้องการซื้อในการเก็งกำไรลดตัวลง รวมถึงยังรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แม้ทางร้านจะมีการจัดโปรโมชั่นทุกเทศกาล แต่ยอดขายทองก็กระเตื้องไม่มาก ซึ่งเป็นการรักษาบรรยากาศในการซื้อขายมากกว่า
“ตอนนี้ร้านทองในนครสวรรค์ค่อนข้างจะซบเซา ประกอบกับในจังหวัดเองก็ไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรมมีไม่มาก ภาคธุรกิจต่าง ๆ เงียบลงไปเรื่อย ๆ ที่ผ่านมาบรรยากาศร้านค้ามีคึกคักอยู่ช่วงหนึ่งที่ราคาทองคำขึ้นสูง ผู้บริโภคที่มีทองคำเยอะก็จะแห่กันออกมาขายเพื่อเก็งกำไร แต่พอทองราคาไม่ขยับ เขารู้สึกว่าถ้าไม่ได้เดือดร้อนก็ไม่อยากขาย เพราะคิดว่าราคาทองคำน่าจะสูงกว่านี้” นายวิทวัสกล่าว
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังจะเลือกซื้อในส่วนที่เป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่มีส่วนประกอบของทองคำมากกว่า เป็นสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000 บาท การที่จะซื้อเครื่องประดับทองไปใช้ในชีวิตประจำวันมีความนิยมลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ เพราะทองเป็นสินค้าราคาแพง ทำให้คนที่สวมใส่ 80% มองว่า
การใส่ทองมันเป็นเรื่องอันตราย แต่มีเฉพาะบางกลุ่มที่ซื้อทองเพื่อที่จะใส่โชว์ ถ้าเศรษฐกิจดีธุรกิจทองคำก็ดี เพราะทองคำเป็นสินค้าที่คนชั้นกลางกับคนชั้นล่างนิยมซื้อ ถ้าคนกลุ่มนี้มีเงินในกระเป๋า โอกาสที่ธุรกิจทองคำจะกระเตื้องก็มีเยอะมาก
ปัจจุบันมีทองคำหายไปจากตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะทองได้ถูกขายไปช่วงที่ราคาทองขึ้นก่อนหน้านี้ ดังนั้นเฉลี่ยปริมาณทองคำที่อยู่ในมือผู้บริโภคปัจจุบันจะ “น้อยกว่า” ในอดีต เดิมทีสมัยก่อน 1 ครอบครัวจะมีทองคำประมาณ 5-10 บาท แต่ปัจจุบัน 1 ครอบครัวเหลือทองคำประมาณ 1 บาท ประชาชนส่วนใหญ่ถ้ามีเงินก็อยากจะซื้อทองเก็บ
แต่ตอนนี้นำไปขายเกือบหมดแล้ว และเป็นสินทรัพย์ที่ขายแล้วรู้สึกว่า “ไม่ขาดทุน” ในส่วนตลาดธุรกิจทองคำครึ่งปีหลังต้องรอดูรัฐบาลชุดใหม่ หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกที่ถูกเวลา ธุรกิจทองคำเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ เชื่อว่าผู้บริโภคจะหันมาซื้อทองคำเป็นอันดับแรก
“ที่ผ่านมาคนที่มีทองอยู่ในมือก็จะมีกำไร ไม่ขาดทุน ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่คนจะเลือกขายก่อน เช่น มีรถยนต์ 1 คัน ราคา 1,000,000 บาท กับทองคำมูลค่า 1,000,000 บาท หากต้องการใช้เงินคนส่วนใหญ่จะเลือกขายทอง เพราะมีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนรถยนต์ถ้าขายก็ขาดทุน ส่วนการขายทองคำออนไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นการโปรโมต ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียให้ประชาชนรู้จักร้านทองมากขึ้น
ซึ่งถ้ามองในมุมของการขายทองออนไลน์ยอดขายยังค่อนข้างน้อย เนื่องจากทองเป็นสินค้ามีมูลค่าสูง ลูกค้าจะไม่นิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะกลัวได้รับสินค้าปลอมหรือสินค้าที่ไม่ตรงปก หากลูกค้าจะซื้อทองจะเลือกมาซื้อหน้าร้านขายทองมากกว่า
เชียงใหม่ปิดไปแล้วกว่า 10 แห่ง
นายฉัตรพล สุนทรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรีทองค้าทองแท่ง จำกัด ผู้ค้าทองแท่งและทองรูปพรรณรายใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างชะลอตัวอย่างมาก กำลังซื้อในตลาดลดลง และการเมืองที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล
รวมถึงราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาพตลาดค้าทองคำของเชียงใหม่ “ชะลอการซื้อขายทองคำ” โดยพบว่า ตลาดค้าทองคำรูปพรรณในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่ในภาวะซบเซามาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ (เดือนเมษายน 2566)
ภาพรวมคาดว่า ยอดขายของร้านค้าทองได้ลดลงมากกว่า 50% เพราะผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจที่จะนำเงินออกมาซื้อทอง ทั้งเพื่อนำไปเป็นเครื่องประดับหรือเก็งกำไร เพราะราคาทองคำค่อนข้างสูงมาก ขณะเดียวกันการนำทองมาขายก็มีอัตราลดลงเช่นกัน เพราะต้องเสียอัตราค่ากำเหน็จ
“ขณะนี้มีร้านค้าทองรูปพรรณที่ตั้งอยู่ในย่านตลาดวโรรส ซึ่งเป็นศูนย์กลางร้านค้าทองแหล่งใหญ่ ได้ปิดกิจการไปแล้วราว 3-4 แห่ง นอกจากนี้จากการสำรวจในพื้นที่อื่น ๆ เขตตัวเมืองเชียงใหม่ ก็พบว่ามีร้านทองหลายร้านที่ปิดตัวลง คาดว่าขณะนี้ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่มีร้านทองที่ปิดตัวลงไปแล้วมากกว่า 10 แห่ง เพราะไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงมากต่อไปได้”
ยังมีร้านทองอีสานปิดอีกเพียบ
นายธีระ ตั้งหลักมั่นคง ประธานชมรมร้านทองจังหวัดอุดรธานีและเจ้าของร้านทองกวง เชียง ล้ง กล่าวว่า ภาพรวมร้านทองในปัจจุบันค่อนข้างซบเซา กำลังซื้อไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี คนที่อยากซื้อเก็งกำไรก็ไม่กล้า เพราะราคาแพง ผู้ประกอบการบางรายก็ไม่กล้าลงทุนเพิ่ม เพราะว่าต้นทุนสูง กำไรน้อย เสี่ยงต่อกำไรขาดทุน ส่วนกลุ่มกำลังซื้อถึงแม้จะมีเงินเดือน แต่ก็ไม่พอซื้อทอง ตอนนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ลำบากของร้านทอง และแย่ที่สุดในรอบหลายปี
“แนวโน้มการค้าทองครึ่งปีหลังต้องรอดูเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี การเมืองดี การซื้อขายทองคำอาจจะดีขึ้น แต่ตอนนี้การเมืองทั่วโลกไม่ดี เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ถึงแม้สินค้าเกษตรราคาดี แต่เกษตรกรได้เงินมาส่วนหนึ่งจะต้องนำมาใช้หนี้ อีกส่วนหนึ่งนำไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ มากกว่าจะมาสนใจซื้อทอง เราหวังอย่างเดียวว่า ให้ราคาทองถูกลงบาทละ 30,000 บาทพอมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นบ้าง” นายธีระกล่าว
ขณะเดียวกันหากราคาทองยังสูงและทรงตัวอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คาดการณ์ว่าจะมีร้านทองที่ปิดตัวลงอีกหลายร้าน เพราะไม่คุ้มต้นทุน บางร้านที่มีอยู่เดิมก็ยุบสาขา ในกลุ่มไลน์ผู้ประกอบการร้านทองก็มีการเสนอขายตู้เฟอร์นิเจอร์ทองกันบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย แต่กลับเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ทั้งในจังหวัดอุดรธานีและทั่วประเทศ ร้านทองที่เปิดขายตอนนี้ต้องอยู่อย่างประหยัด
มีข้อดีอย่างเดียวคือ ทองคำเป็นสินค้าที่ไม่ตกรุ่น ไม่มีค่าเสื่อม แม้กระทั่งร้านทองที่เยาวราชที่บอกว่า ขายดี ตอนนี้ก็ขายได้เฉพาะบางร้าน ถือว่าเป็นช่วงขาลงของร้านทองแล้ว ถ้าจะให้ดีต้องรอราคาทองให้ลง จะมีแรงซื้อจากคนมีฐานะการเงินดีบ้าง
ที่ผ่านมาราคาทองในต่างประเทศมีการปรับราคาลงบ้าง แต่ราคาทองในประเทศไทยไม่ปรับลดลง เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า และยังมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำไม่ถูกลง ถ้าเงินบาทแข็งจะถูก แต่ราคาทองเมืองนอกกลับขึ้น ทำให้ราคาทองค่อนข้างอยู่ตัวไม่เคลื่อนไหวมากมาย แต่ทรงตัวในระดับที่สูง
วอลุ่มเทรดทองยังไม่ตก
ด้านนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) กล่าวถึงวอลุ่มซื้อขายทองคำในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายทองในแต่ละรอบจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งหากราคาดีดตัวขึ้นแรง วอลุ่มการซื้อขายทองก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับปี 2566 วอลุ่มซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของ YLG เอง ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% นับจากสิ้นปี 2565 ถือว่าวอลุ่มเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามทิศทางของราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อานุภาพ ส.ส.ก้าวไกล เผยปลอดภัยแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังหมดสติกลางรัฐสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4142569
อานุภาพ ส.ส.ก้าวไกล ชู 2 นิ้วคอนเฟิร์มปลอดภัยแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง หลังวูบหมดสติ-ต้อง CPR กลางรัฐสภา
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ส.ส.เขต 1 สมุทรสงคราม พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หมดสติระหว่างการประชุมที่รัฐสภา วาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้น ระหว่างนั้นเพื่อนสมาชิกได้เข้ามาช่วยเหลือและแจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบ กระทั่งส่งตัวนายอานุภาพไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิระ
โดย นายอำนวย ลิขิตอำนวยชัย บิดานายอานุภาพ เปิดเผยว่า ตกใจมาก เพราะลูกเป็นคนแข็งแรง ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายปลอดภัย แต่ได้ให้พี่สาวและน้องชายที่อยู่กรุงเทพฯไปดูแลด้วย
ล่าสุด นายอานุภาพ เผยภาพล่าสุดของตนเอง ขณะสวมชุดคนป่วย ชู 2 นิ้ว พร้อมระบุว่า “ปลอดภัยนะครับ เปลี่ยนที่นอน ขอพักผ่อนก่อนครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงครับ”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2600416373447673&id=100004380066035