JJNY : นักกิจกรรมชายแดนใต้ถูกคุกคาม│ด่วน! ‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท│เอกชนขอ ‘รมต.สดใหม่’ รู้ทันโลกฟื้น ศก.│ยานรัสเซียตก

เผยนักกิจกรรมชายแดนใต้ถูกคุกคามหลังไลฟ์สดการปิดล้อม
https://prachatai.com/journal/2023/08/105538

 
 
สื่อ Wartani เผยนักกิจกรรมชายแดนใต้ถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจนไม่สามารถอยู่บ้านได้ หลังไลฟ์สดสังเกตการณ์ปิดล้อมที่ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
https://www.facebook.com/wartanimap/posts/687869870045439

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2566 สื่อ Wartani รายงานว่าวันอับดุลรออุฟ อุสมาน ถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจนไม่สามารถอยู่บ้านได้ หลังไลฟ์สดสังเกตการณ์ปิดล้อมท่ากำชำ ณ ม.6 บ.ดอน (เกาะหม้อแกง) อ.ท่ากำชำ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากมีเหตุปิดล้อมปะทะเสียชีวิต 2 ราย ม.6 บ.ดอน(เกาะหม้อแกง) ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
 
สิ่งที่เขาพยายามสื่อสารจากการไลฟ์สดครั้งนั้นคือ "ต้องการสังเกตุการณ์การดำเนินการปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้มีความโปร่งใสและยุติธรรมกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดล้อมครั้งนี้ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองอยู่แล้ว"

ต่อมาผู้ใหญ่บ้านได้ฝากความห่วงใยไปถึงวันอับดุลรออุฟให้อยู่นอกชุมชนก่อน เพื่อรอให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดก่อน หลังจากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของวันอับดุลรออุฟ

วันอับดุลรออุฟกล่าวอีกว่า "ตอนนี้ชาวบ้านมีความกังวลมาก ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตจะเป็นอย่างไร ตัวผมเองและครอบครัวก็รู้สึกกังวลและหวาดระแวง จึงจำเป็นต้องออกไปอยู่นอกชุมชนก่อน เพื่อความสบายใจ"
 
วันอับดุลรออุฟเป็นนักกิจกรรมวัฒนธรรมมลายู และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ม.อ.ปัตตานี อีกทั้งยังเป็นสมาชิกองค์กร The Patani อีกด้วย



ด่วน! ‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัว พท.หลังร่วมรัฐบาล 2 ลุง ลั่นเข้าใจ แต่ไม่เห็นด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4138773

‘ณัฐวุฒิ’ ยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลัง พท.ประกาศร่วมรัฐบาล 2 ลุง ลั่นเข้าใจ แต่ไม่เห็นด้วย
 
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ “คุยนอกจอ” ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุ ว่า “ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า มาถึงแล้ว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยุติบทบาทผู้อำนวยการครัวเพื่อไทย (พท.) เรื่องนี้ได้บอกกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้วว่าจะมีการจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล ด้วยความเข้าใจ พท.ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้มีอะไรขัดข้องหมองใจกัน ตนได้บอกผู้หลักผู้ใหญ่ภายในวันนั้นว่า ถ้ามันถึงจุดนั้น ตนก็คงจะอยู่ในพรรคไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ตนได้ติดต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พท.ว่าจะอยู่ในพรรค หรืออยู่ในกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้ นอกจากนี้ ได้บอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว พท.บอกผู้หลักผู้ใหญ่ บอกทุกคนในพรรค
 
ผมได้โทรเรียนท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) ด้วย เพราะว่าท่านเป้นคนที่ผมเคารพนับถือ และท่านเป็นคนที่ก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ พร้อมกับเรียนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ด้วย ก็บอกทุกคนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพียงแต่ผมรอเวลาให้พรรคการเมืองที่ผมรัก ให้บุคคลการเมืองที่ผมรัก เดินมาอยู่ในจุดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้กำลังยากลำบากนัก อย่างน้อยที่สุด กำลังเดินไปสู่การโหวตนายกฯ รัฐมนตรี ซึ่งผมได้ถามคนสำคัญในพรรค ก็ได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐาผ่านการโหวตเป้นนายกฯ แน่ๆ นายเศรษฐาปลอดภัยแล้ว ผมไม่เคยเดินออมาจากใครในวันที่เขาลำบาก รอจนว่าทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ผมจึงมาส่งตรงนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 
นายสรยุทธ ถามว่า ไม่ใช่ละครใช่หรือไม่ ทำทีจากไป แต่จริงๆ ก็ยังอยู่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ครับ ผมเป็นผมครับ นักเลงเขาไม่ทำกันแบบนั้น
 
นายสรยุทธ ถามอีกว่า ตัดขาด? นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “อย่าใช้คำนั้น ใช้คำว่ายุติบทบาท แล้วไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรค และรัฐบาล และไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว

นายสรยุทธ ถามว่า เป็นผลจาก พท.ตั้งรัฐบาล โดยร่วม 2 ลุง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ครับ เหตุผลนั้น เป็นเหตุผลสำคัญ ผมไม่ได้ปฏิปักษ์ส่วนตัวกับนักการเมืองคนไหนใน 2 พรรคนั้นนะ แม้ว่าจะยืนคนละข้างทางการเมือง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นศัตรู เข้าใจ และเห็นใจ พท.อย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่มันเป็น เพียงแต่ว่าวิถีการเมืองแบบผม เมื่อได้ประกาศประชาชน และแสดงจุดยืนเช่นนั้นมาตลอด ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ยืนยันมา
 
การตัดสินใจยุติบทบาทของผม มันก็เป็นเรื่องมีรอยในใจ ที่นี่เป็นบ้านผม ผมเกิดที่นี่ ผมโตที่นี่ ผมสู้ที่นี่ แล้วคนในบ้านที่น้องผมนั้น แต่ว่าถึงเวลามันต้องตัดสินใจ”นายณัฐวุฒิ กล่าว
 
นายสรยุทธ ถามอีกว่า ตัดสินใจยากหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ยาก ไม่ได้ยากที่ห่วงยศศักดิ์ ตำแหน่ง ไม่ได้มีอยู่แล้ว ตอนผมเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัว พท.พรรคพวกเพื่อนฝูง บอกว่าให้เอาเมีย หาญาติพี่น้องไปลงบัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ปลอดภัย ผมบอกว่าไม่ใช่ผม ผมเป็นนักการเมือง แต่เมียลูก และญาติพี่น้องผมไม่ใช่ ก็ไม่มี จะตั้งรัฐบาล ไม่ต่อรองเรียกร้องอะไรให้ตัวเองก็ไม่มี เดินออกมามือเปล่า”
 
ความยากที่เดินออกมา คือความผูกพันธ์ ความรัก ความปรารถนาดี มันยาก แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ผมไม่มีทางที่ผมจะทำให้พรรคนี้เกิดความเสียหาย ไม่มีทางที่ออกมาแล้วเขวี้ยงก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ไม่มี”
 
นายสรยุทธ ถามว่า ทั้งที่ไม่เห็นด้วย แล้วทำไมไม่ต่อว่า นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า “ไม่เห็นด้วย แต่อย่าทำเลย คนต่อว่า พท.เยอะแล้ว อย่าให้มันออกจาก
ปากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลย มันไม่ใช่ผม

 

 
เอกชนขอ ‘รมต.สดใหม่’ รู้ทันโลกฟื้น ศก. เร่งผุดมาตรการอุ้ม ปชช. ปลุกเชื่อมั่นทุนต่างชาติ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4138664

เอกชนขอ ‘รมต.สดใหม่’ มือโปร-รู้ทันโลกฟื้น ศก. เร่งผุดมาตรการอุ้ม ปชช. ปลุกเชื่อมั่นทุนต่างชาติ จี้บูมท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น
 
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 22 สิงหาคมนี้ว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อยากให้การโหวตนายกฯครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อเดินหน้างานโครงการและนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ช่วงเลือกตั้งให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อเนื่อง
 
นายแสงชัยกล่าวว่า ส่วนสเปกคณะรัฐมนตรีนั้น ขอย้ำว่ารัฐมนตรีที่อยากได้ โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ ขอให้เป็นคนที่มีความทันสมัย มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ แข่งขันกับต่างชาติได้ อยากเห็นรัฐบาลและรัฐมนตรีสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน รวมถึงเกษตรกร รับฟังและนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไปปรับในมาตรการของรัฐบาล ตอบโจทย์ความต้องการหรือปัญหาของผู้ประกอบการจริงๆ
 
ขอเป็นคนทันสมัย ทำงานรวดเร็ว ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาคราชการ ภาคเอกชน ได้เป็นอย่างดี ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก และผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม” นายแสงชัยกล่าว
 
ขณะที่ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการฟอร์มรัฐบาลภายใต้แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า การจัดตั้งรัฐบาลจากการแบ่งกระทรวง ในเบื้องต้นสิ่งที่เอกชนอยากเห็นคือการเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีความรู้ เข้าใจปัญหา มีภาพลักษณ์ที่ดี กรณีคนเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วสอบไม่ผ่าน หรือผลงานไม่ได้ ไม่ควรเลือกเข้ามาเป็นอีก เพราะอาจส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบายวนกลับที่เดิม หรือไม่สามารถดันเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นอย่างที่ทุกภาคส่วนหวังไว้ได้ การคัดเลือกคนเป็นรัฐมนตรีแต่ละพรรค อยากเห็นความสดใหม่ เพื่อมาแก้ปัญหาเพื่อส่วนรวม แต่ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วทำไว้ได้ดี ทางพรรคจะเลือกให้อยู่ต่อเนื่องก็ได้ หากมีผลงานจนสอบผ่านได้จริง แต่ทางที่ดีสเปกรัฐมนตรีควรเป็นคนมองเห็นปัญหาของส่วนรวมเป็นเรื่องแรก ไม่ใช่เลือกคนมองเห็นเรื่องส่วนตัว
 
ส่วน นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ภาพรวมดีขึ้น ต้องการให้จัดตั้งเร็วที่สุด ส่วนเรื่องนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือช่วยลดภาระประชาชนที่พรรค พท.ทยอยปล่อยออกมานั้นยังต้องดูรายละเอียดว่าตรงกับผู้ได้รับความเดือดร้อนมากน้อยเท่าใด ต้องหาวิธีให้รายที่มีโอกาสน้อยสามารถได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือมากขึ้น รวมถึงที่มาของเงิน ไม่ควรมีผลกระทบกับภาคธุรกิจที่กำลังพยายามฟื้นตัวในขณะนี้ ประเมินว่านโยบายที่ออกมา แม้บอกว่าทำทันทีแต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน ผลจะเกิดในปี 2567 มากกว่า ทำให้ปี 2566 ช่วงเดือนที่เหลือนี้เราต้องรักษาฐานการส่งออก สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเข้าช่วงฤดูการท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นแล้ว ส่วนที่เหลือภาคเอกชนพร้อมช่วยผลักดันอย่างเต็มที่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่