สหรัฐมีประธานาธิบดีมาแล้ว 46 คนแน่นอนนักประวัติศาสตร์ชอบและเกลียด ประชาชนชอบและเกลียดเรามาดู 10 อันดับประธานาธิบดียอดแย่ของอเมริกา
10 โจ ไบเดน

ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 (20 มกราคม ปี 2021 ถึงปัจจุบัน) สังกัดพรรคเดโมแครต เขามี อายุมากที่สุดคือ 78 ปี เมื่อดำรงตำแหน่ง เขาถอดทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันกลับมามีอำนาจ อัฟกานิสถานไม่สงบสุขเลย เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ไม่นาน เกิดภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตพลังงาน นอกจากนี้ยัง เผชิญกับ วิกฤติชายแดนเม็กซิโก เข้ากลับเข้าร่วมในองค์กร อนามัยโลก ซึ่งไม่สามารถรับมือกับ การระบาดของโควิด-19 ได้ และ กลับเข้าร่วมในสนธิสัญญาปาริส ซึ่งไม่เต็มที่ ในการปอง กันภาวะโลกร้อน เขาให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครนส่งผลให้สงครามรัสเซียยูเครนและ สงครามอิสราเอล กับ กลุ่มฺฮามาส ไม่มีที่สิ้นสุด วิกฤตนํ้ามัน เศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป ปล่อยไก่
9 แซคารี เทย์เลอร์

เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 12
(4 มีนาคม ปี 1849 จนกระทั่งถึงแก่ อสัญกรรมในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850 ) เขาเป็นวีรบุรุษสงครามเม็กซิโกอเมริกัน ช่วงที่ เขาเป็นประธานาธิบดี เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนสุดท้ายที่ เป็นเจ้าของทาส เกิดความขัดแย้งในเรื่องทาสอย่างรุนแรง เขาตอบสนองมันด้วยการทำให้ ดินแดน แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐเสรี และ ประณามการแยกตัวออกจาก สหภาพ ต่อมาในวันที่ 4 กรกฎาคม เขาได้ดื่มนม และ เชอรี่ เข้าไป แต่กลายเป็นวันต่อมา มันเป็นนมและเชอรี่ที่ไม่ดี ส่งผลให้เขาประสบปัญหาด้าน สุขภาพและ เสียชีวิตด้วยโรค กระเพาะอาหาร ในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850 ภายหลังการเสียชีวิตของเขา ความขัดแย้งในเรื่องทาสก็กลับมาเหมือนเดิม และ บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองอเมริกา
8 จอห์น ไทเลอร์

ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 10
(4 เมษายน ปี 1841 ถึง 4 มีนาคม ปี 1845) สังกัดพรรควิก ไทเลอร์ เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ ได้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี เขาคัดค้านร่างกฎหมายก่อสร้างธนาคารแห่งชาติ และ ตั๋วเงิน จนถึงเตะออกจากพรรคของตัวเอง เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูก เตะออกจากพรรคของตัวเอง เขาสนับสนุนระบบทาส และ เป็นเจ้าของทาส เขาให้ที่ตัวเองผนวกเป็นรัฐทาส และ ฟลอริดาที่ กลายเป็นมลรัฐกลายเป็นรัฐทาส เขากลายเป็นเป็ดง่อยเกือบถูกฟ้องถอดถอน คณะรัฐมนตรีลาออกเกือบหมด นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการขยายระบบทาส มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี กับรัฐสภา ฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้า หลังออกจากตำแหน่ง เขาลงสมัครชิงตำแหน่ง ส.ส. สมาพันธ์รัฐฝ่ายใต้ ที่สนับสนุนการมีทาส และ เสียชีวิตขณะดำรง ส.ส. รัฐฝ่ายใต้
7 เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์

ป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 31 (4 มีนาคม ปี 1929 ถึง 4 มีนาคม ปี 1933) สังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่เคยได้รับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน และ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เคยเป็น รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในสมัยของ วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง และ แคลวิน คูลิดจ์ เมื่อ อีกด้วย ฮูเวอร์ เข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐล่ม สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เขาเนรเทศชาวเม็กซิกันด้วยให้เหตุผลว่า เป็นต้นเหตุของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ฮูเวอร์เองตอบสนองมันหลายวิธีที่ซึ่งไม่เป็นผล ซึ่งฮูเวอร์ลงนามในกฎหมาย Smoot–Hawley Tariff Act ซึงเป็นกฏหมายขึ้นภาษีเงินได้แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้นเลวร้ายลงไปอีกหลายปี เพราะรัฐบาลมีการขึ้นภาษีการค้าระหว่างประเทศซึ่งมันไม่ได้ข่วยอะไรนอกจากการทำลายธุรกิจ ผู้คนตกงานและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ประชาชนจนหนัก หนี้ของประเทศสูงอย่างมาก ทหารผ่านศึกหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 นัดหยุดงานประท้วงโบนัส ฝ่ายบริหาร จัดการการตอบสนองการนัดหยุดงานไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ และปัญหาก็อาชญากรรมสูงอย่างมาก
6 วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง

เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 29 (4 มีนาคม ปี 1921 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ปี 1923) สังกัดพรรครีพับลิกัน ฮาร์ดิงเป็นประธานาธิบดีคนแรกจากพรรครีพับลิกันนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี วิลเลียม ฮาว์เวิร์ด ทัฟท์ ที่ออกจากตำแหน่งในปี 1913 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาหลัง ฮาร์ดิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีประเทศเศรษฐกิจตกตํ่าหลังจากที่สหรัฐภายใต้การนำของ วูดโรว์ วิลสัน เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ฮาร์ดิงช่วยให้เศรษฐกิจของสหรัฐกลับมาดีขึ้นอีกครั้งได้ ฮาร์ดิงเคยได้รับความนิยมก่อนเสียชีวิต หลังเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจความนิยมของฮาร์ดิงเสื่อมลง หลังการเสียชีวิตของฮาร์ดิง เรื่องอื้อฉาวของเขาถูกเปิดโปง ในรัฐบาลของฮาร์ดิง คือ ฝ่ายบริหารของฮาร์ดิงไร้ความสามารถเต็มไปด้วย คดีอื้อฉาวที่เลวร้ายที่สุดคือ คดี Teapot Dome ฮาร์ดิงมอบหมายให้ รัฐมนตรีมหาดไทยคนนึงดูแลกิจการบางอย่างจากบริษัทนํ้ามันสุดท้าย รัฐมนตรีมหาดไทยรับสินบนโดยมอบหมายให้บริษัทนํ้ามันได้งานไปเลยโดยไม่เปิดประมูล ซึ่งเป็นข่าวฉาวครั้งใหญ่ที่สุด ภายหลังจากที่ฮาร์ดิงเสียชีวิตได้เพียงไม่นาน และก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตฝ่ายบริหารของเขา ก็ออกกฎหมาย Quota Act ซึ่งจำกัดผู้อพยพชาวยุโรปบางส่วนของทวีป นอกจากนี้นโยบายต่างประเทศก็ไม่ค่อยจะดี เนื่องจาก สหภาพโซเวียตแข่งแกร่งอย่างมาก
5 เบนจามิน แฮร์ริสัน

เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 23(ดำรงตำแหน่ง 4 มีนาคม ปี 1889 ถึง 4 มีนาคม ปี 1893) สังกัดพรรครีพับลิกัน เขารู้จักกันในฐานะหลานชายของอดีตประธานาธิบด วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เขาสนับสนุนให้มีการเก็บอัตราภาษีที่สูง โดยฝ่ายบริหารรัฐสภาออกกฎหมาย McKinley Tariff ซึ่งส่งผลเสียต่อ เศรษฐกิจของประเทศอย่างมากกฎหมาย Jim Crow Laws มีการแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของประเทศอย่างมาก เหตุการณ์สังหารหมู่ชนพื้นเมืองเมื่อมีการยอมรับ 6 รัฐใหม่ นโยบายต่างประเทศไม่ค่อยจะดี เนื่องจาก เขาเจรจากับประเทศนึง เนื่องจากข้อพิพาทหมู่เกาะ ซึ่งเกือบจะเกิดสงครามขึ้น เขาบุกเข้าไปในฮาวายเพื่อขยายอาณานิคม แต่การขยายอาณานิคมของเขามีการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันอีก เศรษฐกิจของประเทศไม่เฟื่องฟู เขามีส่วนทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1893 นอกจากนี้เขาก็ยังสนับสนุนระบบอุปถัมภ์ด้วย
4 แฟรงคลิน เพียร์ซ

เป็นประธานาธิบดี สหรัฐคนที่ 14 (4 มีนาคม ปี 1853 ถึง 4 มีนาคม ปี 1857)
ก่อนหน้าที่เพียร์ซจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ลูกของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชน เมื่อได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ฝ่ายบริหารของเขาออกฎหมาย Kansas Nebraska Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ขยายระบบทาสไปสู่รัฐในดินแดนใหม่ๆ เพียร์ซ ก็ยอมลงนามในกฎหมายดังกล่าว สุดท้ายเกิดการนองเลือดที่แคนซัส โดยกลุ่มที่สนับสนุนการเลิกทาส และ กลุ่มที่สนับสนุนการมีทาส ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยคนที่ลงมือคือ จอห์น บราวน์ ก่อเหตุการสังหารหมู่ผู้นิยมการมีทาส เป็นสงครามกองโจร เป็นความรุนแรงในแคนซัส เป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ ซึ่งกฎหมาย Kansas Nebraska Act นั้นเป็นกฎหมายที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นกฎหมายที่เพิ่มความขัดแย้งในเรื่องทาสให้บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐสภา เขาไม่สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์กับอังกฤษได้
3 แอนดรูว์ จอห์นสัน

ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 17 (15 เมษายน ปี 1865 ถึง 4 มีนาคม ปี 1869) สังกัด พรรคเดียวหลังจากประธานาธิบดีคนก่อน ซึ่งก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหาร ในโรงละคร ก่อนที่ จอห์นสัน จะได้เป็น ประธานาธิบดี จอห์นสัน เป็นสมาชิก พรรคเดโมแครตจากภาคใต้ รัฐเทนเนสซี แต่ ลินคอล์น เลือก จอห์นสัน เป็นรองประธานาธิบดี เพื่อให้ทุกคนมองว่าสหรัฐกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน พอหลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง มีการเลิกทาส ทาสกลายเป็นเสรีชน นำไปสู่สมัยบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมือง เมื่อจอห์นสัน เป็นประธานาธิบดีเขาคัดค้านร่างกฎหมายสิทธิพลเมืองให้กับทาสที่เป็นเสรีชน สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดกลุ่ม ก่อการร้าย Klu Klux Klan กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ เหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1866 มีการสังหารหมู่ทาสที่เป็นเสรีชนแล้งหลังสงครามกลางเมือง และ พยายามไล่รัฐมนตรีกลาโหมออกไป รวมไปถึงอภัยโทษให้กับ นักการเมืองทางใต้ ซึ่งเป็นอดีตพวกของฝ่ายใต้ในช่วงสงครามกลางเมือง จนทำให้เขาถูกฟ้องโดนถอดถอน แต่ไม่ออกจากตำแหน่งเพราะขาดไปหนึ่งเสียง
2 เจมส์ บูคานัน

เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15
(4 มีนาคม ปี 1857 ถึง 4 มีนาคม ปี 1861) สังกัดพรรคเดโมแครตเคยเป็นทูตอเมริกาประจำสหราชอาณาจักรในสมัยของ แฟรงคลิน เพียร์ซ บูคานัน ลงแข็งเป็นตัวแทนของพรรคแลกได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1856 เมื่อได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี เจอกรณี เดรด สก็อต เขาสนับสนุนคำตัดสินดังกล่าว บูคานัน เองพยายามให้ ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ กลับมาเป็นหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ แต่สุดท้ายก็แตกกันมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาล้มเหลวในการซื้อดินแดนอลาสก้าจากรัสเซีย เขาคัดค้านการควบคุมมลรัฐในดินแดนใหม่ว่าจะเป็นรัฐทาสหรือรัฐเสรีส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ฝ่ายบริหารส่งปืนหลายกระบอกไปในภาคใต้ซึ่งจุดชนวนสงครามกลางเมืองอเมริกาอย่างชัดเจน มีสวนทำให้เกิดสงครามกลางเมืองอเมริกา ช่วงท้ายตำแหน่งของเขา มลรัฐต่างๆในภาคใต้ แยกตัวออกจากสหรัฐไปเกือบหมด
1 วูดโรว์ วิลสัน

เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 28
(4 มีนาคม ปี 1913 ถึง 4 มีนาคม ปี 1921) และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน สังกัดพรรคเดโมแครต วิลสัน ชนะ ทัฟท์ และ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้เพราะ รูสเวลต์ ลงสมัครในนามพรรคทางเลือกที่ 3 เมื่อวิลสันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีวิลสันให้อำนาจรัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้ของประชาชน อย่างมาก ก่อตั้งระบบธนาคารกลางเพื่อของรัฐบาลกลางดูแลระบบการเงินอย่างกว้างขวางรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจได้ไม่ดี วิลสันสนับสนุนการแบ่งแยกเชื้อชาติในภาครัฐ และ สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ รวมไปถึงยกย่อง ภาพยนตร์เรื่อง The Birth Of Nation ในทำเนียบขาว ส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan กลับมามีบทบาทจนถึงปัจจุบัน สนับสนุนการแทรกแซงอเมริกาใต้อย่างไร้เหตุไร้ผล เขาไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีเรือสหรัฐ โกหกว่าจะไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 สุดท้ายเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วงที่ ไม่จำเป็นแล้ว ฝ่ายบริหารออกฎหมาย Espionage Act และ Sedition Act เพื่อไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์สงครามโลกที่ 1 และ รัฐบาลกลาง ต่อต้านเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพพลเมือง อย่างรุนแรง เจรจาข้อเสนอ 14 คะแนน นำไปสู่สนธิสัญญาแวร์ซายส์ และ การตั้งองค์การสันนิบาตชาติ แต่รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเข้าร่วมองค์การสันนิบาตชาติได้ นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถาบันกษัตริย์ในยุโรปถูกทำลาย ไม่ตอบสนองเหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1919 มีการสังหารหมู่คนผิวสีหลายร้อยคนทั่วสหรัฐ เศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่สนใจและเกลียดสิทธิสตรีส่งผลให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้งล่าช้า
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับประธานาธิบดียอดแย่แห่งอเมริกาจากความคิดเห็นส่วนตัวผม
10 โจ ไบเดน
ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 (20 มกราคม ปี 2021 ถึงปัจจุบัน) สังกัดพรรคเดโมแครต เขามี อายุมากที่สุดคือ 78 ปี เมื่อดำรงตำแหน่ง เขาถอดทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันกลับมามีอำนาจ อัฟกานิสถานไม่สงบสุขเลย เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ไม่นาน เกิดภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตพลังงาน นอกจากนี้ยัง เผชิญกับ วิกฤติชายแดนเม็กซิโก เข้ากลับเข้าร่วมในองค์กร อนามัยโลก ซึ่งไม่สามารถรับมือกับ การระบาดของโควิด-19 ได้ และ กลับเข้าร่วมในสนธิสัญญาปาริส ซึ่งไม่เต็มที่ ในการปอง กันภาวะโลกร้อน เขาให้เงินช่วยเหลือแก่ยูเครนส่งผลให้สงครามรัสเซียยูเครนและ สงครามอิสราเอล กับ กลุ่มฺฮามาส ไม่มีที่สิ้นสุด วิกฤตนํ้ามัน เศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป ปล่อยไก่
9 แซคารี เทย์เลอร์
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 12
(4 มีนาคม ปี 1849 จนกระทั่งถึงแก่ อสัญกรรมในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850 ) เขาเป็นวีรบุรุษสงครามเม็กซิโกอเมริกัน ช่วงที่ เขาเป็นประธานาธิบดี เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนสุดท้ายที่ เป็นเจ้าของทาส เกิดความขัดแย้งในเรื่องทาสอย่างรุนแรง เขาตอบสนองมันด้วยการทำให้ ดินแดน แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐเสรี และ ประณามการแยกตัวออกจาก สหภาพ ต่อมาในวันที่ 4 กรกฎาคม เขาได้ดื่มนม และ เชอรี่ เข้าไป แต่กลายเป็นวันต่อมา มันเป็นนมและเชอรี่ที่ไม่ดี ส่งผลให้เขาประสบปัญหาด้าน สุขภาพและ เสียชีวิตด้วยโรค กระเพาะอาหาร ในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1850 ภายหลังการเสียชีวิตของเขา ความขัดแย้งในเรื่องทาสก็กลับมาเหมือนเดิม และ บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองอเมริกา
8 จอห์น ไทเลอร์
ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 10
(4 เมษายน ปี 1841 ถึง 4 มีนาคม ปี 1845) สังกัดพรรควิก ไทเลอร์ เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ ได้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี เขาคัดค้านร่างกฎหมายก่อสร้างธนาคารแห่งชาติ และ ตั๋วเงิน จนถึงเตะออกจากพรรคของตัวเอง เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูก เตะออกจากพรรคของตัวเอง เขาสนับสนุนระบบทาส และ เป็นเจ้าของทาส เขาให้ที่ตัวเองผนวกเป็นรัฐทาส และ ฟลอริดาที่ กลายเป็นมลรัฐกลายเป็นรัฐทาส เขากลายเป็นเป็ดง่อยเกือบถูกฟ้องถอดถอน คณะรัฐมนตรีลาออกเกือบหมด นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการขยายระบบทาส มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี กับรัฐสภา ฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าช้า หลังออกจากตำแหน่ง เขาลงสมัครชิงตำแหน่ง ส.ส. สมาพันธ์รัฐฝ่ายใต้ ที่สนับสนุนการมีทาส และ เสียชีวิตขณะดำรง ส.ส. รัฐฝ่ายใต้
7 เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์
ป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 31 (4 มีนาคม ปี 1929 ถึง 4 มีนาคม ปี 1933) สังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่เคยได้รับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน และ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เคยเป็น รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในสมัยของ วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง และ แคลวิน คูลิดจ์ เมื่อ อีกด้วย ฮูเวอร์ เข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐล่ม สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เขาเนรเทศชาวเม็กซิกันด้วยให้เหตุผลว่า เป็นต้นเหตุของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ฮูเวอร์เองตอบสนองมันหลายวิธีที่ซึ่งไม่เป็นผล ซึ่งฮูเวอร์ลงนามในกฎหมาย Smoot–Hawley Tariff Act ซึงเป็นกฏหมายขึ้นภาษีเงินได้แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้นเลวร้ายลงไปอีกหลายปี เพราะรัฐบาลมีการขึ้นภาษีการค้าระหว่างประเทศซึ่งมันไม่ได้ข่วยอะไรนอกจากการทำลายธุรกิจ ผู้คนตกงานและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ประชาชนจนหนัก หนี้ของประเทศสูงอย่างมาก ทหารผ่านศึกหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 นัดหยุดงานประท้วงโบนัส ฝ่ายบริหาร จัดการการตอบสนองการนัดหยุดงานไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ และปัญหาก็อาชญากรรมสูงอย่างมาก
6 วอร์เรน จี. ฮาร์ดิง
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 29 (4 มีนาคม ปี 1921 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ปี 1923) สังกัดพรรครีพับลิกัน ฮาร์ดิงเป็นประธานาธิบดีคนแรกจากพรรครีพับลิกันนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี วิลเลียม ฮาว์เวิร์ด ทัฟท์ ที่ออกจากตำแหน่งในปี 1913 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาหลัง ฮาร์ดิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีประเทศเศรษฐกิจตกตํ่าหลังจากที่สหรัฐภายใต้การนำของ วูดโรว์ วิลสัน เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ฮาร์ดิงช่วยให้เศรษฐกิจของสหรัฐกลับมาดีขึ้นอีกครั้งได้ ฮาร์ดิงเคยได้รับความนิยมก่อนเสียชีวิต หลังเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจความนิยมของฮาร์ดิงเสื่อมลง หลังการเสียชีวิตของฮาร์ดิง เรื่องอื้อฉาวของเขาถูกเปิดโปง ในรัฐบาลของฮาร์ดิง คือ ฝ่ายบริหารของฮาร์ดิงไร้ความสามารถเต็มไปด้วย คดีอื้อฉาวที่เลวร้ายที่สุดคือ คดี Teapot Dome ฮาร์ดิงมอบหมายให้ รัฐมนตรีมหาดไทยคนนึงดูแลกิจการบางอย่างจากบริษัทนํ้ามันสุดท้าย รัฐมนตรีมหาดไทยรับสินบนโดยมอบหมายให้บริษัทนํ้ามันได้งานไปเลยโดยไม่เปิดประมูล ซึ่งเป็นข่าวฉาวครั้งใหญ่ที่สุด ภายหลังจากที่ฮาร์ดิงเสียชีวิตได้เพียงไม่นาน และก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตฝ่ายบริหารของเขา ก็ออกกฎหมาย Quota Act ซึ่งจำกัดผู้อพยพชาวยุโรปบางส่วนของทวีป นอกจากนี้นโยบายต่างประเทศก็ไม่ค่อยจะดี เนื่องจาก สหภาพโซเวียตแข่งแกร่งอย่างมาก
5 เบนจามิน แฮร์ริสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 23(ดำรงตำแหน่ง 4 มีนาคม ปี 1889 ถึง 4 มีนาคม ปี 1893) สังกัดพรรครีพับลิกัน เขารู้จักกันในฐานะหลานชายของอดีตประธานาธิบด วิลเลียม เฮนรี่ แฮร์ริสัน เขาสนับสนุนให้มีการเก็บอัตราภาษีที่สูง โดยฝ่ายบริหารรัฐสภาออกกฎหมาย McKinley Tariff ซึ่งส่งผลเสียต่อ เศรษฐกิจของประเทศอย่างมากกฎหมาย Jim Crow Laws มีการแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของประเทศอย่างมาก เหตุการณ์สังหารหมู่ชนพื้นเมืองเมื่อมีการยอมรับ 6 รัฐใหม่ นโยบายต่างประเทศไม่ค่อยจะดี เนื่องจาก เขาเจรจากับประเทศนึง เนื่องจากข้อพิพาทหมู่เกาะ ซึ่งเกือบจะเกิดสงครามขึ้น เขาบุกเข้าไปในฮาวายเพื่อขยายอาณานิคม แต่การขยายอาณานิคมของเขามีการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันอีก เศรษฐกิจของประเทศไม่เฟื่องฟู เขามีส่วนทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 1893 นอกจากนี้เขาก็ยังสนับสนุนระบบอุปถัมภ์ด้วย
4 แฟรงคลิน เพียร์ซ
เป็นประธานาธิบดี สหรัฐคนที่ 14 (4 มีนาคม ปี 1853 ถึง 4 มีนาคม ปี 1857)
ก่อนหน้าที่เพียร์ซจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ลูกของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชน เมื่อได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ฝ่ายบริหารของเขาออกฎหมาย Kansas Nebraska Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่ขยายระบบทาสไปสู่รัฐในดินแดนใหม่ๆ เพียร์ซ ก็ยอมลงนามในกฎหมายดังกล่าว สุดท้ายเกิดการนองเลือดที่แคนซัส โดยกลุ่มที่สนับสนุนการเลิกทาส และ กลุ่มที่สนับสนุนการมีทาส ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยคนที่ลงมือคือ จอห์น บราวน์ ก่อเหตุการสังหารหมู่ผู้นิยมการมีทาส เป็นสงครามกองโจร เป็นความรุนแรงในแคนซัส เป็นข่าวใหญ่ระดับชาติ ซึ่งกฎหมาย Kansas Nebraska Act นั้นเป็นกฎหมายที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นกฎหมายที่เพิ่มความขัดแย้งในเรื่องทาสให้บานปลายเป็นสงครามกลางเมืองในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับรัฐสภา เขาไม่สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์กับอังกฤษได้
3 แอนดรูว์ จอห์นสัน
ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 17 (15 เมษายน ปี 1865 ถึง 4 มีนาคม ปี 1869) สังกัด พรรคเดียวหลังจากประธานาธิบดีคนก่อน ซึ่งก็คือ อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหาร ในโรงละคร ก่อนที่ จอห์นสัน จะได้เป็น ประธานาธิบดี จอห์นสัน เป็นสมาชิก พรรคเดโมแครตจากภาคใต้ รัฐเทนเนสซี แต่ ลินคอล์น เลือก จอห์นสัน เป็นรองประธานาธิบดี เพื่อให้ทุกคนมองว่าสหรัฐกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน พอหลังสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง มีการเลิกทาส ทาสกลายเป็นเสรีชน นำไปสู่สมัยบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมือง เมื่อจอห์นสัน เป็นประธานาธิบดีเขาคัดค้านร่างกฎหมายสิทธิพลเมืองให้กับทาสที่เป็นเสรีชน สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดกลุ่ม ก่อการร้าย Klu Klux Klan กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ เหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1866 มีการสังหารหมู่ทาสที่เป็นเสรีชนแล้งหลังสงครามกลางเมือง และ พยายามไล่รัฐมนตรีกลาโหมออกไป รวมไปถึงอภัยโทษให้กับ นักการเมืองทางใต้ ซึ่งเป็นอดีตพวกของฝ่ายใต้ในช่วงสงครามกลางเมือง จนทำให้เขาถูกฟ้องโดนถอดถอน แต่ไม่ออกจากตำแหน่งเพราะขาดไปหนึ่งเสียง
2 เจมส์ บูคานัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15
(4 มีนาคม ปี 1857 ถึง 4 มีนาคม ปี 1861) สังกัดพรรคเดโมแครตเคยเป็นทูตอเมริกาประจำสหราชอาณาจักรในสมัยของ แฟรงคลิน เพียร์ซ บูคานัน ลงแข็งเป็นตัวแทนของพรรคแลกได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1856 เมื่อได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี เจอกรณี เดรด สก็อต เขาสนับสนุนคำตัดสินดังกล่าว บูคานัน เองพยายามให้ ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ กลับมาเป็นหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ แต่สุดท้ายก็แตกกันมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาล้มเหลวในการซื้อดินแดนอลาสก้าจากรัสเซีย เขาคัดค้านการควบคุมมลรัฐในดินแดนใหม่ว่าจะเป็นรัฐทาสหรือรัฐเสรีส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง ฝ่ายบริหารส่งปืนหลายกระบอกไปในภาคใต้ซึ่งจุดชนวนสงครามกลางเมืองอเมริกาอย่างชัดเจน มีสวนทำให้เกิดสงครามกลางเมืองอเมริกา ช่วงท้ายตำแหน่งของเขา มลรัฐต่างๆในภาคใต้ แยกตัวออกจากสหรัฐไปเกือบหมด
1 วูดโรว์ วิลสัน
เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 28
(4 มีนาคม ปี 1913 ถึง 4 มีนาคม ปี 1921) และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยเป็นนักวิชาการมาก่อน สังกัดพรรคเดโมแครต วิลสัน ชนะ ทัฟท์ และ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้เพราะ รูสเวลต์ ลงสมัครในนามพรรคทางเลือกที่ 3 เมื่อวิลสันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีวิลสันให้อำนาจรัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้ของประชาชน อย่างมาก ก่อตั้งระบบธนาคารกลางเพื่อของรัฐบาลกลางดูแลระบบการเงินอย่างกว้างขวางรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจได้ไม่ดี วิลสันสนับสนุนการแบ่งแยกเชื้อชาติในภาครัฐ และ สนับสนุน กฎหมาย Jim Crow Laws เพื่อแบ่งแยกเชื้อชาติในภาคใต้ของสหรัฐ รวมไปถึงยกย่อง ภาพยนตร์เรื่อง The Birth Of Nation ในทำเนียบขาว ส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายที่มีอคติทางเชื้อชาติ Klu Klux Klan กลับมามีบทบาทจนถึงปัจจุบัน สนับสนุนการแทรกแซงอเมริกาใต้อย่างไร้เหตุไร้ผล เขาไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีเรือสหรัฐ โกหกว่าจะไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 สุดท้ายเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วงที่ ไม่จำเป็นแล้ว ฝ่ายบริหารออกฎหมาย Espionage Act และ Sedition Act เพื่อไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์สงครามโลกที่ 1 และ รัฐบาลกลาง ต่อต้านเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพพลเมือง อย่างรุนแรง เจรจาข้อเสนอ 14 คะแนน นำไปสู่สนธิสัญญาแวร์ซายส์ และ การตั้งองค์การสันนิบาตชาติ แต่รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเข้าร่วมองค์การสันนิบาตชาติได้ นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถาบันกษัตริย์ในยุโรปถูกทำลาย ไม่ตอบสนองเหตุการณ์จลาจลทางเชื้อชาติในปี 1919 มีการสังหารหมู่คนผิวสีหลายร้อยคนทั่วสหรัฐ เศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่สนใจและเกลียดสิทธิสตรีส่งผลให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้งล่าช้า