เนื่องจากผมและสหายสนิทชาวอาทิตย์อุทัยที่เคยผจญเวร ผจญกรรม ทำงานด้วยกันที่นครย่างกุ้งได้ตกลงกันว่า "เพื่อมิตรภาพที่ดีสืบไป ถึงแม้ว่าเราจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เราก็จะไปเที่ยวด้วยกันปีละครั้ง" โดยเราจะสลับกันเลือกประเทศ และผู้ที่เลือกประเทศที่จะไปเที่ยว จะเป็นตัวหลักในเลือกสถานที่เที่ยวและการวางแผนการเดินทาง ดังนั้นเมื่อปลายปี 2018 จึงเกิดทริปท่องอินเดียในหนึ่งสัปดาห์ โดยผู้วางแผนการเดินทางคือสหายชาวอาทิตย์อุทัยของผม สถานที่ที่สหายของผมเลือกไปจะอยู่ในมหานครมุมไบ เมืองอรุงกาบัดและเมืองโภปาล
โดยในปีนั้น เรามาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสหายของผมเดินทางมาจากกรุงโตเกียวแล้วเราจึงโดยสารเครื่องบินไปยังมหานครมุมไบด้วยกัน และนี่จุดเริ่มต้นของการเดินทาง การได้สั่งสมประสบการณ์ที่ "อินเดีย ประเทศที่ผมไม่เคยคิดจะไป แต่สุดท้ายกลายเป็นตกหลุมรัก"
อินเดียวันที่หนึ่ง.....มุมไบในบ่ายวันเสาร์
เราเดินทางถึงโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติมุมไบสายกว่ากำหนดการร่วมๆชั่วโมงเพราะเครื่องบินดีเลย์ ดังนั้นเราจึงไม่รอเช็คอินห้องพักถึงแม้นจะมีห้องว่าง แค่ดรอปกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเข้ามุมไบซึ่งต้องใช้เวลาในเดินทางอีกหนึ่งชั่วโมงในทันที
เนื่องด้วยทริปนี้ข้าพเจ้าให้สหายลูกพระอาทิตย์เป็นคนวางแผนการเดินทางทั้งหมดรวมถึงสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวชมด้วย ข้าพเจ้าจึงไม่ได้วางแผนหรือศึกษาอะไรเป็นพิเศษ ข้าพเจ้าทราบเพียงว่าถ้ามามุมไบ สถานที่ที่ข้าพเจ้าอยากไปมากที่สุดคือวิคตอเรียเทอร์มินัส สถานีรถไฟอันเลื่องชื่อของมหานคนมุมไบและอินเดีย ถึงแม้นว่าข้าพเจ้ามิได้เป็นผู้วางแผนแต่ข้าพเจ้าไม่ลืมที่จะถามกำหนดการคร่าว ๆ จากสหายลูกพระอาทิตย์ถึงสถานที่ที่เราจะไป เพื่อให้แน่ใจว่าอย่างน้อยที่สุดข้าพเจ้าจะได้ไปเดินฝ่าฝูงชนคนภารตะที่วิคตอเรียเทอร์มินัส
ข้าพเจ้า: บ่ายนี้เรามีแผนที่จะไปไหนบ้าง
สหายลูกพระอาทิตย์หยิบหนังสือไกด์บุ๊คเล่มหนาภาษาญี่ปุ่นขี้นมาเปิดอ่านพร้อมเล่าขานสถานที่ที่เราจักไป
สหายชาวอาทิตย์อุทัย: บ่ายนี้เราจะไปเริ่มต้นที่Gateway of India แล้วเดินข้ามถนนมาจิบน้าชายามบ่ายที่ Taj Hotel เสร็จแล้วก็ไปต่อที่วิคตอเรียเทอร์มินัส จากนั้นเราจะเดินกลับไปที่ Gateway of India อีกทีเพื่อจะไปขึ้นเรือมุ่งหน้าไปยัง ถ้ำ Elephanta ถ้ำลักษณะเดียวกับที่ Ajanta และ Ellora ที่เราจะไปกันวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ ยูโอเคตามแผนนี้มั้ย นี่ไอลอกมาจากไกด์บุ๊คการเดินทางสไตล์หรูหราลักซ์ชัวรี่แบบฉบับของชาวญี่ปุ่นเลยนะ
ข้าพเจ้านึกในใจ "จะไปทำไมวะถ้ำ Elephanta ไม่เคยได้ยินว่านักท่องเที่ยวเขาจะไปกันเมื่อมาเยือนมุมไบ ซึ่งก็แสดงว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ" แต่เพื่อรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เราควรหุบปากแล้วทำตามแผนที่เขาวางไว้
ข้าพเจ้า: ไอโอเค ไม่มีปัญหาขอแค่ได้ไปวิคตอเรียเทอร์มินัส ไอก็พอใจแล้ว ว่าแต่ว่า Taj Hotel เริ่มเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีตอนกี่โมง ไอเริ่มหิวแล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: ไอ ด้อนท์ โน้ว ขอเช็คในคู่มือแพร้บ
สหายชาวอาทิตย์อุทัยหยิบหนังสือไกด์บุ๊คเล่มหนาขึ้นมาอีกคราแล้วพลิกไปมาเพื่อควานหาข้อมูล
สหายลูกพระอาทิตย์: ตามตำราเขาบอกว่าบ่ายสามโมงครึ่ง พร้อมกวาดสายตาที่คู่มือการเดินทางอีกชั่วอึดใจ.....
สหายลูกพระอาทิตย์: โอ้โน โอ้โนวววว.....เรือเที่ยวสุดท้ายที่จะไปถ้ำ Elephanta จะออกจากท่าเรือที่ Gateway of India ตอนบ่ายสามโมง!!!
ข้าพเจ้ายิ้มในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า..... "โอกาสจะยกเลิกการไปถ้ำ Elephanta มาถึงแล้ว"
ข้าพเจ้า: โอ้โน!!! (แสร้งทำเสียงและแววตาตกใจเป็นที่สุด) เราต้องทำยังไงดี ยกเลิกการไปถ้ำดีมั้ย เพราะยังไง ๆ เราก็จะไปถ้ำ Ajanta กับ Ellora อยู่แล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: โนๆๆๆๆ เราต้องไปถ้ำ Elephanta ส่วนจิบน้ำชาเอาไว้ไปจิบที่อื่นวันหลังก็ได้
ข้าพเจ้า: โอเค (แต่ในใจ...ม่ายอยากปายยย.... ถ้ำ และยังคงต้องหุบปากแล้วทำตามแผนของสหายชาวอาทิตย์อุทัยเพราะเราเองเป็นผู้ที่ให้เขาเป็นคนวางแผนทุกอย่าง)
ข้าพเจ้า: เราควรหาอะไรกินก่อนขึ้นเรือนะ ตอนนี้ก็ใกล้บ่ายสองแล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: ไอเห็นด้วย ในตำราเขาบอกว่าแถว Gateway of India มีร้านอาหารดีๆให้เลือกเยอะ เราไปเดินดูร้านตามที่หนังสือบอกไว้แล้วเลือกว่าอยากกินอะไรกัน
ข้าพเจ้านึกในใจ "คู่มือท่องเที่ยวที่เขียนโดยคนญี่ปุ่นนี่มันช่างละเอียดดีจริง ๆ บอกมันทุกอย่างจริง ๆ"
เรามาจบที่คาเฟ่เล็กๆที่ดูฮิป ๆ และคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ไม่ได้อยู่ในไกด์บุ๊ค อาหารที่นี่อร่อยตามแบบฉบับฟิวชั่นและราคาไม่แพง หลังรับประทานอาหารแบบ late lunch ก็ได้เวลาเดินกลับไปขึ้นเรือที่ Gateway of India
เรือจะออกจากท่าทุก ๆ ห้า สิบ หรือ สิบห้านาทีแล้วแต่ว่าผู้โดยสารจะเต็มลำเมื่อใด ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่ข้าพเจ้าคาดไว้ คืออินเดีย อินเดียอินเดียและอินเดีย อาจมีผิดคาดนิดหน่อยที่ไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเลยสักคนยกเว้นสหายของข้าพเจ้า ทั้ง ๆ ที่ถ้ำ Elephanta ก็เป็นสถานที่แนะนำในไกด์บุ๊คที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อชาวญี่ปุ่น สงสัยคู่มือเล่มนี้จะขายไม่ค่อยออกเป็นแน่แท้
เราใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการโดยสารด้วยเรือแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ มายังถ้ำ เอาจริง ๆ สำหรับข้าพเจ้าถ้ำ Elephanta ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อยถึงแม้นว่าจะไม่ใหญ่โตหรือวิจิตรงามอะไรนักเมื่อเทียบกับถ้า Ajanta หรือ Ellora แต่ถ้าใครจะไปเยือนมุมไบ มีเวลาเหลือและไม่คิดจะไปชมถ้ำ Ajanta หรือ Ellora ถ้ำElephanta ก็เป็นอีกสถานที่ที่ข้าพเจ้าแนะนำ
เมื่อนั่งเรือไป ดังนั้นแน่นอนเราต้องนั่งเรือกลับและแน่นอนอีกเช่นกัน เราใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงบนเรือที่แล่นแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ แต่ที่ต่างจากขาไปคือ ขากลับนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวเต็มลำเรือแล้วก็ยังมีคนขายอาหารนกชาวอินเดียร่วมเดินทางกับเราด้วย และเมื่อมีคนขายอาหารนกดังนั้นมันก็ต้องมีฝูงนกมาบินรอบลำเรือ เมื่อฝูงนกเริ่มบินวนรอบลำเรือ นักท่องเที่ยวคนที่หนึ่งก็ซื้ออาหารนก ชูอาหารขึ้นเหนือศีรษะแล้วนกนางนวลก็โฉบมาจิกอาหารจากมือนักท่องเที่ยวคนนั้นด้วยท่วงท่าสวยงามสง่า โฉบเฉี่ยว เฉกเช่นถูกฝึกมาอย่างดีทั้งผู้ให้อาหารและรับอาหาร เมื่อนักท่องเที่ยวคนที่หนึ่งได้สร้างภาพอันแสนประทับใจมีหรือที่นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ จะไม่ทำตาม ทุกคนกรูไปที่คนขายอาหารนกที่ดูเหมือนจะกักตุนสินค้าเพื่อจะได้มีขายแบบไม่จำกัดจำนวน อืม... หรือเจ้าฝูงนางนวล เจ้าจะเป็นหนึ่งในพนักงานบริษัทผลิตอาหารนก
เรากลับมาถึง Gateway of India ตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทีพร้อมกับท้องที่เริ่มร้องหิว เราเลือกที่จะรับประทานอาหารเย็นกันที่ Taj Hotel เพราะไหนๆมาถึงมุมไบแล้วก็ไม่ควรพลาดการได้ใช้บริการของ Taj Hotel ถึงแม้นว่าเราจะพลาดการจิบน้ำชายามบ่ายที่นี่ ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำหรับการจิบชายามบ่ายแบบผู้ดีอังกฤษซึ่งก็คืออดีตเจ้าอาณานิคมที่นำวัฒนธรรมอาฟเตอร์นูนทีมาสู่ภูมิภาคตะวันออกไกล การได้นั่งจิบไวน์พร้อมอาหารเย็นที่ Taj Hotel โรงแรมหรูหราคู่มหานครมุมไบก็ถือว่าพอจะทดแทนกันได้บ้าง
เรานั่งจิบไวน์และอาหารเย็นกันแบบคุ้มค่าราคาไวน์และอาหารกันกว่าสองชั่วโมง พร้อมกับคุยกันเรื่องแผนการเดินทางไป Aurangabad เพื่อไปชมถ้ำAjanta ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเราต้องออกจากโรงแรมที่เราพักไม่เกินตีสี่เพื่อที่จะไปถึงสนามบินตอนตีสี่สิบห้า
ข้าพเจ้า: สามทุ่มแล้ว เช็คบิลมั้ย พรุ่งนี้เราต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปสนามบิน
สหายลูกพระอาทิตย์: จริงด้วย ๆ เราควรกลับโรงแรมได้แล้ว เดี๋ยวตื่นไม่ทัน
ข้าพเจ้า: เดี๋ยวไอจัดการค่าอาหารที่นี่ ส่วนยูไปจัดการเรียกแท็กซี่แล้วกัน อย่าลืมบอกคนขับให้แวะไปวิคตอเรียเทอร์มินัสก่อนกลับโรงแรมนะ
สหายลูกพระอาทิตย์: โอเค
หลังจากข้าพเจ้าจัดการค่าเสียหายจากไวน์และอาหารค่ำ ข้าพเจ้าก็เดินไปด้านหน้าโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่ที่สหายชาวอาทิตย์อุทัยได้จัดแจงบอกจุดหมายปลายทางพร้อมต่อรองราคาไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องต่อรองราคาข้าพเจ้ามักจะยกให้เป็นหน้าที่ของสหายชาวอาทิตย์อุทัย เพราะจากประสบการณ์ที่เป็นเพื่อนกันมา สหายของข้าพเจ้ามักจะต่อราคาจนได้ราคาที่ดีกว่าราคาที่ข้าพเจ้าคิดไว้ประมาณสิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์เสมอ จนบางทีข้าพเจ้าคิดว่าเราอาจจะโดนพ่อค้าแม่ขายฆ่าตายคาแผงเข้าสักวัน
เรานั่งแท็กซี่ออกจาก Taj Hotel เพื่อมุ่งหน้าไปวิคตอเรียเทอร์มินัสที่อยู่ไม่ไกลจาก Taj Hotel ก่อนจะกลับโรงแรมที่พัก ข้าพเจ้าเห็นวิคตอเรียเทอร์มินัสที่ใหญ่โตและงดงามที่หยอกล้อกับแสงไฟในยามค่ำคืนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ถึงแม้นจะค่ำแล้วแต่ถนนแถวสถานีรถไฟในคืนวันเสาร์ก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ ผู้คนทั้งชาวอินเดียที่จะใช้รถไฟเพื่อเดินทางไปยังส่วนต่างๆของประเทศและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานีรถไฟแห่งนี้....... อีกอึดใจข้าพเจ้าจะได้ลงไปเดินกระทบไหล่ฝูงชนคนอินเดียพร้อมถ่ายถาพสถานีรถไฟตามที่ฝันไว้แล้ว
รถแท็กซี่ขับผ่านหน้าวิคตอเรียเทอร์มินัสไปอย่างเชื่องช้าเพราะรถราและฝูงชนด้านหน้าสถานี แท็กซี่ขับผ่านวิคตอเรียเทอร์มินัสไปสักพักแต่ไม่มีทีท่าว่าจะจอดหรือหาที่จอดเพื่อจะให้เราแวะลงไปถ่ายรูป เมื่อเห็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงถามคนขับว่า
ข้าพเจ้า: ยูกำลังหาที่จอดรถเหรอ ไอเห็นที่จอดว่างตั้งหลายที่แต่ไม่เห็นยูจะจอดเลย
คนขับแท็กซี่: จอดรถ? จอดทำไม?
ข้าพเจ้า: อ้าว ก็จอดแวะให้เราลงไปเดินที่วิคตอเรียเทอร์มินัสก่อนจะกลับโรงแรมไง!!
คนขับแท็กซี่: โอ้นายจ๋า ราคาที่เพื่อนยูจ่ายมา ไอขับผ่านวิคตอเรียเทอร์มินัสให้ยูสองคนได้เห็น ได้สูดกลิ่น ก็บุญโขแล้วนะนายจ๋านาย
อินเดียบทที่หนึ่ง..... อย่าไว้ใจแขก อย่าไว้ใจสหายลูกพระอาทิตย์..... ของถูกและดีไม่มีในโลก


To be continued.....
[CR] อินเดีย...ประเทศที่ไม่เคยคิดจะไป แต่สุดท้ายกลายเป็นตกหลุมรัก
โดยในปีนั้น เรามาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสหายของผมเดินทางมาจากกรุงโตเกียวแล้วเราจึงโดยสารเครื่องบินไปยังมหานครมุมไบด้วยกัน และนี่จุดเริ่มต้นของการเดินทาง การได้สั่งสมประสบการณ์ที่ "อินเดีย ประเทศที่ผมไม่เคยคิดจะไป แต่สุดท้ายกลายเป็นตกหลุมรัก"
อินเดียวันที่หนึ่ง.....มุมไบในบ่ายวันเสาร์
เราเดินทางถึงโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติมุมไบสายกว่ากำหนดการร่วมๆชั่วโมงเพราะเครื่องบินดีเลย์ ดังนั้นเราจึงไม่รอเช็คอินห้องพักถึงแม้นจะมีห้องว่าง แค่ดรอปกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเข้ามุมไบซึ่งต้องใช้เวลาในเดินทางอีกหนึ่งชั่วโมงในทันที
เนื่องด้วยทริปนี้ข้าพเจ้าให้สหายลูกพระอาทิตย์เป็นคนวางแผนการเดินทางทั้งหมดรวมถึงสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวชมด้วย ข้าพเจ้าจึงไม่ได้วางแผนหรือศึกษาอะไรเป็นพิเศษ ข้าพเจ้าทราบเพียงว่าถ้ามามุมไบ สถานที่ที่ข้าพเจ้าอยากไปมากที่สุดคือวิคตอเรียเทอร์มินัส สถานีรถไฟอันเลื่องชื่อของมหานคนมุมไบและอินเดีย ถึงแม้นว่าข้าพเจ้ามิได้เป็นผู้วางแผนแต่ข้าพเจ้าไม่ลืมที่จะถามกำหนดการคร่าว ๆ จากสหายลูกพระอาทิตย์ถึงสถานที่ที่เราจะไป เพื่อให้แน่ใจว่าอย่างน้อยที่สุดข้าพเจ้าจะได้ไปเดินฝ่าฝูงชนคนภารตะที่วิคตอเรียเทอร์มินัส
ข้าพเจ้า: บ่ายนี้เรามีแผนที่จะไปไหนบ้าง
สหายลูกพระอาทิตย์หยิบหนังสือไกด์บุ๊คเล่มหนาภาษาญี่ปุ่นขี้นมาเปิดอ่านพร้อมเล่าขานสถานที่ที่เราจักไป
สหายชาวอาทิตย์อุทัย: บ่ายนี้เราจะไปเริ่มต้นที่Gateway of India แล้วเดินข้ามถนนมาจิบน้าชายามบ่ายที่ Taj Hotel เสร็จแล้วก็ไปต่อที่วิคตอเรียเทอร์มินัส จากนั้นเราจะเดินกลับไปที่ Gateway of India อีกทีเพื่อจะไปขึ้นเรือมุ่งหน้าไปยัง ถ้ำ Elephanta ถ้ำลักษณะเดียวกับที่ Ajanta และ Ellora ที่เราจะไปกันวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ ยูโอเคตามแผนนี้มั้ย นี่ไอลอกมาจากไกด์บุ๊คการเดินทางสไตล์หรูหราลักซ์ชัวรี่แบบฉบับของชาวญี่ปุ่นเลยนะ
ข้าพเจ้านึกในใจ "จะไปทำไมวะถ้ำ Elephanta ไม่เคยได้ยินว่านักท่องเที่ยวเขาจะไปกันเมื่อมาเยือนมุมไบ ซึ่งก็แสดงว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ" แต่เพื่อรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เราควรหุบปากแล้วทำตามแผนที่เขาวางไว้
ข้าพเจ้า: ไอโอเค ไม่มีปัญหาขอแค่ได้ไปวิคตอเรียเทอร์มินัส ไอก็พอใจแล้ว ว่าแต่ว่า Taj Hotel เริ่มเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีตอนกี่โมง ไอเริ่มหิวแล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: ไอ ด้อนท์ โน้ว ขอเช็คในคู่มือแพร้บ
สหายชาวอาทิตย์อุทัยหยิบหนังสือไกด์บุ๊คเล่มหนาขึ้นมาอีกคราแล้วพลิกไปมาเพื่อควานหาข้อมูล
สหายลูกพระอาทิตย์: ตามตำราเขาบอกว่าบ่ายสามโมงครึ่ง พร้อมกวาดสายตาที่คู่มือการเดินทางอีกชั่วอึดใจ.....
สหายลูกพระอาทิตย์: โอ้โน โอ้โนวววว.....เรือเที่ยวสุดท้ายที่จะไปถ้ำ Elephanta จะออกจากท่าเรือที่ Gateway of India ตอนบ่ายสามโมง!!!
ข้าพเจ้ายิ้มในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า..... "โอกาสจะยกเลิกการไปถ้ำ Elephanta มาถึงแล้ว"
ข้าพเจ้า: โอ้โน!!! (แสร้งทำเสียงและแววตาตกใจเป็นที่สุด) เราต้องทำยังไงดี ยกเลิกการไปถ้ำดีมั้ย เพราะยังไง ๆ เราก็จะไปถ้ำ Ajanta กับ Ellora อยู่แล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: โนๆๆๆๆ เราต้องไปถ้ำ Elephanta ส่วนจิบน้ำชาเอาไว้ไปจิบที่อื่นวันหลังก็ได้
ข้าพเจ้า: โอเค (แต่ในใจ...ม่ายอยากปายยย.... ถ้ำ และยังคงต้องหุบปากแล้วทำตามแผนของสหายชาวอาทิตย์อุทัยเพราะเราเองเป็นผู้ที่ให้เขาเป็นคนวางแผนทุกอย่าง)
ข้าพเจ้า: เราควรหาอะไรกินก่อนขึ้นเรือนะ ตอนนี้ก็ใกล้บ่ายสองแล้ว
สหายลูกพระอาทิตย์: ไอเห็นด้วย ในตำราเขาบอกว่าแถว Gateway of India มีร้านอาหารดีๆให้เลือกเยอะ เราไปเดินดูร้านตามที่หนังสือบอกไว้แล้วเลือกว่าอยากกินอะไรกัน
ข้าพเจ้านึกในใจ "คู่มือท่องเที่ยวที่เขียนโดยคนญี่ปุ่นนี่มันช่างละเอียดดีจริง ๆ บอกมันทุกอย่างจริง ๆ"
เรามาจบที่คาเฟ่เล็กๆที่ดูฮิป ๆ และคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ไม่ได้อยู่ในไกด์บุ๊ค อาหารที่นี่อร่อยตามแบบฉบับฟิวชั่นและราคาไม่แพง หลังรับประทานอาหารแบบ late lunch ก็ได้เวลาเดินกลับไปขึ้นเรือที่ Gateway of India
เรือจะออกจากท่าทุก ๆ ห้า สิบ หรือ สิบห้านาทีแล้วแต่ว่าผู้โดยสารจะเต็มลำเมื่อใด ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่ข้าพเจ้าคาดไว้ คืออินเดีย อินเดียอินเดียและอินเดีย อาจมีผิดคาดนิดหน่อยที่ไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเลยสักคนยกเว้นสหายของข้าพเจ้า ทั้ง ๆ ที่ถ้ำ Elephanta ก็เป็นสถานที่แนะนำในไกด์บุ๊คที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อชาวญี่ปุ่น สงสัยคู่มือเล่มนี้จะขายไม่ค่อยออกเป็นแน่แท้
เราใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการโดยสารด้วยเรือแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ มายังถ้ำ เอาจริง ๆ สำหรับข้าพเจ้าถ้ำ Elephanta ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อยถึงแม้นว่าจะไม่ใหญ่โตหรือวิจิตรงามอะไรนักเมื่อเทียบกับถ้า Ajanta หรือ Ellora แต่ถ้าใครจะไปเยือนมุมไบ มีเวลาเหลือและไม่คิดจะไปชมถ้ำ Ajanta หรือ Ellora ถ้ำElephanta ก็เป็นอีกสถานที่ที่ข้าพเจ้าแนะนำ
เมื่อนั่งเรือไป ดังนั้นแน่นอนเราต้องนั่งเรือกลับและแน่นอนอีกเช่นกัน เราใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงบนเรือที่แล่นแบบเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ แต่ที่ต่างจากขาไปคือ ขากลับนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวเต็มลำเรือแล้วก็ยังมีคนขายอาหารนกชาวอินเดียร่วมเดินทางกับเราด้วย และเมื่อมีคนขายอาหารนกดังนั้นมันก็ต้องมีฝูงนกมาบินรอบลำเรือ เมื่อฝูงนกเริ่มบินวนรอบลำเรือ นักท่องเที่ยวคนที่หนึ่งก็ซื้ออาหารนก ชูอาหารขึ้นเหนือศีรษะแล้วนกนางนวลก็โฉบมาจิกอาหารจากมือนักท่องเที่ยวคนนั้นด้วยท่วงท่าสวยงามสง่า โฉบเฉี่ยว เฉกเช่นถูกฝึกมาอย่างดีทั้งผู้ให้อาหารและรับอาหาร เมื่อนักท่องเที่ยวคนที่หนึ่งได้สร้างภาพอันแสนประทับใจมีหรือที่นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ จะไม่ทำตาม ทุกคนกรูไปที่คนขายอาหารนกที่ดูเหมือนจะกักตุนสินค้าเพื่อจะได้มีขายแบบไม่จำกัดจำนวน อืม... หรือเจ้าฝูงนางนวล เจ้าจะเป็นหนึ่งในพนักงานบริษัทผลิตอาหารนก
เรากลับมาถึง Gateway of India ตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทีพร้อมกับท้องที่เริ่มร้องหิว เราเลือกที่จะรับประทานอาหารเย็นกันที่ Taj Hotel เพราะไหนๆมาถึงมุมไบแล้วก็ไม่ควรพลาดการได้ใช้บริการของ Taj Hotel ถึงแม้นว่าเราจะพลาดการจิบน้ำชายามบ่ายที่นี่ ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำหรับการจิบชายามบ่ายแบบผู้ดีอังกฤษซึ่งก็คืออดีตเจ้าอาณานิคมที่นำวัฒนธรรมอาฟเตอร์นูนทีมาสู่ภูมิภาคตะวันออกไกล การได้นั่งจิบไวน์พร้อมอาหารเย็นที่ Taj Hotel โรงแรมหรูหราคู่มหานครมุมไบก็ถือว่าพอจะทดแทนกันได้บ้าง
เรานั่งจิบไวน์และอาหารเย็นกันแบบคุ้มค่าราคาไวน์และอาหารกันกว่าสองชั่วโมง พร้อมกับคุยกันเรื่องแผนการเดินทางไป Aurangabad เพื่อไปชมถ้ำAjanta ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเราต้องออกจากโรงแรมที่เราพักไม่เกินตีสี่เพื่อที่จะไปถึงสนามบินตอนตีสี่สิบห้า
ข้าพเจ้า: สามทุ่มแล้ว เช็คบิลมั้ย พรุ่งนี้เราต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปสนามบิน
สหายลูกพระอาทิตย์: จริงด้วย ๆ เราควรกลับโรงแรมได้แล้ว เดี๋ยวตื่นไม่ทัน
ข้าพเจ้า: เดี๋ยวไอจัดการค่าอาหารที่นี่ ส่วนยูไปจัดการเรียกแท็กซี่แล้วกัน อย่าลืมบอกคนขับให้แวะไปวิคตอเรียเทอร์มินัสก่อนกลับโรงแรมนะ
สหายลูกพระอาทิตย์: โอเค
หลังจากข้าพเจ้าจัดการค่าเสียหายจากไวน์และอาหารค่ำ ข้าพเจ้าก็เดินไปด้านหน้าโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่ที่สหายชาวอาทิตย์อุทัยได้จัดแจงบอกจุดหมายปลายทางพร้อมต่อรองราคาไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องต่อรองราคาข้าพเจ้ามักจะยกให้เป็นหน้าที่ของสหายชาวอาทิตย์อุทัย เพราะจากประสบการณ์ที่เป็นเพื่อนกันมา สหายของข้าพเจ้ามักจะต่อราคาจนได้ราคาที่ดีกว่าราคาที่ข้าพเจ้าคิดไว้ประมาณสิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์เสมอ จนบางทีข้าพเจ้าคิดว่าเราอาจจะโดนพ่อค้าแม่ขายฆ่าตายคาแผงเข้าสักวัน
เรานั่งแท็กซี่ออกจาก Taj Hotel เพื่อมุ่งหน้าไปวิคตอเรียเทอร์มินัสที่อยู่ไม่ไกลจาก Taj Hotel ก่อนจะกลับโรงแรมที่พัก ข้าพเจ้าเห็นวิคตอเรียเทอร์มินัสที่ใหญ่โตและงดงามที่หยอกล้อกับแสงไฟในยามค่ำคืนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ถึงแม้นจะค่ำแล้วแต่ถนนแถวสถานีรถไฟในคืนวันเสาร์ก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ ผู้คนทั้งชาวอินเดียที่จะใช้รถไฟเพื่อเดินทางไปยังส่วนต่างๆของประเทศและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานีรถไฟแห่งนี้....... อีกอึดใจข้าพเจ้าจะได้ลงไปเดินกระทบไหล่ฝูงชนคนอินเดียพร้อมถ่ายถาพสถานีรถไฟตามที่ฝันไว้แล้ว
รถแท็กซี่ขับผ่านหน้าวิคตอเรียเทอร์มินัสไปอย่างเชื่องช้าเพราะรถราและฝูงชนด้านหน้าสถานี แท็กซี่ขับผ่านวิคตอเรียเทอร์มินัสไปสักพักแต่ไม่มีทีท่าว่าจะจอดหรือหาที่จอดเพื่อจะให้เราแวะลงไปถ่ายรูป เมื่อเห็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงถามคนขับว่า
ข้าพเจ้า: ยูกำลังหาที่จอดรถเหรอ ไอเห็นที่จอดว่างตั้งหลายที่แต่ไม่เห็นยูจะจอดเลย
คนขับแท็กซี่: จอดรถ? จอดทำไม?
ข้าพเจ้า: อ้าว ก็จอดแวะให้เราลงไปเดินที่วิคตอเรียเทอร์มินัสก่อนจะกลับโรงแรมไง!!
คนขับแท็กซี่: โอ้นายจ๋า ราคาที่เพื่อนยูจ่ายมา ไอขับผ่านวิคตอเรียเทอร์มินัสให้ยูสองคนได้เห็น ได้สูดกลิ่น ก็บุญโขแล้วนะนายจ๋านาย
อินเดียบทที่หนึ่ง..... อย่าไว้ใจแขก อย่าไว้ใจสหายลูกพระอาทิตย์..... ของถูกและดีไม่มีในโลก
To be continued.....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้