วันนี้ได้ฤกษ์ดีที่ผมจะมาเริ่มเขียนเกี่ยวกับชีวิตเกือบปีที่ผ่านมาที่อิตาลี
ผมมาเริ่มงานเป็นนักวิจัยที่อิตาลีได้เมื่อประมาณกันยายนที่แล้วครับ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมาเล่าชีวิตที่นี่ให้ทุกคนได้อ่านกัน แต่ไป ๆ มา ๆ ด้วยงานและอะไรอีกหลาย ๆ อย่างก็เลยไม่ได้เริ่มสักที จนรู้ตัวอีกทีก็อยู่มาจะครบปีซะแล้ว (เบียร์ก็ต้องกิน ปาร์ตี้ก็ต้องไป จะเอาเวลาที่ไหนมาเขียนกระทู้กัน)
ช่วงนี้พอมีเวลาหน่อยเพราะเป็นช่วงซัมเมอร์ที่ไม่มีใครเขาทำงานกัน ประกอบกับผมเพิ่งไปออกทริปกับเพื่อนมาก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับทุกคนครับ แล้วถ้าไม่ขี้เกียจจนเกินไปเดี๋ยวจะมาเล่าบางช่วงบางตอนของหนึ่งปีที่ผ่านมาด้วยครับ
อย่างที่เกริ่นไปว่าผมมาทำงานอยู่ที่อิตาลี โดยเมืองที่ผมมาอยู่คือ Genova (เจโนวา) หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Genoa (เจนัว)
เจนัวเป็นเมืองหลวงของแคว้น Liguria ครับ อยู่ติดชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี เอาจริง ๆ เจนัวเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่แออัด มีความคล้ายกับกรุงเทพ ฯ ในหลาย ๆ มุมเช่นเรื่องความสะอาด การจราจร เดี๋ยวไว้จะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อ ๆ ไปครับ
ทีนี้ด้วยความที่สิงหาเป็นเดือนพีคของหน้าร้อนของยุโรปและเป็นเดือนที่เราสามารถลาพักผ่อนได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์โดยที่หัวหน้าไม่ว่าอะไร ผมกับเพื่อนที่ทำงานเลยแพลนทริปไป hiking กันครับ
hiking ในที่นี้ผมไม่รู้จะใช้คำไทยว่าอะไรเพราะว่าจะเรียกเดินป่าก็ไม่ใช่ ปีนเขาก็ไม่เชิง จะออกแนวเดินทางไกลซะมากกว่า
สำหรับทริปนี้ไปกันทั้งหมด 9 คนครับโดยจุดปลายทางคือหุบเขาที่เรียกว่า Valle d'Aosta (อ่านรวบคำเป็น วัลดอสตา) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่กั้นชายแดนระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศสครับ เส้นทางที่จะเดินกันคือส่วนหนึ่งของทาง Alta Via number 2 เริ่มต้นจากเมือง Courmayeur ครับ
แพลนเดินทางคร่าว ๆ จะเป็นตามนี้ครับ
Day 1
- Bus Genoa-Aosta
- Bus Aosta-Courmayeur
- เดิน Courmayeur-Rifugio Elisabetta, นอนเต็นท์
Day 2
- เดิน Rifugio Elisabetta-Col des Chavannes-La Joux
- นอนเต็นท์
Day 3
- เดิน La Joux-Passo Alto-Bivacco Zappelli
- นอนที่ Bivacco Zappelli
Day 4
- เดิน Bivacco Zappelli-Col de la Crosatie-Baracques du Fond
- นอนเต็นท์
Day 5
- เดิน Baracques du Fond-Arvier
- Bus Arvier-Aosta
- Bus Aosta-Genoa
สำหรับใครที่สนใจการ hike ผมจะลงแผนแต่ละวันไว้ด้วยครับ
Day 1: Courmayeur-Rifugio Elisabetta
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันแรกเราเริ่มต้นตั้งแต่ตีสามด้วยการนั่ง Flixbus จาก Genoa ไป Aosta ใช้เวลาห้าชั่วโมง ก็หลับเติมพลังกันไปบนรถ
ด้วยความเลทของรสบัส+ความงงว่าจุดขึ้นรถต่อไปยัง Courmayeur อยู่ตรงไหนทำให้เราตกรถครับ เลยต้องรอเกือบชั่วโมงหนึ่งเพื่อขึ้นรถรอบถัดไป ระหว่างนี้เลยมีเวลาสำหรับอาหารเช้า (กาแฟ+ครัวซอง) แล้วก็เดินดูเมือง Aosta นิดหน่อย
Aosta เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขา
ระหว่างรอรถไป Courmayeur

วิวจากรถบัสไป Courmayeur เป้าหมายของเราคือภูเขาหิมะที่เห็นอยู่ไกล ๆ ครับ เส้นทางเดินนี้จะพาเราเดินผ่านหน้า Monte Bianco หรือสายท่องเที่ยวยุโรปน่าจะรู้จักในชื่อฝรั่งเศสคือ Mont Blanc ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป สูงขนาดที่ในช่วงพีคของหน้าร้อนยังมีหิมะอยู่เลย
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ถึง Courmayeur ครับ ทีนี้ตามแพลนเดิมคือเราจะเดินจากในเมืองนี้เลย แต่ด้วยความที่เราเริ่มต้นสายเลยตัดสินใจนั่งกระเช้าเพื่อย่นเวลาเดินช่วงแรกไปซะหน่อย
กระเช้าพาเราขึ้นจาก Courmayeur ไปถึง Maison Vieille ครับจากนั้นก็เริ่มเดินกันเลย
จุดเริ่มต้น
เดินเลาะไปเรื่อย ๆ มี Monte Bianco เป็นเพื่อน

วันนั้นเป็นวันที่แดดดีมากครับ อากาศร้อนใช้ได้เลย เพื่อนก็จะทรมานหน่อย ๆ ไม่รู้ทำไมแต่คนยุโรปดูจะไม่มียีนส์ทนอากาศร้อนกันซะเลย ส่วนเรานี่หรอ สบายมากครับ
ระหว่างทางเจอฝูงวัวเป็นระยะ ๆ
วันแรกร่างกายยังไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่ก็จะแวะพักถี่สักหน่อย
เดินมาได้สักพักจนประมาณบ่ายโมงเกือบบ่ายสอง ร่างกายก็เรียกร้องอาหารกลางวันกันแล้ว
ทริปนี้เราแพลนกันมาว่าจะทำอาหารทานเองกันซะเป็นส่วนใหญ่ครับ ยกเว้นบางมื้อที่จะไปแวะพักตามเมืองที่เดินผ่าน หรือตาม Rifugio ที่เป็นเหมือน Guesthouse สำหรับนักเดินทาง
สำหรับมื้อที่ทำเองก็จะเป็นอาหารง่าย ๆ เช่นพาสต้าหรือ Couscous เรื่องน้ำหนักก็เฉลี่ย ๆ กันไปครับ บางคนแบกเต็นท์ บางคนแบกอาหาร บางคนแบกเตาแก๊ส
อย่างมื้อแรกนี้เป็นพาสต้าจิ๋ว+pancetta+ซอสมะเขือเทศ
หลังจากเติมพลัง เก็บข้าวของล้างเครื่องกินทั้งหลายแล้ว (ใช้น้ำยาล้างจานแบบ biological) ก็ได้เวลาเดินต่อครับ
จุดที่เราแวะทานข้าวกันคือจุดที่เกือบจะถึง Arp Vieille Sup. ตามแผนที่ อีกไม่ไกลมากก็จะถึง Elisabetta ตามเป้าแล้ว
วิวช่วงหลังนี้อย่างกับภาพวาด

ทางเดินวันแรกนี้ไม่ยากมากครับ ประมาณสักหกโมงเย็นเราก็ถึง Rifugio Elisabetta ถือว่าทำเวลาได้ตามที่วางไว้เลย
แต่ที่ไม่เป็นไปตามแผนคือเรากะว่าจะมาทานข้าวเย็นที่ Rifugio นี้ครับแต่ด้วยความที่ชะล่าใจว่าเขาน่าจะมีที่ให้เลยไม่ได้จองมา ปรากฏว่าห้องอาหารเต็ม!!
แต่ที่สองคือ อากาศเริ่มหนาวแล้วครับ ด้วยจุดที่อยู่นี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2.2 km ซึ่งก็สูงกว่ายอดดอยหลวงเชียงดาว แถมยังเป็นหุบเขาด้วยลมที่พัดมาก็เลยแรงมาก ๆ เราเลยขอให้ทาง Rifugio ทำแซนด์วิชง่าย ๆ ให้ครับ แต่ละคนรีบกินพร้อมเบียร์คนละขวด จากนั้นก็เดินลงไปที่ราบด้านล่างเพื่อหาที่กางเต็นท์หลบลมกัน
แสงสุดท้ายตรงจุดกางเต็นท์ กระท่อมที่เห็นด้วยบนคือ Rifugio Elisabetta ที่มีที่นอนอุ่น ๆ เบียร์เย็น ๆ :'(
ด้วยความที่อากาศหนาวมากพวกเราเลยได้แต่รีบกางเต็นท์แล้วก็เตรียมตัวเข้านอนกันเลย เป็นอันจบวันแรกที่ไม่โหดมาก แต่ว่าพรุ่งนี้แหละจะเริ่มเจอของจริงกันแล้ว
Distance: 11 km
Elevation: 1956 m --> 2168 m
อิตาลี(เกือบ)ปีถ้วน EP1: ปีน Alps หน้าร้อน ณ Valle d'Aosta
ผมมาเริ่มงานเป็นนักวิจัยที่อิตาลีได้เมื่อประมาณกันยายนที่แล้วครับ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมาเล่าชีวิตที่นี่ให้ทุกคนได้อ่านกัน แต่ไป ๆ มา ๆ ด้วยงานและอะไรอีกหลาย ๆ อย่างก็เลยไม่ได้เริ่มสักที จนรู้ตัวอีกทีก็อยู่มาจะครบปีซะแล้ว (เบียร์ก็ต้องกิน ปาร์ตี้ก็ต้องไป จะเอาเวลาที่ไหนมาเขียนกระทู้กัน)
ช่วงนี้พอมีเวลาหน่อยเพราะเป็นช่วงซัมเมอร์ที่ไม่มีใครเขาทำงานกัน ประกอบกับผมเพิ่งไปออกทริปกับเพื่อนมาก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับทุกคนครับ แล้วถ้าไม่ขี้เกียจจนเกินไปเดี๋ยวจะมาเล่าบางช่วงบางตอนของหนึ่งปีที่ผ่านมาด้วยครับ
อย่างที่เกริ่นไปว่าผมมาทำงานอยู่ที่อิตาลี โดยเมืองที่ผมมาอยู่คือ Genova (เจโนวา) หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Genoa (เจนัว)
เจนัวเป็นเมืองหลวงของแคว้น Liguria ครับ อยู่ติดชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี เอาจริง ๆ เจนัวเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่แออัด มีความคล้ายกับกรุงเทพ ฯ ในหลาย ๆ มุมเช่นเรื่องความสะอาด การจราจร เดี๋ยวไว้จะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อ ๆ ไปครับ
ทีนี้ด้วยความที่สิงหาเป็นเดือนพีคของหน้าร้อนของยุโรปและเป็นเดือนที่เราสามารถลาพักผ่อนได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์โดยที่หัวหน้าไม่ว่าอะไร ผมกับเพื่อนที่ทำงานเลยแพลนทริปไป hiking กันครับ
hiking ในที่นี้ผมไม่รู้จะใช้คำไทยว่าอะไรเพราะว่าจะเรียกเดินป่าก็ไม่ใช่ ปีนเขาก็ไม่เชิง จะออกแนวเดินทางไกลซะมากกว่า
สำหรับทริปนี้ไปกันทั้งหมด 9 คนครับโดยจุดปลายทางคือหุบเขาที่เรียกว่า Valle d'Aosta (อ่านรวบคำเป็น วัลดอสตา) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ที่กั้นชายแดนระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศสครับ เส้นทางที่จะเดินกันคือส่วนหนึ่งของทาง Alta Via number 2 เริ่มต้นจากเมือง Courmayeur ครับ
แพลนเดินทางคร่าว ๆ จะเป็นตามนี้ครับ
Day 1
- Bus Genoa-Aosta
- Bus Aosta-Courmayeur
- เดิน Courmayeur-Rifugio Elisabetta, นอนเต็นท์
Day 2
- เดิน Rifugio Elisabetta-Col des Chavannes-La Joux
- นอนเต็นท์
Day 3
- เดิน La Joux-Passo Alto-Bivacco Zappelli
- นอนที่ Bivacco Zappelli
Day 4
- เดิน Bivacco Zappelli-Col de la Crosatie-Baracques du Fond
- นอนเต็นท์
Day 5
- เดิน Baracques du Fond-Arvier
- Bus Arvier-Aosta
- Bus Aosta-Genoa
สำหรับใครที่สนใจการ hike ผมจะลงแผนแต่ละวันไว้ด้วยครับ
Day 1: Courmayeur-Rifugio Elisabetta
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันแรกเราเริ่มต้นตั้งแต่ตีสามด้วยการนั่ง Flixbus จาก Genoa ไป Aosta ใช้เวลาห้าชั่วโมง ก็หลับเติมพลังกันไปบนรถ
ด้วยความเลทของรสบัส+ความงงว่าจุดขึ้นรถต่อไปยัง Courmayeur อยู่ตรงไหนทำให้เราตกรถครับ เลยต้องรอเกือบชั่วโมงหนึ่งเพื่อขึ้นรถรอบถัดไป ระหว่างนี้เลยมีเวลาสำหรับอาหารเช้า (กาแฟ+ครัวซอง) แล้วก็เดินดูเมือง Aosta นิดหน่อย
Aosta เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขา
ระหว่างรอรถไป Courmayeur
วิวจากรถบัสไป Courmayeur เป้าหมายของเราคือภูเขาหิมะที่เห็นอยู่ไกล ๆ ครับ เส้นทางเดินนี้จะพาเราเดินผ่านหน้า Monte Bianco หรือสายท่องเที่ยวยุโรปน่าจะรู้จักในชื่อฝรั่งเศสคือ Mont Blanc ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป สูงขนาดที่ในช่วงพีคของหน้าร้อนยังมีหิมะอยู่เลย
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ถึง Courmayeur ครับ ทีนี้ตามแพลนเดิมคือเราจะเดินจากในเมืองนี้เลย แต่ด้วยความที่เราเริ่มต้นสายเลยตัดสินใจนั่งกระเช้าเพื่อย่นเวลาเดินช่วงแรกไปซะหน่อย
กระเช้าพาเราขึ้นจาก Courmayeur ไปถึง Maison Vieille ครับจากนั้นก็เริ่มเดินกันเลย
จุดเริ่มต้น
เดินเลาะไปเรื่อย ๆ มี Monte Bianco เป็นเพื่อน
วันนั้นเป็นวันที่แดดดีมากครับ อากาศร้อนใช้ได้เลย เพื่อนก็จะทรมานหน่อย ๆ ไม่รู้ทำไมแต่คนยุโรปดูจะไม่มียีนส์ทนอากาศร้อนกันซะเลย ส่วนเรานี่หรอ สบายมากครับ
ระหว่างทางเจอฝูงวัวเป็นระยะ ๆ
วันแรกร่างกายยังไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่ก็จะแวะพักถี่สักหน่อย
เดินมาได้สักพักจนประมาณบ่ายโมงเกือบบ่ายสอง ร่างกายก็เรียกร้องอาหารกลางวันกันแล้ว
ทริปนี้เราแพลนกันมาว่าจะทำอาหารทานเองกันซะเป็นส่วนใหญ่ครับ ยกเว้นบางมื้อที่จะไปแวะพักตามเมืองที่เดินผ่าน หรือตาม Rifugio ที่เป็นเหมือน Guesthouse สำหรับนักเดินทาง
สำหรับมื้อที่ทำเองก็จะเป็นอาหารง่าย ๆ เช่นพาสต้าหรือ Couscous เรื่องน้ำหนักก็เฉลี่ย ๆ กันไปครับ บางคนแบกเต็นท์ บางคนแบกอาหาร บางคนแบกเตาแก๊ส
อย่างมื้อแรกนี้เป็นพาสต้าจิ๋ว+pancetta+ซอสมะเขือเทศ
หลังจากเติมพลัง เก็บข้าวของล้างเครื่องกินทั้งหลายแล้ว (ใช้น้ำยาล้างจานแบบ biological) ก็ได้เวลาเดินต่อครับ
จุดที่เราแวะทานข้าวกันคือจุดที่เกือบจะถึง Arp Vieille Sup. ตามแผนที่ อีกไม่ไกลมากก็จะถึง Elisabetta ตามเป้าแล้ว
วิวช่วงหลังนี้อย่างกับภาพวาด
ทางเดินวันแรกนี้ไม่ยากมากครับ ประมาณสักหกโมงเย็นเราก็ถึง Rifugio Elisabetta ถือว่าทำเวลาได้ตามที่วางไว้เลย
แต่ที่ไม่เป็นไปตามแผนคือเรากะว่าจะมาทานข้าวเย็นที่ Rifugio นี้ครับแต่ด้วยความที่ชะล่าใจว่าเขาน่าจะมีที่ให้เลยไม่ได้จองมา ปรากฏว่าห้องอาหารเต็ม!!
แต่ที่สองคือ อากาศเริ่มหนาวแล้วครับ ด้วยจุดที่อยู่นี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2.2 km ซึ่งก็สูงกว่ายอดดอยหลวงเชียงดาว แถมยังเป็นหุบเขาด้วยลมที่พัดมาก็เลยแรงมาก ๆ เราเลยขอให้ทาง Rifugio ทำแซนด์วิชง่าย ๆ ให้ครับ แต่ละคนรีบกินพร้อมเบียร์คนละขวด จากนั้นก็เดินลงไปที่ราบด้านล่างเพื่อหาที่กางเต็นท์หลบลมกัน
แสงสุดท้ายตรงจุดกางเต็นท์ กระท่อมที่เห็นด้วยบนคือ Rifugio Elisabetta ที่มีที่นอนอุ่น ๆ เบียร์เย็น ๆ :'(
ด้วยความที่อากาศหนาวมากพวกเราเลยได้แต่รีบกางเต็นท์แล้วก็เตรียมตัวเข้านอนกันเลย เป็นอันจบวันแรกที่ไม่โหดมาก แต่ว่าพรุ่งนี้แหละจะเริ่มเจอของจริงกันแล้ว
Distance: 11 km
Elevation: 1956 m --> 2168 m