ศิธา ถามแรงเพื่อไทย จะเอาคนที่ตัวเอง ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาร่วมครม.จริงๆหรือ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4136368
ศิธา ถามแรงเพื่อไทย จะเอาคนที่ตัวเอง เคยอภิปรายไว้วางใจ มาร่วมครม.ด้วยจริงๆหรือ?
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม น.ต.
ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อเขียนถึงการจัดตั้งรัฐบาล ที่มี พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ โดยระบุว่า
เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล66 ดูดี เป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้ และ เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลขั้วผสม มีมาตรฐานสูงกว่า ครม.ลุงตู่ 9 ปีที่ผ่านมา
อยากฝากสื่อมวลชน ตั้งคำถามไปยัง พรรคเพื่อไทย แกนนำในการจัดตั้งฯ ว่า หากพรรคร่วมฯ ส่งรายชื่อบุคคลที่เคยโดนเพื่อไทย อภิปรายถึงการบริหารงานล้มเหลว และเคยกล่าวหาถึงการทุจริตคอรัปชั่นของบุคคลดังกล่าวมาก่อน
พรรคเพื่อไทย จะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้มาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเดียวกัน หรือไม่? และจะแก้ข้อกล่าวหา ที่ตนเองเคยอภิปราย บุคคลดังกล่าวเอาไว้ อย่างไร?
https://www.facebook.com/Sitadivari/posts/pfbid0ZUCuHZQrK4XVVa4kVMKnS54p5BqzbDqicLkCMFkTBLRVJ5arRRVhMroKaS5F2P5jl
‘ปดิพัทธ์’ แจงชัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา 370 คนใช้งบรับรองแขก ชี้เป็นแขกรองประธานสภา
https://www.dailynews.co.th/news/2637742/
‘ปดิพัทธ์’ แจงชัด จัดปาร์ตี้หมูกระทะแม่บ้านสภา 370 คน ใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภา ได้มาปีละ 2 ล้าน ระบุ อยากขอบคุณคนที่ทำงานให้ ย้อนนักการเมืองไปกินข้าวกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่การหาพวกหรือ.
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา แม่บ้านของอาคารรัฐสภา ทยอยมาที่ร้าน Factory หมูกระทะ ย่านบางโพ บางกลุ่มมารถจักรยานยนต์ บางกลุ่มมารถเมล์ เพื่อร่วมรับประทานหมูกระทะบุฟเฟ่ต์ หลังนาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จัดเลี้ยงรับรอง ในราคาหัวละ 269 บาท
โดยแม่บ้านทุกคน จะได้รับคูปอง เขียนว่า Gift Voucher และมีชื่อของนาย
ปดิพัทธ์ พิมพ์กำกับไว้ในคูปองด้วย เพื่อนำมาแสดงก่อนเข้าร้านด้วย จากการสอบถามแม่บ้านสภาที่มา ได้ระบุว่าได้รับแจกคูปองเมื่อช่วงเย็น ก่อนจะเดินทางมา
จากนั้น นาย
ปดิพัทธ์ เดินทางมาถึงในเวลา 17.50 น. พร้อมกับ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งมีทีมงานรอรับอยู่ที่ร้าน โดยนายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเลี้ยงครั้งนี้ว่า จากการที่มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเกี่ยวข้องกับการดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ ประชาชน และสื่อมวลชน จึงเห็นว่ากลุ่มคนที่เราหลงลืมมากที่สุดคือแม่บ้าน ซึ่งมีแม่บ้านเฉพาะฝั่ง สส. 370 คน มีทั้งแบบจ้างเหมา ประจำ และอัตราจ้าง พูดคุยกัน และแทนที่จะนั่งประชุมพูดคุยกันเครียดๆ ก็เปลี่ยนมานั่งกินหมูกระทะดีกว่า รวมถึงหลายคนที่หมดสัญญาจ้างด้วย จะได้มาพูดคุยหารือ
เมื่อถามว่าประเด็นที่จะหารือแลกเปลี่ยนกับกลุ่มแม่บ้านในวันนี้ นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวว่า คงจะเป็นบรรยากาศที่สบายๆ เขาอยากเล่าอะไรก็เล่า และเราจะได้รู้จักด้วยว่า กลุ่มแม่บ้านในสภามีกี่กลุ่ม ส่วนจะเป็นการเลี้ยงแม่บ้านนอกสถานที่ครั้งแรกหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้คิดอะไรเยอะ และไม่ได้มีการหารือกับใครก่อน เพราะเป็นงานของรองประธานสภาอยู่แล้ว และงบประมาณที่ใช้ก็เป็นงบรับรองที่เขาจัดสัดส่วนให้รองประธานสภา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้อะไรนอกจากใช้รับรองแขก ในการพาไปกินข้าวหรือที่ต่างๆ โดยกลุ่มแม่บ้านชุดนี้ ก็เป็นแขกของตนเช่นกัน
เมื่อถามว่ามีการตั้งคำถามว่า เป็นเหมือนการหาพวกในสภาหรือไม่ นาย
ปดิพัทธ์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “
อย่าคิดเยอะ ไม่อย่างนั้นทำไมนักการเมืองไปกินข้าวกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่การหาพวกหรือ ตนว่าเขาก็คือประชาชน หากจะบอกว่าสภาเป็นของประชาชน ประชาชนที่เราต้องไม่ลืมก็คือประชาชนที่ทำงานให้กับเรา ให้สภามันสะอาด ใหญ่ขนาดนี้ใครถูพื้น น้ำท่วมแล้วใครถู เพราะฉะนั้นคนบริการเรา เราต้องมีโอกาสที่จะขอบคุณเขา และฟังเสียงพวกเขาด้วย”
ส่วนเรื่องรัฐสภาโปร่งใส ขณะนี้ดำเนินการถึงไหนแล้วนั้น นาย
ปดิพัทธ์ ระบุว่า หากเป็น quick win แล้ว คือสถานการณ์ติดตามร่างกฏหมาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากถ้าทุกคนใช้คล่องแล้วก็จะเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของรัฐสภา ทุกคนสามารถเข้าเว็บไซต์ดูได้ และที่คาดว่าน่าจะเสร็จในสัปดาห์หน้า คือการเปิดเผยการลงมติในเว็บไซต์ของสภา และหากพัฒนาไปได้อีกจะไม่ได้มีแค่ประวัติของ สส. จะมีการอภิปรายการลงมติด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของ สส. ได้
เมื่อถามย้ำเรื่องของการนำงบประมาณที่นำมาใช้ในการเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้าน นาย
ปดิพัทธ์ ย้ำว่า ไม่มีงบส่วนตัว เป็นงบของรองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งในหนึ่งปี คาดว่ามีงบประมาณ 2 ล้านบาท ตนคงใช้ไม่หมด และไม่ทราบว่าในสมัยที่ผ่านมามีการใช้งบส่วนนี้เลี้ยงรับรองใครอย่างไร
เมื่อถามต่อว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจของรองประธานสภาคนที่ 1 ใช่หรือไม่ นาย
ปดิพัทธ์ ตอบว่า ใช่ งบรับรองไม่ได้มีแค่ตำแหน่งของตน เพราะตำแหน่งข้าราชการส่วนใหญ่ก็มี ศาลก็คงมี แต่พวกเราอาจจะไม่เคยรู้ ซึ่งหากอยากรู้ ก็เตรียมตัวพบกับงบประมาณโปร่งใสที่จะสามารถไปเปิดดูงบประมาณในการรับรองของข้าราชการระดับสูงใช้ไปเพื่ออะไรบ้าง
สำหรับแม่บ้านของสภาที่เดินทางมาในสันนี้ เป็นเพียงแม่บ้านที่ทำงานเฉพาะฝั่งของ สส.เท่านั้น
ซึ่งภายในร้าน นาย
ปดิพัทธ์ ก็ได้เดินทักทาย แม่บ้านสภาที่มารับประทานหมูกระทะอย่างเป็นกันเอง
ด้านนาง
อมรัตน์ โพสต์ภาพบรรยากาศการรับประทานหมูกะทะพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
Nice time นัดสำคัญค่ำนี้กินหมูกะทะกับแม่บ้านรัฐสภาที่มีทั้งหมด 370 คน ดีใจที่ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน.
อ่วม! ปุ๋ยยูเรียขึ้นราคา 4% หลังอินเดียกว้านซื้อ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7821610
ร.ต.
จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาปุ๋ยเคมีว่าขณะนี้ราคาปุ๋ยเคมีภายในประเทศ โดยเฉพาะ แม่ปุ๋ยยูเรีย มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 30 บาท/กระสอบ หรือประมาณ 3.9% โดยราคาเฉลี่ยภาคกลางเมื่อช่วงต้นเดือนก.ค. 2566 อยู่ที่ 780 บาท/กระสอบ แต่ปัจจุบันปรับขึ้นมาอยู่ที่ 810 บาท/กระสอบ เนื่องจากราคาวัตถุดิบปุ๋ยในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นจากกรณีที่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้รายสำคัญของโลกได้เปิดประมูลนำเข้าแม่ปุ๋ย รวมทั้งราคาก๊าซธรรมชาติยังมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมปุ๋ยยูเรีย ในประเทศยังได้รับผลกระทบด้านราคาไม่มากนัก โดยราคาปุ๋ยยูเรียในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าราคาเฉลี่ยเมื่อช่วงกลางปีก่อนถึง 49% โดยช่วงกลางปี 2565 ราคาเคยขึ้นไปถึง 1,600 บาท/กระสอบ และราคามีแนวโน้มทรงตัวและอาจปรับลดลงได้ หากผ่านพ้นฤดูกาลใช้ปุ๋ย ราวๆ เดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้ราคาเข้าภาวะปกติ
“
การปรับขึ้นราคาครั้งนี้อาจจะปรับขึ้นไม่นาน เชื่อว่าระยะถัดไปจะทรงตัวและลดลงได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังมีน้อย โดยขณะนี้กรมกรมได้หารือ ผู้ผลิต และผู้นำเข้าปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง และได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาต่อไปเพื่อ ไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร รวมทั้งจับตาราคาจำหน่ายปลีก ให้สอดคล้องกับราคาหน้าโรงงาน และต้นทุนที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาแบบไม่เป็นธรรม”
นอกจากนี้ ยังประสานกับค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัด ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการจำหน่ายปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาสามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน 1569
ร.ต.
จักรา กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดชุดสายตรวจพิเศษ 84 ชุด ออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวม 24,711 แห่ง ว่า ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้ว 90% คาดว่าสัปดาห์หน้าจะครบ 100% โดยในช่วง 10 วันแรกของการออกตรวจ คือ ระหว่างวันที่ 8-17 ส.ค. 2566 ได้ตรวจสอบสถานีบริการ 1,542 แห่ง รวม 34,589 หัวจ่าย พบผิด 11 ราย รวม 63 หัวจ่าย กรณีพบผิดพบว่ามีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเกิน จำนวน 5 แห่ง รวม 7 หัวจ่าย กรมได้ทำการผูกบัตรห้ามใช้และสั่งให้ปรับปรุง และมีการสั่งดำเนินคดี สถานีบริการจำนวน 6 ราย รวม 56 หัวจ่าย เนื่องจากพบว่ามีการใช้หัวจ่ายโดยไม่มีคำรับรอง จำนวน 5 ราย และจ่ายน้ำมันขาด 1 ราย
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้สถานีบริการน้ำมันทดสอบมาตรวัดของตนเองเป็นประจำทุกเดือน และส่งรายงานผลการทดสอบให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันและสำนักงานชั่วตวงวัดแต่ละพื้นที่ ไม่เกินวันที่ 10 ของทุกเดือนรวมทั้งขอให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันดำเนินการลงโทษสถานีบริการที่ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น และพิจารณาบอกเลิกสัญญากับสถานีบริการด้วย โดยจะต้องแจ้งผลการดำเนินการมาให้กรมรับทราบด้วย
JJNY : ศิธาถามแรงเพื่อไทย│‘ปดิพัทธ์’แจงชัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา│อ่วม!ปุ๋ยยูเรียขึ้นราคา 4%│วิกฤตภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงนาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4136368
ศิธา ถามแรงเพื่อไทย จะเอาคนที่ตัวเอง เคยอภิปรายไว้วางใจ มาร่วมครม.ด้วยจริงๆหรือ?
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อเขียนถึงการจัดตั้งรัฐบาล ที่มี พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ โดยระบุว่า
เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล66 ดูดี เป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้ และ เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลขั้วผสม มีมาตรฐานสูงกว่า ครม.ลุงตู่ 9 ปีที่ผ่านมา
อยากฝากสื่อมวลชน ตั้งคำถามไปยัง พรรคเพื่อไทย แกนนำในการจัดตั้งฯ ว่า หากพรรคร่วมฯ ส่งรายชื่อบุคคลที่เคยโดนเพื่อไทย อภิปรายถึงการบริหารงานล้มเหลว และเคยกล่าวหาถึงการทุจริตคอรัปชั่นของบุคคลดังกล่าวมาก่อน
พรรคเพื่อไทย จะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้มาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเดียวกัน หรือไม่? และจะแก้ข้อกล่าวหา ที่ตนเองเคยอภิปราย บุคคลดังกล่าวเอาไว้ อย่างไร?
https://www.facebook.com/Sitadivari/posts/pfbid0ZUCuHZQrK4XVVa4kVMKnS54p5BqzbDqicLkCMFkTBLRVJ5arRRVhMroKaS5F2P5jl
‘ปดิพัทธ์’ แจงชัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา 370 คนใช้งบรับรองแขก ชี้เป็นแขกรองประธานสภา
https://www.dailynews.co.th/news/2637742/
‘ปดิพัทธ์’ แจงชัด จัดปาร์ตี้หมูกระทะแม่บ้านสภา 370 คน ใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภา ได้มาปีละ 2 ล้าน ระบุ อยากขอบคุณคนที่ทำงานให้ ย้อนนักการเมืองไปกินข้าวกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่การหาพวกหรือ.
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา แม่บ้านของอาคารรัฐสภา ทยอยมาที่ร้าน Factory หมูกระทะ ย่านบางโพ บางกลุ่มมารถจักรยานยนต์ บางกลุ่มมารถเมล์ เพื่อร่วมรับประทานหมูกระทะบุฟเฟ่ต์ หลังนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จัดเลี้ยงรับรอง ในราคาหัวละ 269 บาท
โดยแม่บ้านทุกคน จะได้รับคูปอง เขียนว่า Gift Voucher และมีชื่อของนายปดิพัทธ์ พิมพ์กำกับไว้ในคูปองด้วย เพื่อนำมาแสดงก่อนเข้าร้านด้วย จากการสอบถามแม่บ้านสภาที่มา ได้ระบุว่าได้รับแจกคูปองเมื่อช่วงเย็น ก่อนจะเดินทางมา
จากนั้น นายปดิพัทธ์ เดินทางมาถึงในเวลา 17.50 น. พร้อมกับ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งมีทีมงานรอรับอยู่ที่ร้าน โดยนายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเลี้ยงครั้งนี้ว่า จากการที่มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเกี่ยวข้องกับการดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ ประชาชน และสื่อมวลชน จึงเห็นว่ากลุ่มคนที่เราหลงลืมมากที่สุดคือแม่บ้าน ซึ่งมีแม่บ้านเฉพาะฝั่ง สส. 370 คน มีทั้งแบบจ้างเหมา ประจำ และอัตราจ้าง พูดคุยกัน และแทนที่จะนั่งประชุมพูดคุยกันเครียดๆ ก็เปลี่ยนมานั่งกินหมูกระทะดีกว่า รวมถึงหลายคนที่หมดสัญญาจ้างด้วย จะได้มาพูดคุยหารือ
เมื่อถามว่าประเด็นที่จะหารือแลกเปลี่ยนกับกลุ่มแม่บ้านในวันนี้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า คงจะเป็นบรรยากาศที่สบายๆ เขาอยากเล่าอะไรก็เล่า และเราจะได้รู้จักด้วยว่า กลุ่มแม่บ้านในสภามีกี่กลุ่ม ส่วนจะเป็นการเลี้ยงแม่บ้านนอกสถานที่ครั้งแรกหรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้คิดอะไรเยอะ และไม่ได้มีการหารือกับใครก่อน เพราะเป็นงานของรองประธานสภาอยู่แล้ว และงบประมาณที่ใช้ก็เป็นงบรับรองที่เขาจัดสัดส่วนให้รองประธานสภา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้อะไรนอกจากใช้รับรองแขก ในการพาไปกินข้าวหรือที่ต่างๆ โดยกลุ่มแม่บ้านชุดนี้ ก็เป็นแขกของตนเช่นกัน
เมื่อถามว่ามีการตั้งคำถามว่า เป็นเหมือนการหาพวกในสภาหรือไม่ นายปดิพัทธ์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “อย่าคิดเยอะ ไม่อย่างนั้นทำไมนักการเมืองไปกินข้าวกับคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่การหาพวกหรือ ตนว่าเขาก็คือประชาชน หากจะบอกว่าสภาเป็นของประชาชน ประชาชนที่เราต้องไม่ลืมก็คือประชาชนที่ทำงานให้กับเรา ให้สภามันสะอาด ใหญ่ขนาดนี้ใครถูพื้น น้ำท่วมแล้วใครถู เพราะฉะนั้นคนบริการเรา เราต้องมีโอกาสที่จะขอบคุณเขา และฟังเสียงพวกเขาด้วย”
ส่วนเรื่องรัฐสภาโปร่งใส ขณะนี้ดำเนินการถึงไหนแล้วนั้น นายปดิพัทธ์ ระบุว่า หากเป็น quick win แล้ว คือสถานการณ์ติดตามร่างกฏหมาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากถ้าทุกคนใช้คล่องแล้วก็จะเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของรัฐสภา ทุกคนสามารถเข้าเว็บไซต์ดูได้ และที่คาดว่าน่าจะเสร็จในสัปดาห์หน้า คือการเปิดเผยการลงมติในเว็บไซต์ของสภา และหากพัฒนาไปได้อีกจะไม่ได้มีแค่ประวัติของ สส. จะมีการอภิปรายการลงมติด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของ สส. ได้
เมื่อถามย้ำเรื่องของการนำงบประมาณที่นำมาใช้ในการเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้าน นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า ไม่มีงบส่วนตัว เป็นงบของรองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งในหนึ่งปี คาดว่ามีงบประมาณ 2 ล้านบาท ตนคงใช้ไม่หมด และไม่ทราบว่าในสมัยที่ผ่านมามีการใช้งบส่วนนี้เลี้ยงรับรองใครอย่างไร
เมื่อถามต่อว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจของรองประธานสภาคนที่ 1 ใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ ตอบว่า ใช่ งบรับรองไม่ได้มีแค่ตำแหน่งของตน เพราะตำแหน่งข้าราชการส่วนใหญ่ก็มี ศาลก็คงมี แต่พวกเราอาจจะไม่เคยรู้ ซึ่งหากอยากรู้ ก็เตรียมตัวพบกับงบประมาณโปร่งใสที่จะสามารถไปเปิดดูงบประมาณในการรับรองของข้าราชการระดับสูงใช้ไปเพื่ออะไรบ้าง
สำหรับแม่บ้านของสภาที่เดินทางมาในสันนี้ เป็นเพียงแม่บ้านที่ทำงานเฉพาะฝั่งของ สส.เท่านั้น
ซึ่งภายในร้าน นายปดิพัทธ์ ก็ได้เดินทักทาย แม่บ้านสภาที่มารับประทานหมูกระทะอย่างเป็นกันเอง
ด้านนางอมรัตน์ โพสต์ภาพบรรยากาศการรับประทานหมูกะทะพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
Nice time นัดสำคัญค่ำนี้กินหมูกะทะกับแม่บ้านรัฐสภาที่มีทั้งหมด 370 คน ดีใจที่ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน.
อ่วม! ปุ๋ยยูเรียขึ้นราคา 4% หลังอินเดียกว้านซื้อ
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7821610
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาปุ๋ยเคมีว่าขณะนี้ราคาปุ๋ยเคมีภายในประเทศ โดยเฉพาะ แม่ปุ๋ยยูเรีย มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 30 บาท/กระสอบ หรือประมาณ 3.9% โดยราคาเฉลี่ยภาคกลางเมื่อช่วงต้นเดือนก.ค. 2566 อยู่ที่ 780 บาท/กระสอบ แต่ปัจจุบันปรับขึ้นมาอยู่ที่ 810 บาท/กระสอบ เนื่องจากราคาวัตถุดิบปุ๋ยในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นจากกรณีที่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้รายสำคัญของโลกได้เปิดประมูลนำเข้าแม่ปุ๋ย รวมทั้งราคาก๊าซธรรมชาติยังมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมปุ๋ยยูเรีย ในประเทศยังได้รับผลกระทบด้านราคาไม่มากนัก โดยราคาปุ๋ยยูเรียในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าราคาเฉลี่ยเมื่อช่วงกลางปีก่อนถึง 49% โดยช่วงกลางปี 2565 ราคาเคยขึ้นไปถึง 1,600 บาท/กระสอบ และราคามีแนวโน้มทรงตัวและอาจปรับลดลงได้ หากผ่านพ้นฤดูกาลใช้ปุ๋ย ราวๆ เดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้ราคาเข้าภาวะปกติ
“การปรับขึ้นราคาครั้งนี้อาจจะปรับขึ้นไม่นาน เชื่อว่าระยะถัดไปจะทรงตัวและลดลงได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังมีน้อย โดยขณะนี้กรมกรมได้หารือ ผู้ผลิต และผู้นำเข้าปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง และได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาต่อไปเพื่อ ไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร รวมทั้งจับตาราคาจำหน่ายปลีก ให้สอดคล้องกับราคาหน้าโรงงาน และต้นทุนที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาแบบไม่เป็นธรรม”
นอกจากนี้ ยังประสานกับค้าภายใน และพาณิชย์จังหวัด ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการจำหน่ายปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาสามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน 1569
ร.ต.จักรา กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดชุดสายตรวจพิเศษ 84 ชุด ออกตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวม 24,711 แห่ง ว่า ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้ว 90% คาดว่าสัปดาห์หน้าจะครบ 100% โดยในช่วง 10 วันแรกของการออกตรวจ คือ ระหว่างวันที่ 8-17 ส.ค. 2566 ได้ตรวจสอบสถานีบริการ 1,542 แห่ง รวม 34,589 หัวจ่าย พบผิด 11 ราย รวม 63 หัวจ่าย กรณีพบผิดพบว่ามีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเกิน จำนวน 5 แห่ง รวม 7 หัวจ่าย กรมได้ทำการผูกบัตรห้ามใช้และสั่งให้ปรับปรุง และมีการสั่งดำเนินคดี สถานีบริการจำนวน 6 ราย รวม 56 หัวจ่าย เนื่องจากพบว่ามีการใช้หัวจ่ายโดยไม่มีคำรับรอง จำนวน 5 ราย และจ่ายน้ำมันขาด 1 ราย
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้สถานีบริการน้ำมันทดสอบมาตรวัดของตนเองเป็นประจำทุกเดือน และส่งรายงานผลการทดสอบให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันและสำนักงานชั่วตวงวัดแต่ละพื้นที่ ไม่เกินวันที่ 10 ของทุกเดือนรวมทั้งขอให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันดำเนินการลงโทษสถานีบริการที่ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น และพิจารณาบอกเลิกสัญญากับสถานีบริการด้วย โดยจะต้องแจ้งผลการดำเนินการมาให้กรมรับทราบด้วย