ราคาข้าวสารเริ่มขยับ ขอนแก่นขึ้นแล้ว 2 บาท/กก.
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/362516
ช่วงนี้ชาวหน้ายิ้มออก เพราะราคาข้าวเปลือกพุ่งแตะตันละ 1 หมื่น 2 พันบาทแล้ว แต่ก็กระทบกับราคาข้าวสาร ที่วันนี้ราคาเริ่มขยับขึ้นตามแล้ว
ที่ ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาข้าวสาร รวมถึงข้าวถุง ผู้ค้าได้ปรับราคาขายขึ้นแล้ว โดยนางอำนวย มาซา เจ้าของร้านอำนวยค้าข้าว กล่าวว่า ทั้งข้าวสารเหนียวและข้าวเจ้า ขึ้นราคากิโลกรัมละ 2 บาท อย่างข้าวหอมมะลิใหม่ เดิมขายกิโลกรัมละ 35 บาท ปรับใหม่เป็น 37 บาท, ข้าวเหนียวสันป่าตอง เดิมขายกิโลกรัมละ 30 บาท ปรับใหม่เป็น 32 บาท เช่นเดียวกันกับข้าวบรรจุถุงปรับ ราคาขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2 บาทเช่นกัน
โดยโรงสีข้าวให้เหตุผลว่า ข้าวเก่าใกล้หมดสต็อก ขณะที่ยังไม่ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทำให้ต้องมีการปรับราคาข้าวสารขึ้นในช่วงนี้
รายงานข่าวจากสมาคมโรงสีข้าว เปิดเผยว่า เมื่อสต็อกข้าวในต้นทุนเดิมหมดลง ก็มีความจำเป็นที่ผู้ผลิตและผู้ค้าข้าวถุงต้องปรับราคาขึ้น
โดยปัจจุบันต้นทุนข้าวเพื่อทำข้าวถุง เคยซื้อที่ 15-17 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นมาถึง 20 บาทต่อกิโลกรัม หากคิดบนต้นทุนนี้ข้าวถุงขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม ต้องปรับราคาขึ้นไม่น้อยกว่า 10 บาทต่อถุง ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะขึ้นราคาแค่ไหนและเมื่อไหร่ ก็ขึ้นกับสต๊อกเดิมที่มีอยู่
ขณะที่เย็นวานนี้อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย ให้ช่วยตรึงราคาข้าวสารบรรจุถุง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการบอกว่าจะพยายยามตรึงไว้ให้นานที่สุด แต่ ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย โดยเฉพาะต้นทุนข้าวว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด ราคาข้าวเปลือกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ที่จังหวัดสุโขทัย ราคารับซื้อข้าวเปลือกจ้าวเกี่ยวสด ความชื้นไม่เกิน15 % อยู่ที่ 11,700 ถึง 12,500 ต่อตัน ความชื้นไม่เกิน 25 % อยู่ที่ราคา 10,700 ถึง 11,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคารับซื้อที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากปริมาณข้าวเปลือกมีน้อย ซึ่งข้าวนาปังรอบที่ 2 ที่เริ่มทยอยเก็บเกี่ยว ก็มีปริมาณไม่มาก
ขณะที่การเพาะปลูกข้าวนาปีในปีนี้ ชาวนาประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้หลายพื้นที่ ยังไม่มีการเตรียมการเพาะปลูก ต้องรอน้ำฝนในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนนี้ ถ้าน้ำน้อย ก็จะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปีลดน้อยลงไปด้วย และจะเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวสารขยับขึ้นอีก
โบกมือแล้ว! ‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ ลาออกสมาชิกพรรค-ยุติการทำงานให้เพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4136141
โบกมือแล้ว! ‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ ลาออกสมาชิกพรรค-ยุติการทำงานให้เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม มีรายงานว่า นาย
ชานันท์ ยอดหงษ์ หรือ ปกป้อง ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย
โดยโพสต์ภาพเอกสารการลาออก พร้อมเขียนข้อความเผยแพร่ไว้ผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า
“ป้องอยากจะขอแจ้งกับทุกท่านว่า ป้องได้ยุติการทำงานกับพรรคเพื่อไทยแล้วตั้งแต่วันนี้
.
ป้องขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสและผลักดันนโยบายที่ป้องได้นำเสนอไปตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา
.
ป้องหวังว่า หนทางที่พรรคเพื่อไทยเลือกสู้จะยังคงเป็นหนทางที่ทำให้พรรคทำนโยบายที่ได้ประกาศกับสาธารณะชนไว้ ทั้งนี้แนวทางที่พรรคเพื่อไทยเลือกเป็นแนวทางที่ป้องไม่สามารถร่วมช่วยเหลือหรือผลักดันอะไรได้ ป้องจึงได้ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และขอยุติกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยไว้นับตั้งแต่บัดนี้
.
ป้องขอโทษบางท่านที่การตัดสินใจในครั้งนี้ อาจทำให้นโยบายหลายอย่างที่ป้องพยายามผลักดัน ไม่สามารถดำเนินได้ต่อเนื่อง แต่มั่นใจว่าใครๆก็สามารถผลักดันเรื่องเหล่านี้ต่อได้ครับ
.
แต่ปกป้องยังขอยืนยันว่า จะยังคงยึดมั่นหลักประชาธิปไตย ขออยู่เคียงข้างประชาชน พร้อมต่อสู้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และสวัสดิการ ต่อไปครับ”
“วิโรจน์” ขอ “เพื่อไทย” อย่าหลงกลอำนาจเก่า ทำลายอุดมการณ์ตัวเอง ย้ำ “ก้าวไกล” ไม่โหวตเปิดช่องให้การสืบทอดอำนาจ ไม่ผูกอาฆาตหาก 8 พรรมร่วมกลับมาเหมือนเดิม
https://siamrath.co.th/n/470775
วันที่ 18 ส.ค. 66 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย ว่า เราคาดการณ์อยู่แล้วว่า จะต้องไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทย ยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ ตนคิดว่าการเมืองในปัจจุบันประชาชนต้องการความชัดเจน ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงไม่สามารถโหวตเพื่อเปิดช่องให้พรรคเผด็จการเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อ แต่เราก็ไม่ได้ติดขัดคุณสมบัติของนาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เราติดที่ว่าหากเราโหวตให้แล้วพรรคเผด็จการจะได้โอกาสเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อทันที สมการที่ไม่เอาลุงมาร่วมเป็นไปไม่ได้ เพราะจะได้แค่ 230 กว่าเสียง จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย การที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ได้เกินความคาดหมาย
เมื่อถามว่า จุดยืนเดิมของพรรคก้าวไกล ที่ระบุไว้ว่ายังไม่ปิดประตูรับพรรคเพื่อไทย กลับมาร่วมพรรคร่วมฯ 8 พรรคเดิม ขณะนี้ยังคงยืนยันเช่นนั้นอยู่ นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องมีการพูดคุยกัน ถ้าเราผูกอาฆาตผูกพยาบาท ก็จะเข้าเกมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการให้แตกแยกแล้วปกครอง ตนคิดว่าถ้าเรายังพอกลับมาร่วมกันได้ก็ค่อยกลับมาถอดบทเรียน จะทำอย่างไรที่จะไม่หลงกลของฝ่ายอำนาจต่างๆ และร่วมมือกันปกป้องประชาชน ต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก จะใช้อารมณ์ไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา นาย
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาลกันนั้น ถือว่าเป็นการจบ “
สงครามสีเสื้อ” ซึ่งเป็นการยุติสงครามจริง หรือแค่ชั่วคราว นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า คำว่า “
สีเสื้อ” ไม่ใช่เรื่องของความอาฆาตพยาบาท แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ตอนนี้ประชาชนไม่พอใจ เพราะคุณทำลายอุดมการณ์ของตัวคุณเอง ที่เคยต่อสู้ร่วมกันกับประชาชน ถ้าการที่ตนใส่เสื้อสีหนึ่ง และอีกคนใส่เสื้อสีหนึ่งแล้วมาจับมือกัน ก็จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่นี่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และการต่อสู้ทางการเมืองที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจริงๆ ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องสาธารณะ
เมื่อถามถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะเป็นไปในทางไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า เคารพมติพรรค ว่าจะไม่โหวตให้ ไม่ได้ติดคุณสมบัติของนายเศรษฐา แต่เชื่อว่าการโหวตให้ในครั้งนี้จะเป็นการเปิดช่องให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจ ส่วนจะโหวตผ่านในครั้งเดียวหรือไม่นั้น เพราะทั้งสว. และสถานการณ์ที่พร้อมพลิกได้ตลอด นายวิโรจน์ กล่าวว่า สว. ไม่ได้พลิก เจตนาของเขาชัดเจนอยู่แล้ว เราต่างหากที่ไปหลงกล ตนคิดว่าวันนี้พรรคก้าวไกล มองเกมขาด
“
สมมติโจรหลอกเราให้วางอาวุธลง ยอมให้ใส่กุญแจมือ มัดมือไพ่หลังเอาถุงดำคลุม แล้วบอกว่าจะไม่ทำอะไร แล้วขึ้นรถตู้ไปกับเรา คุณคิดว่าโจรจะไม่ทำอะไรจริงหรือ” นาย
วิโรจน์ กล่าว
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะโหวตผ่านหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยาก ตนเชื่อว่าผ่านยาก แต่ตนขอพูดไว้ก่อนว่าหากคิดจะโทษคนอื่น แต่ไม่โทษตัวเองที่ไม่ยื่นข้างประชาชน ไปหลงเชื่อกลุ่มของคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ คุณก็จะหนีห่างประชาชนไปมากกว่าเดิม
JJNY : ราคาข้าวสารเริ่มขยับ│‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ลาออกพท.│“วิโรจน์”ขอ“พท.”อย่าหลงกลอำนาจเก่า│สหรัฐจัดซัมมิตเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/362516
ที่ ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาข้าวสาร รวมถึงข้าวถุง ผู้ค้าได้ปรับราคาขายขึ้นแล้ว โดยนางอำนวย มาซา เจ้าของร้านอำนวยค้าข้าว กล่าวว่า ทั้งข้าวสารเหนียวและข้าวเจ้า ขึ้นราคากิโลกรัมละ 2 บาท อย่างข้าวหอมมะลิใหม่ เดิมขายกิโลกรัมละ 35 บาท ปรับใหม่เป็น 37 บาท, ข้าวเหนียวสันป่าตอง เดิมขายกิโลกรัมละ 30 บาท ปรับใหม่เป็น 32 บาท เช่นเดียวกันกับข้าวบรรจุถุงปรับ ราคาขึ้นอีกกิโลกรัมละ 2 บาทเช่นกัน
โดยโรงสีข้าวให้เหตุผลว่า ข้าวเก่าใกล้หมดสต็อก ขณะที่ยังไม่ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทำให้ต้องมีการปรับราคาข้าวสารขึ้นในช่วงนี้
รายงานข่าวจากสมาคมโรงสีข้าว เปิดเผยว่า เมื่อสต็อกข้าวในต้นทุนเดิมหมดลง ก็มีความจำเป็นที่ผู้ผลิตและผู้ค้าข้าวถุงต้องปรับราคาขึ้น
โดยปัจจุบันต้นทุนข้าวเพื่อทำข้าวถุง เคยซื้อที่ 15-17 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นมาถึง 20 บาทต่อกิโลกรัม หากคิดบนต้นทุนนี้ข้าวถุงขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม ต้องปรับราคาขึ้นไม่น้อยกว่า 10 บาทต่อถุง ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะขึ้นราคาแค่ไหนและเมื่อไหร่ ก็ขึ้นกับสต๊อกเดิมที่มีอยู่
ขณะที่เย็นวานนี้อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้หารือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย ให้ช่วยตรึงราคาข้าวสารบรรจุถุง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการบอกว่าจะพยายยามตรึงไว้ให้นานที่สุด แต่ ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย โดยเฉพาะต้นทุนข้าวว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด ราคาข้าวเปลือกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ที่จังหวัดสุโขทัย ราคารับซื้อข้าวเปลือกจ้าวเกี่ยวสด ความชื้นไม่เกิน15 % อยู่ที่ 11,700 ถึง 12,500 ต่อตัน ความชื้นไม่เกิน 25 % อยู่ที่ราคา 10,700 ถึง 11,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคารับซื้อที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากปริมาณข้าวเปลือกมีน้อย ซึ่งข้าวนาปังรอบที่ 2 ที่เริ่มทยอยเก็บเกี่ยว ก็มีปริมาณไม่มาก
ขณะที่การเพาะปลูกข้าวนาปีในปีนี้ ชาวนาประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้หลายพื้นที่ ยังไม่มีการเตรียมการเพาะปลูก ต้องรอน้ำฝนในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนนี้ ถ้าน้ำน้อย ก็จะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปีลดน้อยลงไปด้วย และจะเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวสารขยับขึ้นอีก
โบกมือแล้ว! ‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ ลาออกสมาชิกพรรค-ยุติการทำงานให้เพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4136141
โบกมือแล้ว! ‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ ลาออกสมาชิกพรรค-ยุติการทำงานให้เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม มีรายงานว่า นายชานันท์ ยอดหงษ์ หรือ ปกป้อง ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย
โดยโพสต์ภาพเอกสารการลาออก พร้อมเขียนข้อความเผยแพร่ไว้ผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า
“ป้องอยากจะขอแจ้งกับทุกท่านว่า ป้องได้ยุติการทำงานกับพรรคเพื่อไทยแล้วตั้งแต่วันนี้
.
ป้องขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสและผลักดันนโยบายที่ป้องได้นำเสนอไปตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา
.
ป้องหวังว่า หนทางที่พรรคเพื่อไทยเลือกสู้จะยังคงเป็นหนทางที่ทำให้พรรคทำนโยบายที่ได้ประกาศกับสาธารณะชนไว้ ทั้งนี้แนวทางที่พรรคเพื่อไทยเลือกเป็นแนวทางที่ป้องไม่สามารถร่วมช่วยเหลือหรือผลักดันอะไรได้ ป้องจึงได้ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และขอยุติกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยไว้นับตั้งแต่บัดนี้
.
ป้องขอโทษบางท่านที่การตัดสินใจในครั้งนี้ อาจทำให้นโยบายหลายอย่างที่ป้องพยายามผลักดัน ไม่สามารถดำเนินได้ต่อเนื่อง แต่มั่นใจว่าใครๆก็สามารถผลักดันเรื่องเหล่านี้ต่อได้ครับ
.
แต่ปกป้องยังขอยืนยันว่า จะยังคงยึดมั่นหลักประชาธิปไตย ขออยู่เคียงข้างประชาชน พร้อมต่อสู้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และสวัสดิการ ต่อไปครับ”
“วิโรจน์” ขอ “เพื่อไทย” อย่าหลงกลอำนาจเก่า ทำลายอุดมการณ์ตัวเอง ย้ำ “ก้าวไกล” ไม่โหวตเปิดช่องให้การสืบทอดอำนาจ ไม่ผูกอาฆาตหาก 8 พรรมร่วมกลับมาเหมือนเดิม
https://siamrath.co.th/n/470775
วันที่ 18 ส.ค. 66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย ว่า เราคาดการณ์อยู่แล้วว่า จะต้องไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทย ยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ ตนคิดว่าการเมืองในปัจจุบันประชาชนต้องการความชัดเจน ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงไม่สามารถโหวตเพื่อเปิดช่องให้พรรคเผด็จการเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อ แต่เราก็ไม่ได้ติดขัดคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เราติดที่ว่าหากเราโหวตให้แล้วพรรคเผด็จการจะได้โอกาสเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อทันที สมการที่ไม่เอาลุงมาร่วมเป็นไปไม่ได้ เพราะจะได้แค่ 230 กว่าเสียง จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย การที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ได้เกินความคาดหมาย
เมื่อถามว่า จุดยืนเดิมของพรรคก้าวไกล ที่ระบุไว้ว่ายังไม่ปิดประตูรับพรรคเพื่อไทย กลับมาร่วมพรรคร่วมฯ 8 พรรคเดิม ขณะนี้ยังคงยืนยันเช่นนั้นอยู่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องมีการพูดคุยกัน ถ้าเราผูกอาฆาตผูกพยาบาท ก็จะเข้าเกมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการให้แตกแยกแล้วปกครอง ตนคิดว่าถ้าเรายังพอกลับมาร่วมกันได้ก็ค่อยกลับมาถอดบทเรียน จะทำอย่างไรที่จะไม่หลงกลของฝ่ายอำนาจต่างๆ และร่วมมือกันปกป้องประชาชน ต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก จะใช้อารมณ์ไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาลกันนั้น ถือว่าเป็นการจบ “สงครามสีเสื้อ” ซึ่งเป็นการยุติสงครามจริง หรือแค่ชั่วคราว นายวิโรจน์ กล่าวว่า คำว่า “สีเสื้อ” ไม่ใช่เรื่องของความอาฆาตพยาบาท แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ตอนนี้ประชาชนไม่พอใจ เพราะคุณทำลายอุดมการณ์ของตัวคุณเอง ที่เคยต่อสู้ร่วมกันกับประชาชน ถ้าการที่ตนใส่เสื้อสีหนึ่ง และอีกคนใส่เสื้อสีหนึ่งแล้วมาจับมือกัน ก็จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่นี่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และการต่อสู้ทางการเมืองที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจริงๆ ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องสาธารณะ
เมื่อถามถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะเป็นไปในทางไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง นายวิโรจน์ กล่าวว่า เคารพมติพรรค ว่าจะไม่โหวตให้ ไม่ได้ติดคุณสมบัติของนายเศรษฐา แต่เชื่อว่าการโหวตให้ในครั้งนี้จะเป็นการเปิดช่องให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจ ส่วนจะโหวตผ่านในครั้งเดียวหรือไม่นั้น เพราะทั้งสว. และสถานการณ์ที่พร้อมพลิกได้ตลอด นายวิโรจน์ กล่าวว่า สว. ไม่ได้พลิก เจตนาของเขาชัดเจนอยู่แล้ว เราต่างหากที่ไปหลงกล ตนคิดว่าวันนี้พรรคก้าวไกล มองเกมขาด
“สมมติโจรหลอกเราให้วางอาวุธลง ยอมให้ใส่กุญแจมือ มัดมือไพ่หลังเอาถุงดำคลุม แล้วบอกว่าจะไม่ทำอะไร แล้วขึ้นรถตู้ไปกับเรา คุณคิดว่าโจรจะไม่ทำอะไรจริงหรือ” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะโหวตผ่านหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยาก ตนเชื่อว่าผ่านยาก แต่ตนขอพูดไว้ก่อนว่าหากคิดจะโทษคนอื่น แต่ไม่โทษตัวเองที่ไม่ยื่นข้างประชาชน ไปหลงเชื่อกลุ่มของคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ คุณก็จะหนีห่างประชาชนไปมากกว่าเดิม