เราเสียสัตว์เลี้ยงไป ล่าสุดเมื่อ 10 เมษา 66 ที่ผ่านมา
เขาเป็นแมวแรกเกิด อายุได้ 19 วันก็จากไป ตัวเขาเล็กมากในบรรดาพี่น้องตั้งแต่คลอด เป็นแมว inbreeding (พ่อแม่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน) เขากินนมเองไม่ได้ ขยับตัวเองลำบาก เรากลับมาจากทำงานก็ดูแล เอาเข้าเต้าให่กินนมแม่แมวตลอด เราปรึกษาสัตวแพทย์หลายที่ ซึ่งหลายคนก็บอกว่า มีโอกาสรอด แต่ก็น่าจะยาก แต่ถ้าดูแลดีๆ ให้กินนมได้ตลอด ก็มีโอกาสรอดได้
แต่เราต้องไปทำงานเช้า กลับบ้านดึก ปกติเราพยายามที่จะสอนให้เขารู้ว่าตรงนี้สามารถกินนมแม่ได้ กลับจากทำงาน เราจะต้องให้แน่ใจว่าเขาเข้าเต้าแม่กินนมเองได้ ถ้าไม่ได้เราจะจับให้เข้าเต้า ซึ่งก็ยอมรับว่ายากพอสมควร เพราะตัวอื่นก็โตเอาๆ แรงก็เยอะ เวลาแย่งกันกินนมก็ไปแย่งกับเขาไม่ทัน ไม่มีแรงแย่ง เราก็เลยต้องจับป้อนนมแพะบ้างบางครั้ง อุ่นไฟให้เขา เพราะตัวเล็กมาก
แต่เราก็มารู้สึกได้อีกว่าแม่แมวไม่ค่อยสนใจตัวเล็กนี้เลย เราเลยต้องเอาไปให้เขาเลียบ่อยๆ บอกว่านี่ก็ลูกนะ ต้องเลี้ยงด้วย ซึ่งเราไปเสิร์ชหา เห็นว่าถ้ารู้ว่าตัวไหนไม่รอด แม่แมวก็จะไม่เลี้ยง แต่เราก็พยายามทุกทาง คิดว่าเขาต้องรอดสิ สุดท้ายน้องเริ่มเข้าเต้ากินนมเองได้บ้าง เราใจชื่น คิดว่าน้องมีโอกาสรอดแล้ว แต่ก็ต้องดูอาการวันต่อวัน
จนพักหลัง เขาไม่มีแรงแย่งกินนม แม่แมวก็เหมือนจะปล่อยตามยถากรรมแล้ว สุดท้ายเรารู้สึกว่าร่างกายเขายิ่งไม่มีแรง เราเลยป้อนนมแพะให้ทุกครั้งก่อนไปทำงาน และตอนกลับจากทำงานจะเอาเข้าเต้า แต่เขาเริ่มไม่ดูดนมแล้ว เราก็ชงนมแพะมาป้อน เขาก็บ้วน.. วันนั้นตัวเริ่มเย็น เราพาไปหาหมอ สุดท้ายหมอบอกว่าเขาอ่อนแรง ให้อุ่นตัวให้เขา แล้วป้อนนมแพะ ถ้าเขาไม่ยอมกินนมแม่
กลับมาคิดว่าถ้าดูแลคอยป้อนนมให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ ต้องรอดแน่ เราก็ป้อนนมแพะคืนนั้น เปิดไฟอุ่นให้เขา.. เหมือนจะดีขึ้นหน่อย เพราะหมอบอกว่าเขาฮึดสู้อยู่นะ
แต่……… วันต่อมา เราไปทำงาน แล้วลืมกระเป๋าเงินไว้ที่บ้าน เรากลับมาบ้านตอนกลางวัน ใจหนึ่งอยากกลับมาดูตัวเล็กด้วย เผื่อจะป้อนนม พอมาถึงเราก็ตกใจ เพราะเขาไปนอนอยู่บนพื้นบ้าน แล้วตัวเย็นมาก ดูสภาพไร้เรี่ยวแรงสุดๆ เรารีบชงนมอุ่นป้อนเขา เหมือนร่างกายเขาปฏิเสธ เหมือนจะกินแต่ก็บ้วนทิ้ง ไซริงค์ที่ป้อนเราก็ใช้อันนี้ตลอด เราไม่รู้ว่าเราทำเขาสำลักไหม แต่เขาเหมือนจะเริ่มหายใจติดขัด เราทำอะไรไม่ถูกราวๆ 10-15 นาที เพราะเราไม่แน่ใจว่าเขาสำลักหรืออะไร ทำไมดูเหมือนหายใจไม่ออก เราพยายามเป่าลมที่ปากเขา ร้อนใจไปหมด
ตอนนั้นเราออกมาช่วงพักเบรค ต้องรีบเดินทางกลับไปทำงาน แต่ก็ตัดสินใจนั่งวินพาเขาไปหาสัตวแพทย์ที่ใกล้ที่สุด สุดท้ายถึงมือหมอไม่กี่นาที หมอให้ออกซิเจน ปั๊มหัวใจ..
แต่สุดท้าย น้องก็ไม่อยู่กับเราแล้ว………
ตอนนั้นเราน้ำตาไหลไม่หยุดเลย ประโยคในหัวเราคือ “ถ้าเราไม่ป้อนนมเขา เขาจะไม่สำลักใช่ไหม จะไม่จากไปแบบนี้ใช่ไหม” จนเราทนไม่ไหว เราถามหมอ หมอบอกเราทำดีที่สุดแล้ว ดูจากโครงสร้างน้อง กระดูกน้องเหมือนจะผิดปกติอยู่ ต่อให้รอดจากนี้ อาจจะไม่แข็งแรง ป่วยบ่อย และสุดท้ายอาจจะเสียชีวิตอยู่ดี บอกเราไม่ต้องโทษตัวเอง น้องไปสบายแล้วนะ
แต่เราก็ยังทำใจไม่ได้ ช่วงนั้นเราซึมเศร้าหนักมาก หา podcast ฟัง เหมือนจะดีขึ้น
แต่มาวันนั้น เราเห็นรูปเขาในโทรศัพท์ เราร้องไห้หนักมากๆ และโทษตัวเองอีกแล้ว…
“ถ้าวันนั้นไม่ป้อนนมเขา เขาจะไม่จากเราไปเร็วแบบนี้ใช่ไหม…”
เมื่อเสียสัตว์เลี้ยง ทำใจอย่างไร 😢
เขาเป็นแมวแรกเกิด อายุได้ 19 วันก็จากไป ตัวเขาเล็กมากในบรรดาพี่น้องตั้งแต่คลอด เป็นแมว inbreeding (พ่อแม่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน) เขากินนมเองไม่ได้ ขยับตัวเองลำบาก เรากลับมาจากทำงานก็ดูแล เอาเข้าเต้าให่กินนมแม่แมวตลอด เราปรึกษาสัตวแพทย์หลายที่ ซึ่งหลายคนก็บอกว่า มีโอกาสรอด แต่ก็น่าจะยาก แต่ถ้าดูแลดีๆ ให้กินนมได้ตลอด ก็มีโอกาสรอดได้
แต่เราต้องไปทำงานเช้า กลับบ้านดึก ปกติเราพยายามที่จะสอนให้เขารู้ว่าตรงนี้สามารถกินนมแม่ได้ กลับจากทำงาน เราจะต้องให้แน่ใจว่าเขาเข้าเต้าแม่กินนมเองได้ ถ้าไม่ได้เราจะจับให้เข้าเต้า ซึ่งก็ยอมรับว่ายากพอสมควร เพราะตัวอื่นก็โตเอาๆ แรงก็เยอะ เวลาแย่งกันกินนมก็ไปแย่งกับเขาไม่ทัน ไม่มีแรงแย่ง เราก็เลยต้องจับป้อนนมแพะบ้างบางครั้ง อุ่นไฟให้เขา เพราะตัวเล็กมาก
แต่เราก็มารู้สึกได้อีกว่าแม่แมวไม่ค่อยสนใจตัวเล็กนี้เลย เราเลยต้องเอาไปให้เขาเลียบ่อยๆ บอกว่านี่ก็ลูกนะ ต้องเลี้ยงด้วย ซึ่งเราไปเสิร์ชหา เห็นว่าถ้ารู้ว่าตัวไหนไม่รอด แม่แมวก็จะไม่เลี้ยง แต่เราก็พยายามทุกทาง คิดว่าเขาต้องรอดสิ สุดท้ายน้องเริ่มเข้าเต้ากินนมเองได้บ้าง เราใจชื่น คิดว่าน้องมีโอกาสรอดแล้ว แต่ก็ต้องดูอาการวันต่อวัน
จนพักหลัง เขาไม่มีแรงแย่งกินนม แม่แมวก็เหมือนจะปล่อยตามยถากรรมแล้ว สุดท้ายเรารู้สึกว่าร่างกายเขายิ่งไม่มีแรง เราเลยป้อนนมแพะให้ทุกครั้งก่อนไปทำงาน และตอนกลับจากทำงานจะเอาเข้าเต้า แต่เขาเริ่มไม่ดูดนมแล้ว เราก็ชงนมแพะมาป้อน เขาก็บ้วน.. วันนั้นตัวเริ่มเย็น เราพาไปหาหมอ สุดท้ายหมอบอกว่าเขาอ่อนแรง ให้อุ่นตัวให้เขา แล้วป้อนนมแพะ ถ้าเขาไม่ยอมกินนมแม่
กลับมาคิดว่าถ้าดูแลคอยป้อนนมให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ ต้องรอดแน่ เราก็ป้อนนมแพะคืนนั้น เปิดไฟอุ่นให้เขา.. เหมือนจะดีขึ้นหน่อย เพราะหมอบอกว่าเขาฮึดสู้อยู่นะ
แต่……… วันต่อมา เราไปทำงาน แล้วลืมกระเป๋าเงินไว้ที่บ้าน เรากลับมาบ้านตอนกลางวัน ใจหนึ่งอยากกลับมาดูตัวเล็กด้วย เผื่อจะป้อนนม พอมาถึงเราก็ตกใจ เพราะเขาไปนอนอยู่บนพื้นบ้าน แล้วตัวเย็นมาก ดูสภาพไร้เรี่ยวแรงสุดๆ เรารีบชงนมอุ่นป้อนเขา เหมือนร่างกายเขาปฏิเสธ เหมือนจะกินแต่ก็บ้วนทิ้ง ไซริงค์ที่ป้อนเราก็ใช้อันนี้ตลอด เราไม่รู้ว่าเราทำเขาสำลักไหม แต่เขาเหมือนจะเริ่มหายใจติดขัด เราทำอะไรไม่ถูกราวๆ 10-15 นาที เพราะเราไม่แน่ใจว่าเขาสำลักหรืออะไร ทำไมดูเหมือนหายใจไม่ออก เราพยายามเป่าลมที่ปากเขา ร้อนใจไปหมด
ตอนนั้นเราออกมาช่วงพักเบรค ต้องรีบเดินทางกลับไปทำงาน แต่ก็ตัดสินใจนั่งวินพาเขาไปหาสัตวแพทย์ที่ใกล้ที่สุด สุดท้ายถึงมือหมอไม่กี่นาที หมอให้ออกซิเจน ปั๊มหัวใจ..
แต่สุดท้าย น้องก็ไม่อยู่กับเราแล้ว………
ตอนนั้นเราน้ำตาไหลไม่หยุดเลย ประโยคในหัวเราคือ “ถ้าเราไม่ป้อนนมเขา เขาจะไม่สำลักใช่ไหม จะไม่จากไปแบบนี้ใช่ไหม” จนเราทนไม่ไหว เราถามหมอ หมอบอกเราทำดีที่สุดแล้ว ดูจากโครงสร้างน้อง กระดูกน้องเหมือนจะผิดปกติอยู่ ต่อให้รอดจากนี้ อาจจะไม่แข็งแรง ป่วยบ่อย และสุดท้ายอาจจะเสียชีวิตอยู่ดี บอกเราไม่ต้องโทษตัวเอง น้องไปสบายแล้วนะ
แต่เราก็ยังทำใจไม่ได้ ช่วงนั้นเราซึมเศร้าหนักมาก หา podcast ฟัง เหมือนจะดีขึ้น
แต่มาวันนั้น เราเห็นรูปเขาในโทรศัพท์ เราร้องไห้หนักมากๆ และโทษตัวเองอีกแล้ว…
“ถ้าวันนั้นไม่ป้อนนมเขา เขาจะไม่จากเราไปเร็วแบบนี้ใช่ไหม…”