JJNY : 5in1 “สฤณี”ชี้กติกาการเมืองแย่│“โรม”หวังไม่ถึง“ป้อม”│หวั่นเสียงส.ว.│ส่งออกไทยกู่ไม่กลับ│เบลารุสพร้อมใช้นิวเคลียร์

“สฤณี” ชี้ กติกาการเมืองแย่ แถมทุนผูกขาดพุ่งในยุครัฐประหาร
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4134945
 
 
ณ วันนี้ ภาคการเมืองวุ่นวาย คนรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม “สฤณี อาชวานันทกุล” นักวิชาการอิสระ ให้ความเห็นว่า มีจุดเริ่มต้นจากกติกาที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้ง ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาบรรยากาศทุนผูกขาดก็เพิ่มสูงขึ้น โดยมีตัวเลขที่ชัดเจนจากงานวิจัย  ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



“โรม” หวังการเมืองไปไม่ถึง “บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯ ชี้สังคมยากจะรับไหว

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล หวังว่าการเมืองจะไปไม่ถึงจุดนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เราฝันตั้งรัฐบาลประชาชนกลายเป็นรัฐบาลลุงก็เป็นเรื่องที่ยากที่สังคมจะรับไหว ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



นักวิชาการ หวั่นเสียง ส.ว.โหวต ‘เศรษฐา’ ไม่มาตามนัด เสี่ยงเปิดโอกาส ‘บิ๊กป้อม’ รับไม้ต่อ

นักวิชาการ หวั่นเสียง ส.ว.โหวต ‘เศรษฐา’ ไม่มาตามนัด เป็นไปได้ ‘บิ๊กป้อม’ รับไม้ต่อ
 
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการโหวตนายกฯที่จะเกิดขึ้นหลังพรรคเพื่อไทยดึงพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมว่า การโหวตที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม  โอกาสที่จะโหวตผ่านก็ยัง 50 ต่อ 50 และไม่มั่นใจว่าจะโหวตได้หรือไม่ เพราะว่าในวันนั้นอาจมีเกมการเมืองในสภาเกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาพูดถึงและการจะขอให้มีการทบทวนมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ก็มีความเป็นไปได้ รวมทั้งอาจเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่การปิดประชุม
 
นายยุทธพรกล่าวว่า อย่างไรก็ดี เสียงของ ส.ส.ที่จะมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในขณะนี้น่าจะมีการโหวตให้กับแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยครบทั้งหมด แต่จุดที่ต้องจับตาคือเสียงของ ส.ว.จะมาสนับสนุนหรือไม่ ถ้าวันนี้มีพรรคของ 2 ลุงเข้ามาครบถ้วน หรือมาเพียง 1 พรรค ก็จะมีโอกาสได้เสียง ส.ว. ก็จะได้ตัวเลข 376 แต่ตนยังไม่มั่นใจว่าเสียง ส.ว.จะได้ตามนั้นหรือไม่ เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่างสำหรับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะถ้ามีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็จะมีประเด็นที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาโจมตี ซึ่งจะต้องชี้แจงสังคม และมีประเด็นในเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะปิดโอกาสพรรคเพื่อไทย หลายคนอาจมองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตัดโอกาสของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล ซึ่งตนมองว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นแรงกดดันต่อพรรคเพื่อไทยด้วย จะทำให้การโหวตนายกฯของพรรคเพื่อไทยสามารถโหวตเคนดิเดต 1 คน ได้เพียงหนึ่งครั้ง ดังนั้น เมื่อมีกระบวนการที่จะกดดันพรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
 
นายยุทธพรยังเห็นว่า แคนดิเดตนายกฯทั้ง 9 คน ใช้งานได้เพียง 4 คน คือ 2 คนจากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และอีก 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคพรรคภูมิใจไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น ถ้านายเศรษฐาโหวตไม่ผ่าน โอกาสที่จะเป็น น.ส.แพทองธารก็ยังไม่แน่นอน ซึ่งอาจไม่มีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธารในสถานการณ์เช่นนี้ โอกาสที่ตำแหน่งนายกฯจะไหลไปสู่ขั้วอำนาจเดิมมีความเป็นไปได้สูง นอกจากนี้ ในส่วนของพรรคร่วมจัดตั้งเดิม 8 พรรค
 
พรรคเพื่อไทยอาจถือว่าเป็นแกนนำที่ไม่ได้นำจริงๆ เพราะสุดท้ายพรรคเพื่อไทยจะต้องยอมรับทุกเงื่อนไข และยอมรับทุกอย่างที่เป็นการต่อรอง และเรื่องโควต้ารัฐมนตรี รวมทั้งเผชิญกับการเมืองที่มาจาก 250 ส.ว. เพราะมี ส.ว.ส่วนหนึ่งที่ตั้งประเด็นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองของนายเศรษฐา อีกทั้งการเมืองจาก 8 พรรคร่วมเดิมโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ซึ่งวันนี้พรรคก้าวไกลชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจมีประเด็นที่เรื่องที่นายพิธาจะไม่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเกมก้าวไกลที่จะกดดันเพื่อไทยให้ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขจากมติศาลรัฐธรรมนูญ และมติของสภาที่ห้ามโหวตซ้ำ ผมจึงยังไม่มั่นใจว่าการโหวตในวันที่ 22 สิงหาคม จะมีนายกฯที่ชื่อนายเศรษฐาหรือไม่” นายยุทธพรกล่าว
 
นายยุทธพรกล่าวอีกว่า การเดินหน้าของพรรคเพื่อไทยเป็นการตอบโจทย์ถูก แต่ตั้งโจทย์ผิด เพราะเพื่อไทยตอบโจทย์ถูกในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล แต่โจทย์ที่ถูกต้องสำหรับเพื่อไทยคือการฟื้นคืนความเชื่อมั่นจากประชาชนที่พรรคเพื่อไทยกำลังล้มละลายทางความเชื่อถือ ถ้ามองระยะยาวอยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนจุดยืนและโจทย์ทางการเมืองที่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ถ้า 2 ลุงสนับสนุนและสั่งให้ ส.ว.โหวตหนุนนายเศรษฐา นายยุทธพรเห็นว่า หากพรรค 2 ลุงมาด้วยความจริงใจ ไม่ว่าลุงคนใดคนหนึ่ง หรือ 2 ลุง โอกาสที่เราจะได้เห็นเสียงจาก ส.ว.มาสนับสนุนอย่างน้อย 100 เสียง เป็นไปได้ จะทำให้เสียงมีถึง 314 เมื่อรวมพรรคเล็กจะได้ 315 และบวกกับ 100 เสียง ส.ว.จะได้ 415 ซึ่งจะเกินว่า 376 เสียง
 
ถามต่อว่า จะมีเกมบีบให้ไปถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายยุทธพรกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เพราะจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม  เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราถึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่อยู่สมการการเมืองนี้แล้ว
 
ส่วนประเมินได้หรือไม่ว่าเราจะมีนายกฯในเร็วๆ นี้ นายยุทธพรกล่าวว่า ไม่เร็วกว่าเดือนสิงหาคม เพราะถ้าทุกอย่างลงตัว โอกาสในการเลือกนายกฯคงจะเรียบร้อยในระยะหนึ่งแล้ว แต่วันนี้สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองในภาวะไม่ปกติ ขณะนี้ยังมีความไม่ลงตัว โอกาสที่จะเห็นความยืดเยื้อในการเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลต้องตอบโจทย์ใน 4 เรื่อง คือเสียงของประชาชนที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้ง การประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และความคาดหวังของประชาชนกับภาพการเมืองที่จะเกิดขึ้นจริง ซึ่งการไม่เป็นไปตามผลการเลือกตั้งทำให้ไม่เกิดความสมดุลทางการเมือง จึงส่งกระทบต่อการโหวตนายกฯและจัดตั้งรัฐบาล
 


 
ส่งออกไทยกู่ไม่กลับ ติดลบ 1.1% ปีนี้ พิษเศรษฐกิจคู่ค้าลามถดถอย
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินส่งออกไทยปี 66 ติดลบ 1.1% สาเหตุหลักจากเศรษฐกิจคู่ค้าไทย ลามเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี” ประเมินการส่งออกไทยตลอดปี 66 จะพลิกหดตัวติดลบ 1.1% เมื่อเทียบกับปี 65 ที่ขยายตัว 5.7% โดยการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำ แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น ตลอดจนสภาพอากาศแปรปรวนที่อาจส่งผลต่อผลผลิตสินค้าเกษตร ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกดดันภาพรวมการส่งออกของไทยในระยะต่อไป

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจโลกผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 66 แต่ล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 66 ให้เติบโตช้าลงจากปีก่อน และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจคู่ค้าหลักจะชะลอลงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เห็นจากกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐอเมริกา ในเดือน ก.ค. 66 ที่อยู่ในเกณฑ์หดตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกับเศรษฐกิจฝั่งยุโรปที่หลายประเทศกำลังเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิค

สำหรับจีน ที่เคยมองว่าเป็นความหวังที่จะช่วยดึงโมเมนตัมโลกดูแผ่วกว่าที่ตลาดประเมินไว้มาก จากดัชนียอดค้าปลีกของจีนที่เติบโตชะลอลงต่อเนื่องและต่ำสุดในรอบปีเมื่อเดือน ก.ค. ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตก็ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เช่นเดียวกับยอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกใหม่ที่เข้าสู่ภาวะหดตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ล่าสุดธนาคารกลางของจีนปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.1% จากระดับ 1.9% เป็น 1.8% และหั่นดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนสู่ระดับ 2.50%

พร้อมส่งสัญญาณเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ เพื่อเร่งสนับสนุนการจับจ่ายภายในประเทศ ท่ามกลางความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายในจีนหลังเผชิญผลพวงจากวิกฤติหนี้เสียเอเวอร์แกรนด์ในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนครึ่งปีหลังเชื่อว่าส่งออกไทยจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ประกอบกับอุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรมที่จะฟื้นตัวได้บ้างตามวัฏจักรเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงความต้องการสินค้ากลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ และยานยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องหลังสถานการณ์อุปทานชะงักงันคลี่คลาย นอกจากนี้ สินค้าเกษตรและอาหาร จะได้ปัจจัยสนับสนุนจากประเด็นความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกพลิกขยายตัวได้ในช่วงที่เหลือของปี

อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อการบริโภค โดยเฉพาะตลาดยุโรป ความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนแนวนโยบายและการกีดกันทางการค้าที่ชัดเจนขึ้น ตลอดจนสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจส่งผลต่อปริมาณสินค้าเกษตรที่ผลิตได้ในช่วงปลายปี โดยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามากดดันภาพรวมการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่