สวัสดีค่ะกระทู้แรกขอคำแนะนำด้วยค่ะ
เมื่อปี2554ดิฉันได้ไปประเทศญี่ปุ่นกับลูกสาวที่ถือสัญชาติญี่ปุ่นเพื่อดำเนินเรื่องหย่ากับพ่อของเขาโดยได้รับการช่วยเหลือจากคนญี่ปุ่นที่ดิฉันนับถือเป็นพ่อบุญธรรม เมื่อดำเนินการหย่าเสร็จ ดิฉันจึงได้ขอทำงานกับร้านของพ่อบุญธรรมที่เป็นผับชาวฟิลิปปินส์ แต่มีดิฉันเป็นคนไทยคนเดียวกับคนจีนอีก1คน หน้าที่คือรำโชว์ และมีเสริฟเหล้าอาหารบ้างเมื่อไม่ได้ขึ้นโชว์ ต้นปี2555ดิฉันกลับมาบ้านเยี่ยมญาติ ป้าของดิฉันได้ฝากฝังหลานของตัวเองซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของดิฉันให้ไปหางานทำด้วย จนเมื่อดิฉันกลับมา ก็มาปรึกษากับที่ร้าน ผู้จัดการร้านที่เป็นคนญี่ปุ่นก็พูดกับดิฉันและขอดูรูปน้องแล้วคงเกิดชอบพอขึ้นมาเลยบอกแนะนำให้รู้จักหน่อย ดิฉันก็เลยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน จนปลายปี2555ทั้งสองตกลงแต่งงานกันผู้ชายเดินทางมาแต่งงานจดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นฝ่ายชายก็กลับมาญี่ปุ่นเพื่อทำเรื่องขอวีซ่าให้น้องมาอยู่ญี่ปุ่นด้วย จน5เมษายน2556 ฝ่ายชายแจ้งดิฉันให้ไปบอกข่าวกับน้องหน่อยว่าวีซ่าออกแล้วจะเดินทางวันไหนเมื่อไหร่ดี แต่เมื่อดิฉันได้แจ้งน้องไปน้องปฏิเสธที่จะมาญี่ปุ่นโดยให้เหตุผลว่าได้เจอผู้ชายคนใหม่แล้ว และกำลังตั้งครรภ์กับผู้ชายคนใหม่ ดิฉันจึงแนะนำให้น้องเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อมาเคลียร์ปัญหาด้วยตนเอง วันที่26เมษายน2556น้องเดินทางมาญี่ปุ่น วันที่น้องเดินทางมาถึงได้ให้สามีพามาเจอดิฉันที่ทำงาน จนดิฉันทำงานเสร็จก็กลับบ้านโดยน้องขอค้างกับดิฉันเราก็คุยกันจนวันที่27เราก็ไปซื้อของให้น้องกับสามีของเค้าไปทางข้าวกันปกติเย็นวันนั้นดิฉันบอกให้น้องคุยกับสามีให้เรียบร้อย จนวันที่29น้องก็ยังไม่ยอมบอกความจริงของสามี ดิฉันจึงเข้านอนตื่นมาตอนเช้าน้องไม่อยู่แล้วดิฉันก็คิดว่าน้องอยู่ที่ห้องสามีเค้าโทรไปก็บอกไม่มี เราก็ออกตามหา ไปแจ้งกับทางสถานีตำรวจไว้จนเวลาผ่านไปไม่เกิน4วันมีตำรวจมาเชิญตัวดิฉันกับสามีของน้องไปสอบปากคำว่าน้องไปแจ้งไว้ว่าดิฉันกับสามีเค้าพาน้องไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและค้าประเวณี ทางดิฉันกับสามีน้องก็ให้หลักฐานกับทางตำรวจไปไม่ว่าจะเป็นวีซ่า รูปถ่ายงานแต่ง ทะเบียนสมรสต่างๆ แล้วตำรวจก็ถามสาเหตุแรงจูงใจ วันนั้นดิฉันถึงบอกว่าน้องมีผู้ชายใหม่ สามีเค้าก็พึ่งรู้ ในวันนั้น ตำรวจปล่อยเรากลับและก็มาตรวจที่พักอาศัยและสถานที่ทำงานของดิฉัน แล้วบอกว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาเชิญตัวใหม่จนวันนี้ผ่านมา10ปีแล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ
#ต่อep2นะคะ
โดยแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ ep1
เมื่อปี2554ดิฉันได้ไปประเทศญี่ปุ่นกับลูกสาวที่ถือสัญชาติญี่ปุ่นเพื่อดำเนินเรื่องหย่ากับพ่อของเขาโดยได้รับการช่วยเหลือจากคนญี่ปุ่นที่ดิฉันนับถือเป็นพ่อบุญธรรม เมื่อดำเนินการหย่าเสร็จ ดิฉันจึงได้ขอทำงานกับร้านของพ่อบุญธรรมที่เป็นผับชาวฟิลิปปินส์ แต่มีดิฉันเป็นคนไทยคนเดียวกับคนจีนอีก1คน หน้าที่คือรำโชว์ และมีเสริฟเหล้าอาหารบ้างเมื่อไม่ได้ขึ้นโชว์ ต้นปี2555ดิฉันกลับมาบ้านเยี่ยมญาติ ป้าของดิฉันได้ฝากฝังหลานของตัวเองซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของดิฉันให้ไปหางานทำด้วย จนเมื่อดิฉันกลับมา ก็มาปรึกษากับที่ร้าน ผู้จัดการร้านที่เป็นคนญี่ปุ่นก็พูดกับดิฉันและขอดูรูปน้องแล้วคงเกิดชอบพอขึ้นมาเลยบอกแนะนำให้รู้จักหน่อย ดิฉันก็เลยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน จนปลายปี2555ทั้งสองตกลงแต่งงานกันผู้ชายเดินทางมาแต่งงานจดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นฝ่ายชายก็กลับมาญี่ปุ่นเพื่อทำเรื่องขอวีซ่าให้น้องมาอยู่ญี่ปุ่นด้วย จน5เมษายน2556 ฝ่ายชายแจ้งดิฉันให้ไปบอกข่าวกับน้องหน่อยว่าวีซ่าออกแล้วจะเดินทางวันไหนเมื่อไหร่ดี แต่เมื่อดิฉันได้แจ้งน้องไปน้องปฏิเสธที่จะมาญี่ปุ่นโดยให้เหตุผลว่าได้เจอผู้ชายคนใหม่แล้ว และกำลังตั้งครรภ์กับผู้ชายคนใหม่ ดิฉันจึงแนะนำให้น้องเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อมาเคลียร์ปัญหาด้วยตนเอง วันที่26เมษายน2556น้องเดินทางมาญี่ปุ่น วันที่น้องเดินทางมาถึงได้ให้สามีพามาเจอดิฉันที่ทำงาน จนดิฉันทำงานเสร็จก็กลับบ้านโดยน้องขอค้างกับดิฉันเราก็คุยกันจนวันที่27เราก็ไปซื้อของให้น้องกับสามีของเค้าไปทางข้าวกันปกติเย็นวันนั้นดิฉันบอกให้น้องคุยกับสามีให้เรียบร้อย จนวันที่29น้องก็ยังไม่ยอมบอกความจริงของสามี ดิฉันจึงเข้านอนตื่นมาตอนเช้าน้องไม่อยู่แล้วดิฉันก็คิดว่าน้องอยู่ที่ห้องสามีเค้าโทรไปก็บอกไม่มี เราก็ออกตามหา ไปแจ้งกับทางสถานีตำรวจไว้จนเวลาผ่านไปไม่เกิน4วันมีตำรวจมาเชิญตัวดิฉันกับสามีของน้องไปสอบปากคำว่าน้องไปแจ้งไว้ว่าดิฉันกับสามีเค้าพาน้องไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและค้าประเวณี ทางดิฉันกับสามีน้องก็ให้หลักฐานกับทางตำรวจไปไม่ว่าจะเป็นวีซ่า รูปถ่ายงานแต่ง ทะเบียนสมรสต่างๆ แล้วตำรวจก็ถามสาเหตุแรงจูงใจ วันนั้นดิฉันถึงบอกว่าน้องมีผู้ชายใหม่ สามีเค้าก็พึ่งรู้ ในวันนั้น ตำรวจปล่อยเรากลับและก็มาตรวจที่พักอาศัยและสถานที่ทำงานของดิฉัน แล้วบอกว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาเชิญตัวใหม่จนวันนี้ผ่านมา10ปีแล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ
#ต่อep2นะคะ