คน "มีองค์" กับ "ร่างทรง" ต่างกันอย่างไร?จากทีมงานสยามคเณศ

คนมีองค์ หมายความได้ถึง คนที่มี องค์พระ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาคุ้มครอง หรือมีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นพันธะสัญญาแต่ชาติปางก่อน หรือทำบุญกุศลมามาก ทำให้เกิดมาชาตินี้เป็นคนที่สามารถสื่อจิตไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่มีองค์มาแต่กำเนิด แต่อาศัยการฝึกฝนจิต นั่งสมาธิ สวดมนต์บูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนสามารถสื่อจิตถึงเทพเจ้าได้ เมื่อคนมีองค์แล้ว ไม่หมั่นฝึกจิต สวดมนต์ นั่งสมาธิ การรับรู้สื่อจิตไปถึงองค์ก็จะค่อยๆหายไป กลับมาเป็นคนที่ ไม่มีองค์ ไปในที่สุด...

ร่างทรง คือคนที่ตั้งตนเป็นใหญ่เหนือสามัญชนทั่วๆไป ด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ เช่น อมควันธูป เดินลุยไฟ เหยียบหนาม เสกของ จัดสร้างวัตถุมงคลระดับต่ำ ทำนายทายทัก รักษาโรค ทำไสยศาสตร์ เล่นของดำ โดยส่วนใหญ่มักจะแอบอ้างพระนามของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ดูยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์

นอกจากเรื่องเข้าทรง ยังมีเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ ภาพนิมิต เสียงแว่วๆ พูดภาษาแปลกๆ อะไรต่อมิอะไรมั่วไปหมด ทำให้ศาสนาเสื่อม การทำนายทายทักที่เห็นว่าพวกร่างทรงนั้นสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงแค่คาดเดา หรือไม่ก็หากแม่นจริงๆ ก็คือการเล่นวิชา ไสยศาสตร์ของเขมร (พวกนี้มีจริงๆครับ แต่ไม่ใช่แนวทางของศาสนาฮินดู) พวกที่นิมิตเห็นอดีตของเรา ทายเงินในกระเป๋าสตางค์ได้ถูกต้อง ทายชื่อแฟนเก่า ทายใจ ตอบได้ว่าสามี-ภรรยามีชู้อยู่ที่ไหน ตลอดจนการเสกของเข้าท้อง ฯลฯ พวกนี้มีอยู่จริง แต่เป็นวิชามาร (ทางเขมร หรือพม่า) คนโดนของจากพวกนี้จะถูกฉุดดึงให้ชีวิตตกต่ำ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น คนที่รู้ตัวและต้องการจะหลีกห่างจากร่างทรงพวกนี้ก็จะโดนไสยศาสตร์เช่นกัน ขอจงเข้าใจว่า วิชามารพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์และฮินดูทุกพระองค์

คนที่ถูกทักว่า มีองค์ อย่าเพิ่งไปหลงเชื่อหลงดีใจ เพราะคนมีองค์ไม่ใช่ว่ามีได้ง่ายๆ บุญกุศลไม่ถึงพอก็ไม่สามารถมีได้เลยตลอดชีวิตนี้ ถามตัวคุณเอง ก่อนว่าคุณได้ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรม ทำบุญกุศลไว้มากมายเพียงพอที่จะ มีองค์ ได้แล้วหรือไม่ แม้แต่นักบวช พราหมณ์ พระสงฆ์ เกจิอาจารย์ ผู้ปฏิบัติธรรมแก่กล้ามีวิชา ก็มีอีกนับไม่ถ้วนที่ยัง "ไม่มีองค์" เลย!!!!

สรุป...คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องเป็น ร่างทรง...
ร่างทรง อาจจะ ไม่มีองค์ เลยก็ได้ (ผู้ที่เข้าข่ายหลอกลวง)
คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้อง รับขันธ์ เพราะการรับขันธ์ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูแม้แต่น้อย
ถ้ามีคนทักว่า มีองค์ ก็ให้เฉยๆไว้ อย่าหลงเชื่อ... คุณอาจจะมีองค์จริง หรือไม่มีองค์ ก็ไม่มีใครทราบ และไม่จำเป็นต้องทราบ...
อย่าไปเสียเงินค่าพิธีแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าเสียเงินครั้งแรกจากการรับขันธ์..คุณจะโดนของเขมรทันที...และต้องเสียไปเรื่อยๆจนหมดตัวในที่สุด!!

ขอให้กลับไปสวดมนต์ภาวนาบูชาพระอย่างเดิม ไหว้พระก็ไหว้ที่บ้าน อยากไหว้นอกบ้านก็เข้าวัดหรือเทวสถานไปเลยจะดีกว่า
.........................

คุณอาจจะเคลิบเคลิ้ม เมื่อถูกร่างทรงทักว่าคุณมีองค์ของเทพองค์นั้นองค์นี้..การได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นจุดอับ อัดแน่นไปด้วยควันธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นดอกไม้ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนพนมมือไหว้ มีเทวรูปของเทพเจ้ามากมาย เต็มไปด้วยเศียรของฤาษีพ่อแก่ หัวโขน กุมารทอง เจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ บรรยากาศเหล่านี้จะก่อให้เกิดความกลัว ความกลัวก่อให้เกิดความศรัทธา และในบรรยากาศที่มีผู้ศรัทธาอยู่ด้วยกันมากๆ จะทำให้คุณเกิดอุปาทาน คล้อยตาม จิตประหวัดก่อให้เกิดอาการมือชา ตัวชา ตัวสั่น ปวดหัว เมื่อผู้คนรอบข้างคุณเริ่มมีอาการ คุณก็จะมีอาการ เมื่อคุณมีอาการ คนอื่นๆก็ก็คล้อยตามไปเรื่อย...อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ตัวร้อน ตัวสั่น ก็นึกไปว่าเทพประทับ ลุกขึ้นร่ายรำ ดันไปเรียกอาการนี้ว่า เจ้าเข้าทรงแล้ว...ก็มั่วกันไปทั้งตำหนัก!!

ยิ่งตำหนักนั้นๆเลี้ยงผีไว้ด้วย อาการต่างๆที่ว่ามานี่แหละก็เป็นช่องทางให้ผีมันเข้าสิงได้ เพราะผีมันชอบสิงคนจิตอ่อน ชอบแทรกเข้าร่างคนที่ไม่มีภูมิต้านทานในจิตใจ คนที่ถูกวิญญาณเข้าแทรกก็ดันคิดว่า อ้อ..กูนี่คือเทพนี่เอง!!!

>>>> ตามตำหนักทรง เราสามารถพบเห็นเรื่องทุเรศๆ ที่บิดเบือนไปจากศาสนาพุทธ-พราหมณ์ ได้มากมาย เช่น ร่างทรงพระพิฆเนศอ้วกแตกเพราะสูบบุหรี่ใบจากในขณะประทับทรง , พระแม่อุมาลงประทับลงร่างทรงที่เป็นกะเทย , พระวิษณุนารายณ์ต่อสู้กับนางตะเคียน , พ่อแก่ฤาษีประทับทรงแล้วกระโดดกอดสีกา , พระแม่ลักษมีดูดวงให้ลูกศิษย์ , พระนารายณ์อวตารสูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro , พระพรหมลงมาใบ้หวยให้เลขเด็ดแก่ลูกศิษย์ , พระพุทธเจ้ามาลงประทับร่างคนหน้าเหมือนโจร , พระศิวะคุยภาษาแขกกับเจ้าแม่กวนอิม (อันนี้ฮาสุดๆ) ฯลฯ แล้วคุณทั้งหลายยังจะคิดว่าองค์เทพเจ้าต่างๆที่ลงมาประทับนั้น เป็นองค์จริงๆแน่หรือ??

ก็เพราะคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นี่เองที่ทำให้ประเทศไทยเราไม่เจริญสักที หากพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูท่าจะเป็นการหลอกลวง เป็นการแหกตา ก็สมควร ลบหลู่ ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป!! คนไทยกลัวกันเยอะครับ ประเทศชาิติเลยไม่เจริญสักทีทั้งทางโลกและทางธรรม...

การอัญเชิญทิพยสภาวะของเทพเจ้าลงมาสู่กายแห่งมนุษย์ หรือการประทับทรงนั้น หาใช่เรื่องที่ใครๆ จะทำกันได้ทั่วไป ผู้ที่สามารถอัญเชิญพลังบารมีแห่งองค์เทวะมาประทับหรือสื่อจิตไปถึงองค์เทวะได้นั้น จะต้องได้รับการฝึกจิต ปฏิบัติธรรม เพื่อชำระกาย ชำระใจของตนให้สะอาดเสียก่อน ขอได้โปรดเข้าใจและศึกษาอย่างถ่องแท้


บางคนอาจสงสัยว่า แล้วพราหมณ์อินเดียที่เป็นร่างทรงของวัดแขกสีลมทั้ง 3 ท่านนั้น เป็นเรื่องหลอกลวงด้วยหรือไม่? ผู้เขียนขอตอบว่า สำหรับในวัดแขกนั้น นับว่าเป็นของจริง และกระทำอยู่ในขอบเขต ไม่มีการทำนายทายทัก ไม่มีการเสกของ ไม่มีการเรียกเงินทองจากผู้ศรัทธา ไม่มีการให้รับขันธ์ ผู้ที่จะเป็นร่างให้พระแม่อุมา พระแม่กาลี และพระขันทกุมาร ของวัดแขกสีลมนั้น จะต้องเก็บตัวอยู่ในวัดตลอดเดือน ถือปฏิบัติเป็นโยคี ทานมังสวิรัติ และจะต้องเก็บตัวอยู่ตลอดเดือน ด้วยการนั่งสมาธิ ฝึกจิต ทรมานตน ฯลฯ จะเห็นว่าแตกต่างจากการทรงเจ้าที่ปรากฎตามตำหนักทั่วๆไปมากพอสมควร (แต่ในวันนวราตรีที่จัดในวัดแขก ก็จะเห็นว่ามีร่างทรงจากตำหนักทรงทั่วประเทศไปปรากฏตัว ตั้งโต๊ะบูชากันมากมายเหมือนกัน เดินชมเทวรูปของตำหนักต่างๆ ได้แต่อย่าไปยุ่งกับเจ้าของค่ะ
เพิ่มเติมเรื่องวัดแขก***
ทั้งนี้ทั้งนั้น...บรรยากาศภายในวัดแขกสีลม มีความอึกทึกครึกโครม เสียงดัง และต้องรีบไหว้ รีบถวาย รีบกลับ!! ไม่สามารถอยู่ชมความงามขององค์เทวรูปได้นานนัก โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ จะไม่สามารถทำได้ (เพราะมีเจ้าหน้าที่โวยวายเสียงดัง คอยต้อนคน ให้รีบๆไหว้ เนื่องจากแต่ละวันคนเยอะมาก และทุกๆวันจะมีพวกร่างทรงเนี่ยแหละ เข้าไปไหว้เทพกัน คุณอาจจะเดินกระทบไหล่พวกเขาก็ได้ !!!) อาจทำให้หลายคนเกิดอคติ ไม่ชอบวัดแขกไปโดยปริยาย

....ผู้เขียนและทีมงานสยามคเณศทุกท่าน จึงขอแนะนำให้ลองไปกราบนมัสการเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์ในวัดหลักอีก 3 วัดที่มีความสำคัญเช่นกัน นั่นก็คือ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ (เสาชิงช้า) , วัดเทพมณเฑียร (ใกล้โบสถ์พราหมณ์) และ วัดวิษณุ (ยานนาวา) ซึ่งทั้ง 3 แห่งนี้ไม่มีการทรงเจ้า สถานที่เงียบสงบ สามารถนั่งสมาธิได้ มีทั้งคนไทยและแขก แขกส่วนใหญ่ในวัดเทพมณเทียรและวัดวิษณุจะพูดไทยได้ เพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทย คนไทยหลายๆคนอาจจะเคอะเขิน หรือทำอะไรไม่ถูกเมื่อไปครั้งแรก แต่ต่อๆไปก็
จะชินเอง สามารถสอบถามขอความรู้จากคนข้างในได้ ...ที่วัดเทพมณเฑียรและวัดวิษณุ จะไม่มีการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนในเชิงพาณิชย์ หากต้องการถวายดอกไม้เราก็ต้องเตรียมของไปถวายเอง และวัดทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมานี้ จะประกอบพิธีกรรมโดยยึดถือหลักปฏิบัติตามวิถีอินเดียโบราณที่ถูกต้องค่ะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่