เขาเป็นหนึ่งในโค้ชวอลเลย์บอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา เขาเปิดตัวในฐานะหัวหน้าโค้ชเมื่ออายุ 23 ปี และอีกหนึ่งปีต่อมาเขาก็เป็นผู้นำทีมในเซเรียอา
แม้แต่ในอิสตันบูลเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ทุกอย่างที่ทำได้กับวากิฟแบงค์ ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการสนองความกระหายชัยชนะอย่างไม่ย่อท้อ Giovanni Guidetti ผู้ชนะแชมเปียนส์ลีก 5 สมัย อดีตหัวหน้าโค้ชทีมชาติตุรกี เปิดเผยความลับในงานของเขาดังนี้
*****พูดถึงวันเกิดตอนอายุ 50 ปีของเขา
“ทุกเช้าตื่นนอนผมจะมีเวลาคิดทบทวนว่า 'อายุห้าสิบ' ไม่ได้สำคัญอะไร ผมไม่ชอบจัดงานปาร์ตี้ แต่ผมจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ อยู่กับเพื่อนสนิทสำหรับอายุแล้ว ผมถือว่าตัวเองยังเด็กในทุกๆ ด้านของชีวิต แม้ว่าหนังสือเดินทางของผมจะบอกว่าผมค่อนข้างแก่ก็ตาม “
“ผมเป็นโค้ชอายุน้อยที่ต้องเรียนรู้มากมายเพื่อให้ผิดพลาดน้อยลง และเป็นพ่อหนุ่มที่ทำผิดพลาดมากขึ้นและยังต้องเรียนรู้อีกมาก ผมอยากมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ดังนั้น วันนี้ผมถือว่าผมมาครึ่งทางของชีวิตแล้ว”
*****เขาเป็นโค้ชอายุน้อย และพูดถึงพ่อของเขาว่า
“พ่อไม่เคยผลักดันงานฝึกอบรมการเป็นโค้ชของผม การเป็นลูกชายของ Adriano Guidetti ทำให้ผมใช้เวลาทั้งวันกับเขาในโรงยิมตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่ได้เล่นของเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ “
“เมื่อผมมีลูกสาว ผมต้องซื้อบ้านตุ๊กตาอีกหลังให้ลูกสาว สำหรับผมตอนเด็กๆบอลลูกเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ไม่มีตาข่าย และนั่นคือทั้งหมด นั่นคือวัยเด็กของผม “
“ผมรู้สึกขอบคุณครอบครัวที่ผมเติบโตมา ผมไม่รู้สึกกดดันกับงานที่เฉพาะเจาะจง ผมถูกผลักดันให้เล่นกีฬา ผมลองทุกอย่างแล้ว - ว่ายน้ำ ฟุตบอล เทนนิส เล่นสกี และวอลเลย์บอล ผมจำกัดตัวเองอยู่แค่เทนนิสและวอลเย์บอลแต่สุดท้ายผมก็อยู่กับกีฬาชนิดสุดท้ายคือวอลเลย์บอล”
*****พูดถึงวอลเลย์บอลในโมเดน่า
“วอลเลย์บอลยังคงอยู่ เมื่อผมเกิดในโมเดนา ผมก็ต้องพบกับชะตากรรมของมัน เมืองที่มีกลิ่นของประวัติศาสตร์วอลเลย์บอล ทั้งชายและหญิงต่อสู้ที่นี่ ผู้นำหลักของกีฬาในอิตาลีมาจากภูมิภาคนี้ ครอบครัวและสถานที่เกิดของผมมีอิทธิพลอย่างมากต่อความรักในกีฬาวอลเลย์ของผม”
*****ความสามารถพิเศษในบริบทของการฝึกสอน
“ผมไม่ชอบคำว่าพรสวรรค์ แน่นอนว่ามันมีอยู่ในชีวิตของทุกคน สมมุติผมจะให้ปากกาและบอกให้คุณวาดรูปบางอย่าง ถ้าคุณมีพรสวรรค์คุณจะทำได้ดีมาก หลังจากนั้นสักครู่ผมจะลองวาดอะไรสักอย่างแต่ออกมาไม่ดี ผมคิดว่าถ้าผมเรียนรู้สิบชั่วโมงต่อวันจากนักเขียนการ์ตูนที่ดีที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปผมก็จะเก่งกว่าคุณ พรสวรรค์ของคุณไม่สำคัญในการแข่งขันโดยตรง การฝึกฝนต่างหากล่ะที่สำคัญกว่า”
“พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญ นี่เป็นข้อได้เปรียบซึ่งแปลเป็นความสำเร็จห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือคุณต้องทำงานหนัก พ่อของผมเป็นโค้ชและครู แม่ของผมก็เป็นครูด้วย และวันนี้น้องสาวของผมก็มีบทบาทคล้ายๆ กัน ผมไม่เคยชอบโรงเรียน แต่ผมคิดว่าผมมีพรสวรรค์ในการถ่ายทอดความรู้ในยีนของครอบครัวเรา”
****เมื่อเขาตะโกนใส่ลูกทีม
“โชคดีที่ผมไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ผมรู้จากมุมมองของคนอื่น (หัวเราะ) ผมคิดว่าลักษณะของโค้ชทุกคนคือเขามีมุมมองในการทำงานของตัวเอง Roger Federer เล่นแตกต่างจาก Rafael Nadal และเขาเล่นแตกต่างกับ Novak Djokovic ไม่ว่าในกรณีใดคุณจะพูดว่าสไตล์หนึ่งดีกว่าอีกสไตล์หนึ่ง เขาแตกต่างออกไป มันเหมือนกันกับการฝึกสอน ผมเดินตามทางของผมเอง “
“ผมคิดว่าถ้าผมเพิ่มพลังงานให้กับทีม ทีมก็มีพลังงานมากขึ้น มันใช้ได้ทั้ง 2 ทาง ทีมอาจจะขาดเพราะผม อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสถานการณ์ที่ผิดธรรมชาติ เพราะปรัชญาของผมคือการผลักดันให้ผู้คนดำเนินการ ผมรู้จักโค้ชดีๆ หลายคนที่พูดน้อย แต่ผมทำไม่ได้ นั่นเป็นเพราะธรรมชาติไม่อนุญาตให้ผมทำ และผมก็เป็นตัวของตัวเอง”
****เริ่มต้นจากอาชีพผู้ช่วยโค้ช
“เมื่อผมไม่ได้ก้าวเข้าสู่บทบาท "เฮดโค้ช" แบบหมดเปลือก ผมเคยเป็นผู้ช่วยที่ Spezzano, Club Italia และทีมชาติอิตาลี “
“ผมโชคดีสำหรับโอกาสและช่วงเวลาดีๆ การเปลี่ยนไปทำงานอิสระยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนในบอกด้วย ผมจำได้ว่าในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ช่วยผมไม่มีความสุข ผมต้องการโอกาสที่จะทำผิดพลาดด้วยตัวเองในฐานะโค้ชคนแรก “
“ผมต้องการดำน้ำลึก มันเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่ปี ในกรณีของผู้ฝึกสอนคนอื่น ๆ การเปิดตัวในบทบาทของ "หัวหน้าโค้ช" จะเกิดขึ้นหลังจากทำงานผู้ช่วยหนึ่งปีหรือสิบห้าปี ไม่มีมาตรฐานหรือข้อกำหนดในกรณีนี้ มีเพียงความรู้สึกที่วันหนึ่งบอกคุณว่าถึงเวลาที่ต้องก้าวครั้งใหญ่”
*****คุณไม่ได้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะหัวหน้าโค้ชใช่ไหม?
“ไม่มีใครสามารถมั่นใจในสิ่งเหล่านี้ได้ แม้วันนี้หรือหลังจากยี่สิบห้าปี ผมไม่แน่ใจว่าผมจะประสบความสำเร็จกับทีมชาติตุรกีหรือวากิฟแบงค์ ผมแค่พยายามทำให้สำเร็จเพราะผมรักวอลเลย์บอลและงานของผม
*****เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าวิธีการทำงานของคุณได้ผล?
“สไตล์ของผมคือการผสมผสานระหว่างสิ่งที่ผมรู้และสิ่งที่ผมเรียนรู้จากผู้เล่น ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือคุยกับพวกเขาทุกวัน”
“ผมจำได้ว่ามาหาพวกเขาทุกวันเพื่อถามว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ผมบอกแผนการเรียนของผมให้พวกเขาฟังและถามพวกเขาว่ามีข้อโต้แย้งหรือไม่ ผมเปิดรับข้อเสนอแนะทั้งหมดเพราะผมเป็นมือใหม่ ผมได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ ผมทำอย่างนั้นจริง ๆ ในวันนี้ ผมยังคงเปิดรับคำแนะนำจากนักวอลเลย์บอล เพราะพวกเขาเล่นในสนาม ไม่ใช่ผม”
*****พ่อกำชับให้คุณฟังนักวอลเลย์บอลมากกว่าพูดกับพวกเขาใช่ไหม?
“คุณพูดถูก มันเป็นเพราะเขา ผมเกลียดความเย่อหยิ่งจองหองและรักความอ่อนน้อมถ่อมตน ผมพยายามทำตัวถ่อมตัวอยู่เสมอ หากทีมชนะ
ผมสามารถพูดได้ว่าเราโชคดีเพราะเราได้ผู้เล่นที่ดีซึ่งเราทำผลงานได้ดีและคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ ผู้เล่นมีส่วนมากกว่าโค้ช”
*****คุณมาลงเอยที่สหรัฐอเมริกาได้อย่างไร?
“ผมเป็นโค้ชอายุน้อย ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยผมหลงใหลในวอลเลย์บอลอเมริกัน มีโปสเตอร์ของ Pat Powers และ Karch Kiraly แขวนอยู่ในห้องของผม ผมตื่นเต้นกับเกมของพวกเขามาก เมื่อผมมาเป็นโค้ช ความหลงใหลในสไตล์ท้องถิ่นยังคงอยู่ ผมยังมีโอกาสได้ทำงานเป็นโค้ชของทีม USA B อยู่ระยะหนึ่ง”
*****คุณมีแรงจูงใจมากมายจากสหรัฐอเมริกาในปรัชญาการทำงานของคุณหรือไม่?
“มาก มาก มากจริงๆ ผมต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมวอลเลย์บอลอเมริกันนั้นใกล้ชิดกับผมมากที่สุด ผมเข้าใกล้ปัญหาการรับวอลเลย์บอลในลักษณะเดียวกับชาวอเมริกัน การป้องกันและการบล็อกของทีม ของผมก็มีความคล้ายคลึงกันมากเช่นกัน “
*****พูดถึงการทำงานในสโมสร วากิฟ
“ที่ Vakifbank ผมคาดหวังที่จะชนะทุกนัด ทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น วันนี้มันชัดเจนเพราะแทบทุกคนไม่มีใครจำจุดเริ่มต้นของสโมสรนี้ได้ การประสบความสำเร็จกับทีมชาติเป็นสิ่งที่เรียกร้องมากกว่ากับสโมสร อันที่จริง ทุกๆ ปีผมสร้างทีมตั้งแต่เริ่มต้นเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่ผู้เล่นแต่ลำตำแหน่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน “
“จากมุมมองของผู้เล่น การแสดงที่สโมสร- ไม่ว่าจะเป็นสโมสรไหน - ก็เหมือนการเข้าพักในโรงแรมห้าดาว การทำงานกับทีมชาติก็เหมือนการเข้าแคมป์ เรากำลังพูดถึงระดับความยากและความเป็นจริงที่แตกต่างกันที่นี่ ในสโมสรคุณมีเวลาพักผ่อน คุณนอนบนเตียงเป็นเวลา 80 เปอร์เซ็นต์ของฤดูกาล คนที่รักส่วนใหญ่จะอยู่ข้างๆ คุณ ผมจะไม่พูดว่ามันเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและงดงาม ยังมีความต้องการสูง ความเครียด การแข่งขันที่ดุเดือด ต่อสู้กับทีมที่ดีที่สุด “
****เมื่อการทำงานเข้าสู่ทีมชาติ
“เมื่อเข้าสู่ทีมชาติทุกคนจะถูกตัดขาดจากครอบครัวเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อทีมพ่ายแพ้จะได้สัมผัสกับอารมณ์มากมาย คิดถึงบ้านก็ไม่สามารถกลับบ้านได้ “
“ทั้งโค้ชและนักกีฬาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกัน นั่งอยู่ที่เดิมกับคนเดิมๆ ไม่สำคัญว่าจะชอบหรือไม่ชอบใครในทีมงาน แต่ทุกคนต้องกิน ฝึก และพักในอาคารเดียวกับบุคคลนี้ “
“ในทางกลับกัน ในทีมชาติ ผมชื่นชมผู้เล่นทุกคนที่เต็มใจตัดสินใจสละเวลาสองสามเดือนทุกปี ที่นี่ไม่มีเงินเดือนในทีมชาติ “
“ผมจำสถานการณ์ที่ต้องเจอตอนคุมทีมชาติตุรกีได้ ก่อนที่ผมจะเลือกผู้เล่นเข้าทีมชาติ ผมจะถามพวกเธอแต่ละคนก่อนว่าอยากติดทีมชาติไหม ถ้ามีคนปฏิเสธ ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเธอ ถ้าไม่ได้ผลผมก็จะพูดว่าขอบคุณ “
“ผมจะไม่มีวันไปร้องไห้กับสหพันธ์โดยพูดว่า "นักสู้คนนี้ไม่อยากมา ต้องทำให้เธอมาเถอะ" ผมจะไม่ย่อท้อไปถึงระดับนั้น ผมไม่ต้องการให้มีผู้เล่นที่ไม่มีแรงจูงใจ ที่มาเพราะมีคนสั่งและบังคับให้เธอมาที่นี่ ทุกคนต้องมาด้วยความสมัครใจและมีแรงจูงใจกับความอุตสาหะอย่างมาก”
“อย่างไรก็ตามถึงแม้งานในทีมชาติจะลำบาก แต่ยังให้ประโยชน์มากมายกับนักตบ อาทิ ความรุ่งโรจน์, ความนิยม, ผู้สนับสนุน, ความสนใจทางทีวี, แฟน ๆ, ผู้ติดตามบน Instagram - มีข้อดีบางประการเหล่านี้ การคว้าแชมป์ยุโรปของตุรกีไม่ได้มีความหมายเหมือนกับการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ความสำเร็จในการเป็นตัวแทนมีน้ำหนักมากกว่า “
“เมื่อวากิฟคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ผู้คนนับล้านในประเทศมีความสุข เมื่อทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ชาวเติร์ก 45 ล้านคนก็มีความสุข นี่เป็นข้อดีอย่างมาก แต่เพื่อให้รู้สึกได้บนผิวของเรา พวกเราทุกคนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก”
*****คุณมีช่วงลำบากที่ Vakfibank ไหม
“เปิดฤดูกาลแรกอย่างแน่นอน มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมผมค่อนข้างเป็นคนเข้ากับคนง่าย และหลังจากมาถึงตุรกี ผมมีปัญหาในการสื่อสารกับเพื่อนเพราะอุปสรรคทางภาษา มีคนไม่กี่คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี วันนี้ดีขึ้นแล้ว “
“ผมจะไม่โกหก ผมไม่มีความสุขเลยในขณะนั้น ทีมมีปัญหามากมาย มีเซอร์ไพรส์อีกมากมายเกิดขึ้นระหว่างฤดูกาล จบลงด้วยการแพ้ในรอบตัดเชือกทีมที่อยู่อันดับ 8”
“ผมจำได้ว่าหลังจบฤดูกาล ผมไปหาประธานวากิฟเพื่อขอโทษและขอบคุณเขาสำหรับโอกาส “ขอบคุณ CEO ผมขอให้ Vakfibank โชคดี ผมทำผิดพลาดไปมาก แต่เขาขอให้ผมอยู่ช่วยทีมต่อ”
****การแสดงออกถึงความไว้วางใจจากประธานวากิฟใช่หรือไม่?
“ไม่ใช่การแสดงออกถึงความไว้วางใจ แต่เป็นการเพิ่มแรงกดดันเพิ่มเติม ผมรู้สึกถึงสัมภาระที่คาดหวังไว้บนบ่าของผมมากยิ่งขึ้น เขาบอกผมว่า "ผมชอบวิธีที่คุณบริหารทีม แต่คุณล้มเหลว คุณอยู่เพราะเราเชื่อในปรัชญาของคุณ เราหวังว่าคุณจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมในฤดูกาลหน้า" มันไม่มีอะไรนอกจากความกดดันมหาศาล ถ้าผมไม่ฉวยโอกาสนี้ ผมคงลาออกไปแล้ว”
*****วันนี้คุณสามารถพูดได้ว่าคุณชนะทุกสิ่งในวอลเลย์บอลสโมสร ?
“ผมไม่เคยมองอาชีพของผมผ่านปริซึมของ "ที่นี่มีทอง ที่นั่นมีทอง" ผมพูดกับตัวเองด้วยความขมขื่นว่า "ให้ตายเถอะ นี่คือบรอนซ์ และนี่คืออันดับที่สี่" ผมคิดว่าผมน่าจะทำสิ่งที่ดีกว่านี้ได้ ถ้าผมย้อนกลับไปในความทรงจำเก่าๆ ผมจะดูการประชุมที่เลวร้ายที่สุด การประชุมที่ไม่ได้ผล”
“เมื่อฤดูกาลเริ่มต้นขึ้น ผมรู้สึกอยากจะคว้าแชมป์อีกครั้ง ผมมีโอกาสห้าครั้งที่จะตอบสนองการเสพติด "ชัยชนะ" ของผม ผมจะไม่มีวันเบื่อมัน “
*****สุดท้ายคุณต้องประสบความสำเร็จอะไรบ้างจึงจะได้รับการพิจารณาให้เป็นโค้ชที่ดี?
“มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป แม้จะประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สโมสร แต่ละฤดูกาลก็แตกต่างกันไปสำหรับผม ทุกปีผมต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่และจากคนใหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมีผู้เล่นที่ดีมาจากเกาหลี บราซิล และอเมริกาที่สำนักงานใหญ่ของ Vakifbank และตอนนี้ผมทำงานกับ Cesar จากสเปน พวกเขามาที่ทีมเพื่อสอนบางอย่างให้ผม
Giovanni Guidetti เปิดความคิดโค้ชวอลเลย์บอลทีมหญิงที่ยอดเยี่ยมของโลก
เขาเป็นหนึ่งในโค้ชวอลเลย์บอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา เขาเปิดตัวในฐานะหัวหน้าโค้ชเมื่ออายุ 23 ปี และอีกหนึ่งปีต่อมาเขาก็เป็นผู้นำทีมในเซเรียอา
แม้แต่ในอิสตันบูลเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ทุกอย่างที่ทำได้กับวากิฟแบงค์ ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการสนองความกระหายชัยชนะอย่างไม่ย่อท้อ Giovanni Guidetti ผู้ชนะแชมเปียนส์ลีก 5 สมัย อดีตหัวหน้าโค้ชทีมชาติตุรกี เปิดเผยความลับในงานของเขาดังนี้
*****พูดถึงวันเกิดตอนอายุ 50 ปีของเขา
“ทุกเช้าตื่นนอนผมจะมีเวลาคิดทบทวนว่า 'อายุห้าสิบ' ไม่ได้สำคัญอะไร ผมไม่ชอบจัดงานปาร์ตี้ แต่ผมจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ อยู่กับเพื่อนสนิทสำหรับอายุแล้ว ผมถือว่าตัวเองยังเด็กในทุกๆ ด้านของชีวิต แม้ว่าหนังสือเดินทางของผมจะบอกว่าผมค่อนข้างแก่ก็ตาม “
“ผมเป็นโค้ชอายุน้อยที่ต้องเรียนรู้มากมายเพื่อให้ผิดพลาดน้อยลง และเป็นพ่อหนุ่มที่ทำผิดพลาดมากขึ้นและยังต้องเรียนรู้อีกมาก ผมอยากมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ดังนั้น วันนี้ผมถือว่าผมมาครึ่งทางของชีวิตแล้ว”
*****เขาเป็นโค้ชอายุน้อย และพูดถึงพ่อของเขาว่า
“พ่อไม่เคยผลักดันงานฝึกอบรมการเป็นโค้ชของผม การเป็นลูกชายของ Adriano Guidetti ทำให้ผมใช้เวลาทั้งวันกับเขาในโรงยิมตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่ได้เล่นของเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ “
“เมื่อผมมีลูกสาว ผมต้องซื้อบ้านตุ๊กตาอีกหลังให้ลูกสาว สำหรับผมตอนเด็กๆบอลลูกเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ไม่มีตาข่าย และนั่นคือทั้งหมด นั่นคือวัยเด็กของผม “
“ผมรู้สึกขอบคุณครอบครัวที่ผมเติบโตมา ผมไม่รู้สึกกดดันกับงานที่เฉพาะเจาะจง ผมถูกผลักดันให้เล่นกีฬา ผมลองทุกอย่างแล้ว - ว่ายน้ำ ฟุตบอล เทนนิส เล่นสกี และวอลเลย์บอล ผมจำกัดตัวเองอยู่แค่เทนนิสและวอลเย์บอลแต่สุดท้ายผมก็อยู่กับกีฬาชนิดสุดท้ายคือวอลเลย์บอล”
*****พูดถึงวอลเลย์บอลในโมเดน่า
“วอลเลย์บอลยังคงอยู่ เมื่อผมเกิดในโมเดนา ผมก็ต้องพบกับชะตากรรมของมัน เมืองที่มีกลิ่นของประวัติศาสตร์วอลเลย์บอล ทั้งชายและหญิงต่อสู้ที่นี่ ผู้นำหลักของกีฬาในอิตาลีมาจากภูมิภาคนี้ ครอบครัวและสถานที่เกิดของผมมีอิทธิพลอย่างมากต่อความรักในกีฬาวอลเลย์ของผม”
*****ความสามารถพิเศษในบริบทของการฝึกสอน
“ผมไม่ชอบคำว่าพรสวรรค์ แน่นอนว่ามันมีอยู่ในชีวิตของทุกคน สมมุติผมจะให้ปากกาและบอกให้คุณวาดรูปบางอย่าง ถ้าคุณมีพรสวรรค์คุณจะทำได้ดีมาก หลังจากนั้นสักครู่ผมจะลองวาดอะไรสักอย่างแต่ออกมาไม่ดี ผมคิดว่าถ้าผมเรียนรู้สิบชั่วโมงต่อวันจากนักเขียนการ์ตูนที่ดีที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปผมก็จะเก่งกว่าคุณ พรสวรรค์ของคุณไม่สำคัญในการแข่งขันโดยตรง การฝึกฝนต่างหากล่ะที่สำคัญกว่า”
“พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญ นี่เป็นข้อได้เปรียบซึ่งแปลเป็นความสำเร็จห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือคุณต้องทำงานหนัก พ่อของผมเป็นโค้ชและครู แม่ของผมก็เป็นครูด้วย และวันนี้น้องสาวของผมก็มีบทบาทคล้ายๆ กัน ผมไม่เคยชอบโรงเรียน แต่ผมคิดว่าผมมีพรสวรรค์ในการถ่ายทอดความรู้ในยีนของครอบครัวเรา”
****เมื่อเขาตะโกนใส่ลูกทีม
“โชคดีที่ผมไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ผมรู้จากมุมมองของคนอื่น (หัวเราะ) ผมคิดว่าลักษณะของโค้ชทุกคนคือเขามีมุมมองในการทำงานของตัวเอง Roger Federer เล่นแตกต่างจาก Rafael Nadal และเขาเล่นแตกต่างกับ Novak Djokovic ไม่ว่าในกรณีใดคุณจะพูดว่าสไตล์หนึ่งดีกว่าอีกสไตล์หนึ่ง เขาแตกต่างออกไป มันเหมือนกันกับการฝึกสอน ผมเดินตามทางของผมเอง “
“ผมคิดว่าถ้าผมเพิ่มพลังงานให้กับทีม ทีมก็มีพลังงานมากขึ้น มันใช้ได้ทั้ง 2 ทาง ทีมอาจจะขาดเพราะผม อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสถานการณ์ที่ผิดธรรมชาติ เพราะปรัชญาของผมคือการผลักดันให้ผู้คนดำเนินการ ผมรู้จักโค้ชดีๆ หลายคนที่พูดน้อย แต่ผมทำไม่ได้ นั่นเป็นเพราะธรรมชาติไม่อนุญาตให้ผมทำ และผมก็เป็นตัวของตัวเอง”
****เริ่มต้นจากอาชีพผู้ช่วยโค้ช
“เมื่อผมไม่ได้ก้าวเข้าสู่บทบาท "เฮดโค้ช" แบบหมดเปลือก ผมเคยเป็นผู้ช่วยที่ Spezzano, Club Italia และทีมชาติอิตาลี “
“ผมโชคดีสำหรับโอกาสและช่วงเวลาดีๆ การเปลี่ยนไปทำงานอิสระยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนในบอกด้วย ผมจำได้ว่าในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ช่วยผมไม่มีความสุข ผมต้องการโอกาสที่จะทำผิดพลาดด้วยตัวเองในฐานะโค้ชคนแรก “
“ผมต้องการดำน้ำลึก มันเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่ปี ในกรณีของผู้ฝึกสอนคนอื่น ๆ การเปิดตัวในบทบาทของ "หัวหน้าโค้ช" จะเกิดขึ้นหลังจากทำงานผู้ช่วยหนึ่งปีหรือสิบห้าปี ไม่มีมาตรฐานหรือข้อกำหนดในกรณีนี้ มีเพียงความรู้สึกที่วันหนึ่งบอกคุณว่าถึงเวลาที่ต้องก้าวครั้งใหญ่”
*****คุณไม่ได้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะหัวหน้าโค้ชใช่ไหม?
“ไม่มีใครสามารถมั่นใจในสิ่งเหล่านี้ได้ แม้วันนี้หรือหลังจากยี่สิบห้าปี ผมไม่แน่ใจว่าผมจะประสบความสำเร็จกับทีมชาติตุรกีหรือวากิฟแบงค์ ผมแค่พยายามทำให้สำเร็จเพราะผมรักวอลเลย์บอลและงานของผม
*****เมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าวิธีการทำงานของคุณได้ผล?
“สไตล์ของผมคือการผสมผสานระหว่างสิ่งที่ผมรู้และสิ่งที่ผมเรียนรู้จากผู้เล่น ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือคุยกับพวกเขาทุกวัน”
“ผมจำได้ว่ามาหาพวกเขาทุกวันเพื่อถามว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ผมบอกแผนการเรียนของผมให้พวกเขาฟังและถามพวกเขาว่ามีข้อโต้แย้งหรือไม่ ผมเปิดรับข้อเสนอแนะทั้งหมดเพราะผมเป็นมือใหม่ ผมได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ ผมทำอย่างนั้นจริง ๆ ในวันนี้ ผมยังคงเปิดรับคำแนะนำจากนักวอลเลย์บอล เพราะพวกเขาเล่นในสนาม ไม่ใช่ผม”
*****พ่อกำชับให้คุณฟังนักวอลเลย์บอลมากกว่าพูดกับพวกเขาใช่ไหม?
“คุณพูดถูก มันเป็นเพราะเขา ผมเกลียดความเย่อหยิ่งจองหองและรักความอ่อนน้อมถ่อมตน ผมพยายามทำตัวถ่อมตัวอยู่เสมอ หากทีมชนะ
ผมสามารถพูดได้ว่าเราโชคดีเพราะเราได้ผู้เล่นที่ดีซึ่งเราทำผลงานได้ดีและคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ ผู้เล่นมีส่วนมากกว่าโค้ช”
*****คุณมาลงเอยที่สหรัฐอเมริกาได้อย่างไร?
“ผมเป็นโค้ชอายุน้อย ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยผมหลงใหลในวอลเลย์บอลอเมริกัน มีโปสเตอร์ของ Pat Powers และ Karch Kiraly แขวนอยู่ในห้องของผม ผมตื่นเต้นกับเกมของพวกเขามาก เมื่อผมมาเป็นโค้ช ความหลงใหลในสไตล์ท้องถิ่นยังคงอยู่ ผมยังมีโอกาสได้ทำงานเป็นโค้ชของทีม USA B อยู่ระยะหนึ่ง”
*****คุณมีแรงจูงใจมากมายจากสหรัฐอเมริกาในปรัชญาการทำงานของคุณหรือไม่?
“มาก มาก มากจริงๆ ผมต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมวอลเลย์บอลอเมริกันนั้นใกล้ชิดกับผมมากที่สุด ผมเข้าใกล้ปัญหาการรับวอลเลย์บอลในลักษณะเดียวกับชาวอเมริกัน การป้องกันและการบล็อกของทีม ของผมก็มีความคล้ายคลึงกันมากเช่นกัน “
*****พูดถึงการทำงานในสโมสร วากิฟ
“ที่ Vakifbank ผมคาดหวังที่จะชนะทุกนัด ทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น วันนี้มันชัดเจนเพราะแทบทุกคนไม่มีใครจำจุดเริ่มต้นของสโมสรนี้ได้ การประสบความสำเร็จกับทีมชาติเป็นสิ่งที่เรียกร้องมากกว่ากับสโมสร อันที่จริง ทุกๆ ปีผมสร้างทีมตั้งแต่เริ่มต้นเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่ผู้เล่นแต่ลำตำแหน่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน “
“จากมุมมองของผู้เล่น การแสดงที่สโมสร- ไม่ว่าจะเป็นสโมสรไหน - ก็เหมือนการเข้าพักในโรงแรมห้าดาว การทำงานกับทีมชาติก็เหมือนการเข้าแคมป์ เรากำลังพูดถึงระดับความยากและความเป็นจริงที่แตกต่างกันที่นี่ ในสโมสรคุณมีเวลาพักผ่อน คุณนอนบนเตียงเป็นเวลา 80 เปอร์เซ็นต์ของฤดูกาล คนที่รักส่วนใหญ่จะอยู่ข้างๆ คุณ ผมจะไม่พูดว่ามันเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและงดงาม ยังมีความต้องการสูง ความเครียด การแข่งขันที่ดุเดือด ต่อสู้กับทีมที่ดีที่สุด “
****เมื่อการทำงานเข้าสู่ทีมชาติ
“เมื่อเข้าสู่ทีมชาติทุกคนจะถูกตัดขาดจากครอบครัวเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อทีมพ่ายแพ้จะได้สัมผัสกับอารมณ์มากมาย คิดถึงบ้านก็ไม่สามารถกลับบ้านได้ “
“ทั้งโค้ชและนักกีฬาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกัน นั่งอยู่ที่เดิมกับคนเดิมๆ ไม่สำคัญว่าจะชอบหรือไม่ชอบใครในทีมงาน แต่ทุกคนต้องกิน ฝึก และพักในอาคารเดียวกับบุคคลนี้ “
“ในทางกลับกัน ในทีมชาติ ผมชื่นชมผู้เล่นทุกคนที่เต็มใจตัดสินใจสละเวลาสองสามเดือนทุกปี ที่นี่ไม่มีเงินเดือนในทีมชาติ “
“ผมจำสถานการณ์ที่ต้องเจอตอนคุมทีมชาติตุรกีได้ ก่อนที่ผมจะเลือกผู้เล่นเข้าทีมชาติ ผมจะถามพวกเธอแต่ละคนก่อนว่าอยากติดทีมชาติไหม ถ้ามีคนปฏิเสธ ผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเธอ ถ้าไม่ได้ผลผมก็จะพูดว่าขอบคุณ “
“ผมจะไม่มีวันไปร้องไห้กับสหพันธ์โดยพูดว่า "นักสู้คนนี้ไม่อยากมา ต้องทำให้เธอมาเถอะ" ผมจะไม่ย่อท้อไปถึงระดับนั้น ผมไม่ต้องการให้มีผู้เล่นที่ไม่มีแรงจูงใจ ที่มาเพราะมีคนสั่งและบังคับให้เธอมาที่นี่ ทุกคนต้องมาด้วยความสมัครใจและมีแรงจูงใจกับความอุตสาหะอย่างมาก”
“อย่างไรก็ตามถึงแม้งานในทีมชาติจะลำบาก แต่ยังให้ประโยชน์มากมายกับนักตบ อาทิ ความรุ่งโรจน์, ความนิยม, ผู้สนับสนุน, ความสนใจทางทีวี, แฟน ๆ, ผู้ติดตามบน Instagram - มีข้อดีบางประการเหล่านี้ การคว้าแชมป์ยุโรปของตุรกีไม่ได้มีความหมายเหมือนกับการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ความสำเร็จในการเป็นตัวแทนมีน้ำหนักมากกว่า “
“เมื่อวากิฟคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ผู้คนนับล้านในประเทศมีความสุข เมื่อทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ชาวเติร์ก 45 ล้านคนก็มีความสุข นี่เป็นข้อดีอย่างมาก แต่เพื่อให้รู้สึกได้บนผิวของเรา พวกเราทุกคนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก”
*****คุณมีช่วงลำบากที่ Vakfibank ไหม
“เปิดฤดูกาลแรกอย่างแน่นอน มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมผมค่อนข้างเป็นคนเข้ากับคนง่าย และหลังจากมาถึงตุรกี ผมมีปัญหาในการสื่อสารกับเพื่อนเพราะอุปสรรคทางภาษา มีคนไม่กี่คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี วันนี้ดีขึ้นแล้ว “
“ผมจะไม่โกหก ผมไม่มีความสุขเลยในขณะนั้น ทีมมีปัญหามากมาย มีเซอร์ไพรส์อีกมากมายเกิดขึ้นระหว่างฤดูกาล จบลงด้วยการแพ้ในรอบตัดเชือกทีมที่อยู่อันดับ 8”
“ผมจำได้ว่าหลังจบฤดูกาล ผมไปหาประธานวากิฟเพื่อขอโทษและขอบคุณเขาสำหรับโอกาส “ขอบคุณ CEO ผมขอให้ Vakfibank โชคดี ผมทำผิดพลาดไปมาก แต่เขาขอให้ผมอยู่ช่วยทีมต่อ”
****การแสดงออกถึงความไว้วางใจจากประธานวากิฟใช่หรือไม่?
“ไม่ใช่การแสดงออกถึงความไว้วางใจ แต่เป็นการเพิ่มแรงกดดันเพิ่มเติม ผมรู้สึกถึงสัมภาระที่คาดหวังไว้บนบ่าของผมมากยิ่งขึ้น เขาบอกผมว่า "ผมชอบวิธีที่คุณบริหารทีม แต่คุณล้มเหลว คุณอยู่เพราะเราเชื่อในปรัชญาของคุณ เราหวังว่าคุณจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมในฤดูกาลหน้า" มันไม่มีอะไรนอกจากความกดดันมหาศาล ถ้าผมไม่ฉวยโอกาสนี้ ผมคงลาออกไปแล้ว”
*****วันนี้คุณสามารถพูดได้ว่าคุณชนะทุกสิ่งในวอลเลย์บอลสโมสร ?
“ผมไม่เคยมองอาชีพของผมผ่านปริซึมของ "ที่นี่มีทอง ที่นั่นมีทอง" ผมพูดกับตัวเองด้วยความขมขื่นว่า "ให้ตายเถอะ นี่คือบรอนซ์ และนี่คืออันดับที่สี่" ผมคิดว่าผมน่าจะทำสิ่งที่ดีกว่านี้ได้ ถ้าผมย้อนกลับไปในความทรงจำเก่าๆ ผมจะดูการประชุมที่เลวร้ายที่สุด การประชุมที่ไม่ได้ผล”
“เมื่อฤดูกาลเริ่มต้นขึ้น ผมรู้สึกอยากจะคว้าแชมป์อีกครั้ง ผมมีโอกาสห้าครั้งที่จะตอบสนองการเสพติด "ชัยชนะ" ของผม ผมจะไม่มีวันเบื่อมัน “
*****สุดท้ายคุณต้องประสบความสำเร็จอะไรบ้างจึงจะได้รับการพิจารณาให้เป็นโค้ชที่ดี?
“มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป แม้จะประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่สโมสร แต่ละฤดูกาลก็แตกต่างกันไปสำหรับผม ทุกปีผมต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่และจากคนใหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมีผู้เล่นที่ดีมาจากเกาหลี บราซิล และอเมริกาที่สำนักงานใหญ่ของ Vakifbank และตอนนี้ผมทำงานกับ Cesar จากสเปน พวกเขามาที่ทีมเพื่อสอนบางอย่างให้ผม