สวัสดีค่ะ คือช่วงตอนประถมเราโดนบลูลี่เอาจริงๆก็ตั้งแต่อนุบาลเลย ด้วยฐานะทางบ้าน ด้วยความที่เราเรียนโง่จนรุ่นน้องยังฉลาดกว่า ทำให้โดนทั้งครู แทบจะทุกคนในรร. บลูลี่เรา เวลามีงานกลุ่มหรือลูกเสือก็ไม่มีใครอยากจะอยู่กับเรา พอช่วงป.4 เราก็เริ่มไม่อยากไปรร. เอาแต่เล่นโทรศัพท์ ขาดรร. 2-3ต่อสัปดาห์ บางครั้งก็ไปสาย เอาจริงๆไม่อยากไปรร.จนแกล้งเอายาแดงมาทาขาตัวเองว่าหกล้ม แต่ก็โดนแม่เอาไม้แขวนเสื้อฟาดบังคับให้ไปรร.
เราจึงเริ่มเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น พูดเรื่องไร้สาระ ทำในสิ่งที่ครูห้าม จนโดนคนอื่นบลูลี่หนักกว่าเดิม มันเหมือนเราเป็นตัวประหลาด เราคิดตลอดว่าทำไมคนอื่นถึงเลือกปฏิบัติกับเรา
จนมีครูผู้หญิงย้ายเข้ามาใหม่และเป็นครูประจำชั้นตอนเราอยู่ป.5-ป.6 เอาจริงๆครูคนนี้ไม่เลือกปฏิบัติกับเรา ทำเหมือนเราเป็นนักเรียนคนหนึ่ง ไม่เคยพูดดูถูกเรา (ตอนอยู่ปฐมเราเหมือนเอ๋อๆ เรียนก็โง่)
แล้วบางครั้งครูก็เรียกให้เราไปนวดหลังให้ และได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน5-10บ. บางครั้งก็ได้ขนม ด้วยความที่บ้านเราจน ครูเลยน่าจะสงสาร
เรารู้สึกดีใจที่ครูไม่รังเกียจเรา เพราะเราโดนแทบทุกครูในรร.บลูลี่ต่อหน้าคนอื่น บางครั้งก็ตอนเข้าแถว ด้วยความที่เราทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นๆในรร.ก็หัวเราะมองว่าที่ครูพูดเป็นเรื่องตลก แต่เราเสียใจทุกครั้งที่โดน เราพยายามกลั้นร้องไห้ตลอด แล้วกลับมาแอบร้องไห้ที่บ้านคนเดียว
ตั้งแต่ป.5-ป.6 เราก็พยายามตั้งใจเรียนเพราะมีครูคนนั้น อย่างน้อยคนหนึ่งก็ปฏิบัติกับเราดีๆ แถมยังพูดตลอดว่าทุกคนสามารถเป็นในอาชีพที่เราต้องการได้ ในอนาคตเราอาจจะเป็นหมอ เป็นพยาบาลก็ได้ มันอาจจะเป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่ว่ามันเป็นคำที่ทำให้เราเรียนต่อมาจนถึงม.ปลาย
ทุกคนรอบตัวเราคิดว่าถ้าเราจบป.6 ก็คงจะเลิกเรียน แต่เราเลือกที่จะเรียนต่อจนมาถึงม.4 เราได้มาเรียนรร.ใหม่ สอบได้ห้อง1 เราดีใจมากๆที่เราไม่จบแค่ประถมตอนนั้น เราคงจะจำชื่อคุณครูคนนั้นไปตลอดชีวิต เพราะครูดึงเราขึ้นมาจากเหว และทำให้เราฝ่าฟันคำบลูลี่มาได้
ถ้าไม่มีครูแป๋วเราก็คงจะจบแค่ปฐมจริงๆ
ขอเล่าเรื่องครูที่ทำให้เรายังเรียนต่อมาจนถึงปัจจุบัน
เราจึงเริ่มเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น พูดเรื่องไร้สาระ ทำในสิ่งที่ครูห้าม จนโดนคนอื่นบลูลี่หนักกว่าเดิม มันเหมือนเราเป็นตัวประหลาด เราคิดตลอดว่าทำไมคนอื่นถึงเลือกปฏิบัติกับเรา
จนมีครูผู้หญิงย้ายเข้ามาใหม่และเป็นครูประจำชั้นตอนเราอยู่ป.5-ป.6 เอาจริงๆครูคนนี้ไม่เลือกปฏิบัติกับเรา ทำเหมือนเราเป็นนักเรียนคนหนึ่ง ไม่เคยพูดดูถูกเรา (ตอนอยู่ปฐมเราเหมือนเอ๋อๆ เรียนก็โง่)
แล้วบางครั้งครูก็เรียกให้เราไปนวดหลังให้ และได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน5-10บ. บางครั้งก็ได้ขนม ด้วยความที่บ้านเราจน ครูเลยน่าจะสงสาร
เรารู้สึกดีใจที่ครูไม่รังเกียจเรา เพราะเราโดนแทบทุกครูในรร.บลูลี่ต่อหน้าคนอื่น บางครั้งก็ตอนเข้าแถว ด้วยความที่เราทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นๆในรร.ก็หัวเราะมองว่าที่ครูพูดเป็นเรื่องตลก แต่เราเสียใจทุกครั้งที่โดน เราพยายามกลั้นร้องไห้ตลอด แล้วกลับมาแอบร้องไห้ที่บ้านคนเดียว
ตั้งแต่ป.5-ป.6 เราก็พยายามตั้งใจเรียนเพราะมีครูคนนั้น อย่างน้อยคนหนึ่งก็ปฏิบัติกับเราดีๆ แถมยังพูดตลอดว่าทุกคนสามารถเป็นในอาชีพที่เราต้องการได้ ในอนาคตเราอาจจะเป็นหมอ เป็นพยาบาลก็ได้ มันอาจจะเป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่ว่ามันเป็นคำที่ทำให้เราเรียนต่อมาจนถึงม.ปลาย
ทุกคนรอบตัวเราคิดว่าถ้าเราจบป.6 ก็คงจะเลิกเรียน แต่เราเลือกที่จะเรียนต่อจนมาถึงม.4 เราได้มาเรียนรร.ใหม่ สอบได้ห้อง1 เราดีใจมากๆที่เราไม่จบแค่ประถมตอนนั้น เราคงจะจำชื่อคุณครูคนนั้นไปตลอดชีวิต เพราะครูดึงเราขึ้นมาจากเหว และทำให้เราฝ่าฟันคำบลูลี่มาได้
ถ้าไม่มีครูแป๋วเราก็คงจะจบแค่ปฐมจริงๆ