“วีระ”บุก ป.ป.ช.ดื้อแพ่งศาลปกครองเรื่อง”นาฬิกาป้อม” ชี้เป็นเอกสารสำคัญ ไม่ให้มีเรื่องแน่
https://www.matichon.co.th/clips/news_4121304
“วีระ สมความคิด” ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ลุย ป.ป.ช.ดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตามศาลปกครองที่ไม่ให้เอกสารเรื่อง “นาฬิกา 22 เรือน-พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ทั้งที่ศาลปกครองมีคำสั่ง ป.ป.ช.ให้เอกสารภายในวันที่ 11 ส.ค. โดยจะไปพบ เลขาธิการ ป.ป.ช.ในวันที่ 10 ส.ค.ถ้าไม่ให้ครั้งนี้มีเรื่องแน่ ชมคลิป
2 ฉากทัศน์ เส้นทาง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ในสายตา ‘พนัส ทัศนียานนท์’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4120331
2 ฉากทัศน์ เส้นทาง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ในสายตา ‘พนัส ทัศนียานนท์’
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 2 ฉากทัศน์ ดังนี้
ฉากทัศน์ 1
1. หาก ก.ก.ไม่โหวตให้เพื่อไทย พรรคอื่นทั้งหมดยกเว้น พปชร. รทสช. ทสท.และปธ.จะได้คะแนนรวมทั้งสิ้น 241 ต้องการ ส.ว. 134 โหวตให้
2. ส.ว. โหวตให้ไม่ถึง 134 เพราะยอมรับเศรษฐาไม่ได้
3. ภูมิใจไทยมีสิทธิเสนอชื่อเพราะเป็นลำดับที่ 3 แทนที่จะเสนอหนู กลับเสนอป้อม ทุกพรรคยกเว้น ก.ก. พท. รวมทั้ง ส.ว.โหวตให้ทั้งหมด 249 คน ป้อมได้เป็นนายกฯ
ฉากทัศน์ 2
1. ก.ก.โหวตให้ พท. ทั้งหมด 150 รวมกับ พท. 141 เป็น 292 รวมกับอีก 6 พรรคเดิม เป็น 311
2. พรรคอื่นฝ่ายเผด็จการ รวม 188 รวม ส.ว. 249 โหวตไม่เห็นชอบ
3. พท.ไม่ได้จัดตั้ง รบ.
4. พท.กลับมารวมเป็น 8 พรรค เหมือนเดิม
อาจารย์นิด้า ชี้ 3 ทางเลือกพท. ถ้าขอเสียงก้าวไกล แล้วไม่ให้ร่วมรบ. ถือว่าเห็นแก่ได้เกินไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4120900
ดร.พิชาย ชี้ 3 ทางเลือกเพื่อไทย ถ้าขอเสียงก้าวไกล แล้วไม่ให้เขาร่วม ถือว่าเห็นแก่ได้เกินไป
จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ ล่าสุดยังได้อีก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง รวมเป็น 228 เสียงแล้ว
ล่าสุด (9 ส.ค.) รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ข้อเขียนแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
“
ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยรวมเสียงได้ ทั้งหมด 228 เสียง ยังไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อไทยต้องเลือกว่า จะเอาพรรคใดอีกพรรคต่อไปนี้มาร่วมรัฐบาล จึงจะได้เสียงเกินครึ่ง
1.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง รวมเป็น 264 เสียง แต่ปัญหาคือ ประชาชนไม่เอา
หรือ
2.พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมเป็น 268 เสียง ปัญหาคือ ประชาชนไม่เอาเช่นเดียวกัน
หรือ
3.ก้าวไกล 150 เสียง รวมเป็น 378 เสียง ประชาชนเอา ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. แต่ภูมิใจไทยไม่เอา
ดังนั้น หากจะเอาก้าวไกลร่วมรัฐบาลต้องไปเจรจากับภูมิใจไทยให้เปลี่ยนจุดยืนเสียก่อน
จะเอาโหวตเขามาโดยไม่ให้เขาร่วมรัฐบาล เป็นการเห็นแก่ได้มากเกินไป
เลือกเอาตามสบายเลยครับ”
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/pfbid028USCRs6CrmL8zRChLXXNHjZyNJUNt1qZYNXxGtgTuSD4QVeUvwygJWj3rECixXpRl
ส.ภัตตาคาร ห่วงตั้งรบ.ช้า เลี้ยงเกษียณกร่อย เตือน!แก๊งคอลระบาดหนัก สั่งอาหารส่งสลิปปลอม ก่อนขอเงินคืน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4121042
ส.ภัตตาคาร ห่วงตั้งรบ.ช้า เลี้ยงเกษียณ ก.ย.กร่อย เตือน!แก๊งคอลระบาดหนัก สั่งอาหารส่งสลิปปลอม ก่อนขอเงินคืน
นาง
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ มติชน ว่า ยอมรับว่าปัจจัยการเมือง จากการไม่ชัดเจนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาล จนได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่เพื่อเข้าบริหารประเทศจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เดิมคาดหวังจะได้ช้าสุดในเดือนสิงหาคม ก็อาจเลื่อนไปเดือนกันยายน บ้างก็ว่าเดือนตุลาคม และยังกังวลหลังได้รัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพหรือเกิดเหตุการณ์ชุมนุมถึงขั้นปะทะยืดเยื้อแค่ไหน
ประกอบกับต้นทุนจากวัตถุดิบประกอบอาหาร และค่าใช้จ่ายรอบด้านสูงขึ้น และทรงตัวในระดับสูง อย่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ยังได้รายได้ไม่เท่าเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเข้ามาแบบกระจุกตัว แม้กลุ่มที่เข้ามามีกำลังซื้อในระดับหนึ่ง ที่เลือกพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เข้ารับประทานอาหารในโรงแรมหรือภัตตาคารหรือร้านอาหารใหญ่ สวนทางกับกำลังซื้อของคนในประเทศ เจอปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ หรือลงทุน เมื่อรัฐยังปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อต้นทุนและแบกรับภาระจ่ายหนี้สูงขึ้น
“
เมื่อมีหนี้มากขึ้น รายได้ไม่ได้เพิ่ม กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังรอรัฐบาลเคาะงบประมาณซึ่งปีปกติ จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปี ก็ยังไร้วี่แวว ดังนั้นสิ่งแรกที่คนประหยัดได้ก่อน คือ ลดค่าอาหารและออกไปสังสรรค์ ตอนนี้ห่วงคือเดือนกันยายน จะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจอาหาร จากการจัดงานเลี้ยงส่งกลุ่มเกษียณ จะมีการจองห้องตามโรงแรม ตามภัตตาคาร หรือร้านอาหารกันแล้ว แต่ปีนี้ทุกอย่างยังเงียบ บวกกับเป็นช่วงหน้าฝน การทานอาหารนอกบ้านก็จะน้อยกว่าปกติ ถือว่าเป็นภาวะที่น่าห่วงของธุรกิจร้านอาหารอย่างเรา ไม่แค่ร้านเล็กๆร้านย่อย เจอการประหยัดของคนใช้ชีวิตประจำวัน แต่ร้านอาหารกลางใหญ่ก็แย่ตามไปด้วย การมีรัฐบาลใหม่ได้เร็ว จะเป็นจิตวิทยาเริ่มต้นที่ทำให้ธุรกิจมองเห็นอนาคตและเตรียมพร้อมว่าจะทำอะไรต่อไป ในช่วง 4-5 เดือนจากนี้ ส่วนจะเป็นพรรคใดหรือมีใครจัดตั้งรัฐบาลบ้าง น่าจะเป็นเรื่องรองของวันนี้” นาง
ฐนิวรรณ กล่าว
นา
งฐนิวรรณ กล่าว่า อีกเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการร้านอาหารและเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ มีกลุ่มคอลเซ็นเตอร์จากกัมพูชา โทรไปหลอกลวงเจ้าของร้านอาหาร สั่งจองอาหารจำนวนมาก และอ้างจ่ายค่าอาหารแล้วโดยโชว์สลิปเงินปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อจำนวนมาก จากนั้นก็ขยายการหลอกลวงว่าให้ทางร้านอาหารสั่งไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ให้ด้วย ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะปฎิเสธ
กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ก็บอกเลิกและบอกให้เจ้าของร้านโอนเงินตามสลิปที่ส่งจ่ายค่าอาหารคืนไป ทำให้เกิดความเสียหายไม่น้อย รวมถึงมีการอ้างบุคคลสำคัญระดับประเทศ ให้เตรียมอาหารหรือจัดส่งอาหารไปสถานที่ที่อ้างว่ามีบุคคลสำคัญนั้นมาเยือนหรือจัดเลี้ยง บางส่วนไม่กล้าปฎิเสธ จัดเตรียมไว้ให้
“
เรื่องนี้ทางสมาคมเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็เริ่มมีการจับกุม แต่เชื่อว่าจะยังมีอีกหลายพื้นที่ ยังไม่รับรู้” นาง
ฐนิวรรณ กล่าว
JJNY : 5in1 “วีระ”บุก ป.ป.ช.│2 ฉากทัศน์ เส้นทาง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’│อ.นิด้าชี้ 3 ทางเลือกพท.│ห่วงตั้งรบ.ช้า│พายุสุริยะชนโลก
https://www.matichon.co.th/clips/news_4121304
2 ฉากทัศน์ เส้นทาง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ในสายตา ‘พนัส ทัศนียานนท์’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4120331
2 ฉากทัศน์ เส้นทาง ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ในสายตา ‘พนัส ทัศนียานนท์’
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 2 ฉากทัศน์ ดังนี้
ฉากทัศน์ 1
1. หาก ก.ก.ไม่โหวตให้เพื่อไทย พรรคอื่นทั้งหมดยกเว้น พปชร. รทสช. ทสท.และปธ.จะได้คะแนนรวมทั้งสิ้น 241 ต้องการ ส.ว. 134 โหวตให้
2. ส.ว. โหวตให้ไม่ถึง 134 เพราะยอมรับเศรษฐาไม่ได้
3. ภูมิใจไทยมีสิทธิเสนอชื่อเพราะเป็นลำดับที่ 3 แทนที่จะเสนอหนู กลับเสนอป้อม ทุกพรรคยกเว้น ก.ก. พท. รวมทั้ง ส.ว.โหวตให้ทั้งหมด 249 คน ป้อมได้เป็นนายกฯ
ฉากทัศน์ 2
1. ก.ก.โหวตให้ พท. ทั้งหมด 150 รวมกับ พท. 141 เป็น 292 รวมกับอีก 6 พรรคเดิม เป็น 311
2. พรรคอื่นฝ่ายเผด็จการ รวม 188 รวม ส.ว. 249 โหวตไม่เห็นชอบ
3. พท.ไม่ได้จัดตั้ง รบ.
4. พท.กลับมารวมเป็น 8 พรรค เหมือนเดิม
อาจารย์นิด้า ชี้ 3 ทางเลือกพท. ถ้าขอเสียงก้าวไกล แล้วไม่ให้ร่วมรบ. ถือว่าเห็นแก่ได้เกินไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4120900
ดร.พิชาย ชี้ 3 ทางเลือกเพื่อไทย ถ้าขอเสียงก้าวไกล แล้วไม่ให้เขาร่วม ถือว่าเห็นแก่ได้เกินไป
จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ ล่าสุดยังได้อีก 6 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง รวมเป็น 228 เสียงแล้ว
ล่าสุด (9 ส.ค.) รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ข้อเขียนแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
“ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยรวมเสียงได้ ทั้งหมด 228 เสียง ยังไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อไทยต้องเลือกว่า จะเอาพรรคใดอีกพรรคต่อไปนี้มาร่วมรัฐบาล จึงจะได้เสียงเกินครึ่ง
1.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง รวมเป็น 264 เสียง แต่ปัญหาคือ ประชาชนไม่เอา
หรือ
2.พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมเป็น 268 เสียง ปัญหาคือ ประชาชนไม่เอาเช่นเดียวกัน
หรือ
3.ก้าวไกล 150 เสียง รวมเป็น 378 เสียง ประชาชนเอา ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. แต่ภูมิใจไทยไม่เอา
ดังนั้น หากจะเอาก้าวไกลร่วมรัฐบาลต้องไปเจรจากับภูมิใจไทยให้เปลี่ยนจุดยืนเสียก่อน
จะเอาโหวตเขามาโดยไม่ให้เขาร่วมรัฐบาล เป็นการเห็นแก่ได้มากเกินไป
เลือกเอาตามสบายเลยครับ”
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/pfbid028USCRs6CrmL8zRChLXXNHjZyNJUNt1qZYNXxGtgTuSD4QVeUvwygJWj3rECixXpRl
ส.ภัตตาคาร ห่วงตั้งรบ.ช้า เลี้ยงเกษียณกร่อย เตือน!แก๊งคอลระบาดหนัก สั่งอาหารส่งสลิปปลอม ก่อนขอเงินคืน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4121042
ส.ภัตตาคาร ห่วงตั้งรบ.ช้า เลี้ยงเกษียณ ก.ย.กร่อย เตือน!แก๊งคอลระบาดหนัก สั่งอาหารส่งสลิปปลอม ก่อนขอเงินคืน
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ มติชน ว่า ยอมรับว่าปัจจัยการเมือง จากการไม่ชัดเจนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาล จนได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่เพื่อเข้าบริหารประเทศจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เดิมคาดหวังจะได้ช้าสุดในเดือนสิงหาคม ก็อาจเลื่อนไปเดือนกันยายน บ้างก็ว่าเดือนตุลาคม และยังกังวลหลังได้รัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพหรือเกิดเหตุการณ์ชุมนุมถึงขั้นปะทะยืดเยื้อแค่ไหน
ประกอบกับต้นทุนจากวัตถุดิบประกอบอาหาร และค่าใช้จ่ายรอบด้านสูงขึ้น และทรงตัวในระดับสูง อย่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ยังได้รายได้ไม่เท่าเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเข้ามาแบบกระจุกตัว แม้กลุ่มที่เข้ามามีกำลังซื้อในระดับหนึ่ง ที่เลือกพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เข้ารับประทานอาหารในโรงแรมหรือภัตตาคารหรือร้านอาหารใหญ่ สวนทางกับกำลังซื้อของคนในประเทศ เจอปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ หรือลงทุน เมื่อรัฐยังปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่อต้นทุนและแบกรับภาระจ่ายหนี้สูงขึ้น
“เมื่อมีหนี้มากขึ้น รายได้ไม่ได้เพิ่ม กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังรอรัฐบาลเคาะงบประมาณซึ่งปีปกติ จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปี ก็ยังไร้วี่แวว ดังนั้นสิ่งแรกที่คนประหยัดได้ก่อน คือ ลดค่าอาหารและออกไปสังสรรค์ ตอนนี้ห่วงคือเดือนกันยายน จะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจอาหาร จากการจัดงานเลี้ยงส่งกลุ่มเกษียณ จะมีการจองห้องตามโรงแรม ตามภัตตาคาร หรือร้านอาหารกันแล้ว แต่ปีนี้ทุกอย่างยังเงียบ บวกกับเป็นช่วงหน้าฝน การทานอาหารนอกบ้านก็จะน้อยกว่าปกติ ถือว่าเป็นภาวะที่น่าห่วงของธุรกิจร้านอาหารอย่างเรา ไม่แค่ร้านเล็กๆร้านย่อย เจอการประหยัดของคนใช้ชีวิตประจำวัน แต่ร้านอาหารกลางใหญ่ก็แย่ตามไปด้วย การมีรัฐบาลใหม่ได้เร็ว จะเป็นจิตวิทยาเริ่มต้นที่ทำให้ธุรกิจมองเห็นอนาคตและเตรียมพร้อมว่าจะทำอะไรต่อไป ในช่วง 4-5 เดือนจากนี้ ส่วนจะเป็นพรรคใดหรือมีใครจัดตั้งรัฐบาลบ้าง น่าจะเป็นเรื่องรองของวันนี้” นางฐนิวรรณ กล่าว
นางฐนิวรรณ กล่าว่า อีกเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการร้านอาหารและเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ มีกลุ่มคอลเซ็นเตอร์จากกัมพูชา โทรไปหลอกลวงเจ้าของร้านอาหาร สั่งจองอาหารจำนวนมาก และอ้างจ่ายค่าอาหารแล้วโดยโชว์สลิปเงินปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อจำนวนมาก จากนั้นก็ขยายการหลอกลวงว่าให้ทางร้านอาหารสั่งไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ให้ด้วย ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะปฎิเสธ
กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ก็บอกเลิกและบอกให้เจ้าของร้านโอนเงินตามสลิปที่ส่งจ่ายค่าอาหารคืนไป ทำให้เกิดความเสียหายไม่น้อย รวมถึงมีการอ้างบุคคลสำคัญระดับประเทศ ให้เตรียมอาหารหรือจัดส่งอาหารไปสถานที่ที่อ้างว่ามีบุคคลสำคัญนั้นมาเยือนหรือจัดเลี้ยง บางส่วนไม่กล้าปฎิเสธ จัดเตรียมไว้ให้
“เรื่องนี้ทางสมาคมเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็เริ่มมีการจับกุม แต่เชื่อว่าจะยังมีอีกหลายพื้นที่ ยังไม่รับรู้” นางฐนิวรรณ กล่าว