เปิดร้านกาแฟแฟรนไชส์ แต่ละเจ้าต้องมีอะไรเงื่อนไขยังไงบ้าง

ร้านกาแฟในยุคนี้ สำหรับผมมันก็คือการลงทุนอย่างนึงที่ออกดอกออกผลได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวๆ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้การลงทุนในเรื่องอื่นเลย แถมเรายังได้เป็นเจ้าของร้านไปในตัวอีก

แต่การจะสร้างแบรนด์กาแฟซักตัวไปแข่งกับร้านที่เค้ามีชื่อกันอยู่แล้วถ้าเราไม่แข็งแกร่งจริงก็อาจจะยากในการอยู่ระยะยาว ทำให้การเลือกลงทุนในแฟรนไชส์ก็น่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจอีกทางนึงเหมือนกัน ซึ่งในปัจจุบันก็มีร้านกาแฟหลายเจ้ามาที่ขายแฟรนไชส์อยู่ แล้วแต่ละเจ้าเค้ามีข้อจำกัน มีข้อตกลงอะไรยังไงบ้างเดียวเราลองตามไปดูพร้อมกัน

Cafe Amazon
เป็นร้านกาแฟในปั๊มที่ มีจุดเริ่มต้นมานานมากตั้งแต่ปี 2545 หรือร่วม 18 ปีแล้ว และในปัจจุบันถือเป็นเจ้านึงที่สาขาเยอะมากกับ Cafe Amazon ภายใต้ OR หรือชื่อยาวๆ คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน Cafe Amazon น่าจะมีสาขาถึง 3,900+ สาขาเข้าไปแล้ว
โดยของ Cafe Amazon นั้นจะมีร้านให้เลือก 2 รูปแบบคือแบบ Stand Alone หรือที่เราจะเห็นตามปั๊มกาแฟ จัดร้านสวยๆพื้นที่เยอะๆ นั้นแหละคือ Stand Alone 
ส่วนอีกแบบนึงคือ Shop หรือรูปแบบในอาคาร ที่เราจะเห็นตามห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงานอะไรต่างๆนั้นคือรูปบบ Shop ทั้งหมด ซึ่งทั้ง 2 แบบก็จะมีราคาในการลงทุนสร้างร้านที่ไม่เท่ากันด้วย แน่นอนตัว Stand Alone จะราคาสูงกว่าหน่อย และอายุสัญญาจะอยู่ 6 ปี ก็ถือว่าเป็นเจ้านึงที่ราคารุนแรง แต่คนก็ให้ความสนใจเยอะมาก ด้วยตัวบริษัทเองมีการโปรโมทตัวเอง มีการทำโปรโมชั่นอยู่ตลอด ทำให้ยอดขายนี้ไม่มีวูบๆวาบๆแน่นอน 
และจากที่เคยคุยๆมา หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 2-3 ปีก็คืนทุนแล้ว เพราะยอดขายต่อเดือนคือโหดมาก (ถ้าทำเลดีนะ) 

Inthanin
Inthanin เป็นร้านกาแฟอีกเจ้านึงในเครือของปั๊มนํ้ามันใหญ่อย่างบางจาก ที่ออกมาให้บริการ เป็นเวลาร่วมกว่า 10 ปีแล้วเช่นกัน ในปัจจุบันก็มีสาขามากกว่า 800 สาขาขึ้นไปแล้วจากรายงานของปีที่แล้ว 
โดยทางร้านของ Inthanin นั้นจะแบ่งเป็น 3 ขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ร้านขนาด S M L ซึ่งทุนเริ่มต้นในขนาด S อยู่ที่ 1 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็น แฟรนไชส์ ที่เริ่มต้นไม่แรงมาก และน่าสนใจใช้ได้เลย 

มาต่อกันที่ True Coffee เจ้านี้ก็ทำการตลาดมาร่วมกว่า 18 ปีแล้ว ซึ่งของ True Coffee จะมีแบ่งเป็น 2 แบบอีกคือ True Coffee และ True Coffee Go 
ซึ่งในปัจจุบัน True Coffee น่าจะมีร่วม 130+ โดยตัว True Coffee เองจะเป็นร้านกาแฟแบบจริงจังคอกาแฟ เลยทำให้ราคาอะไรก็จะอีกระดับ กับ 2 เจ้าก่อนหน้านี้เลย
และ TrueCoffee Go น่าจะมีร่วม 100+ ในปัจจุบัน โดยตัว TrueCoffee Go นั้นออกมาเพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่และทั่วถึงทุกพื้นที่มากขึ้น ด้วยร้านที่มีขนาดเล็กลง และการจัดทำแบบพร้อมดื่มพร้อมเดินทาง ราคากาแฟต่อแก้วก็จะลดลงมาจากตัว True Coffee นิดหน่อยเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายและบ่อยมากขึ้น

ซึ่งค่าแฟรนไชส์ ของ True Coffeeจะอยู่ ประมาณ 5 แสนบาท อายุสัญญา 6 ปี งบเริ่มต้นจะอยู่ 2-5 ล้านบาท หลักๆตัวนี้เป็นตัวสาขาใหญ่ด้วย ต้องมีพื้นที่ 8 ตารางเมตรขึ้นไป และส่วนใหญ่จะต้องเป็น พื้นที่ในอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรือใกล้มหาวิทยาลัย

ส่วนตัวข้อมูลของ True Coffee Go ลองหาดูแล้วแต่ไม่ค่อยเจออะไรเลย เลยขอยังไม่สรุปมาให้ฟังก่อนละกัน

Coffee World 
มาต่อกันอีกเจ้ากับ Coffee World คือถ้าคอกาแฟต้องไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้แน่นอน เพราะเป็นร้านกาแฟ ระดับ ซุปเปอร์พรีเมี่ยม ที่อยู่มามากกว่า 20ปี มีสาขากว่า 80 สาขาทั่วไทย และอีก 30 สาขาทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบัน Coffee World ได้เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท PTG Energy จำกัด อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในเครือของ PTG เองตอนนี้ก็มี ร้านกาแฟอีกเจ้าอยู่ด้วยก็คือ กาแฟพันธุ์ไทย

โดยตัว Coffee World นั้นจะมีรูปแบบร้าน 2 แบบ คือแบบ Shop / Open Space และ Stand Alone ต้นทุนก็จะอยู่ ช่วง 2.5ล้าน จนถึง 3.3 ล้านบาทซึ่งถ้าเป็นแบบ Stand Alone ราคาการลงทุนอาจจะเพิ่มได้ถึง 4 ล้านนิดๆได้ แล้วแต่ขนาดของอาคาร

มาต่อกันที่ กาแฟพันธุ์ไทย กันดีกว่าไหนๆก็มีพูดขึ้นมาแล้วด้วยนิดนึง 
กาแฟพันธุ์ไทยไทยถือว่าเกิดมาจากกลุ่มบริษัทนํ้ามันอีกเช่นกัน ภายใต้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด หรือเรียกสั้นๆ ให้เข้าใจคือ PT ซึ่งคล้ายกับทั้ง Cafe Amazon และ Inthanin ซึ่งปัจจุบันมีอายุ น่าจะ 11 ปีแล้ว จำนวนสาขาปัจจุบัน มี 700+แล้ว แต่เหมือนเค้าตั้งเป้าไว้จะมี 1500+ ภายในปีนี้ ส่วนรูปแบบร้านนั้นมีหลายแบบมากกก ตั้งแต่แบบ คีออส แบบฟู้ดทรัค แบบเทรลเลอร์ แบบบิ้วอิน และแบบ สแตนด์อโลน ซึ่งโดยรวมราคาจะอยู่ที่ 1.2-2 ล้านเอง โดยจะเป็นค่า แฟรนไชส์ 150,000 ก็ถือว่าไม่แรงเลย

DOI CHAANG Caffè 
อีกเจ้านึงที่น่าจะใช้เมล็ดจากในไทยแน่นอน คือ กาแฟดอยช้าง ซึ่งเจ้านี้ก็อยู่มาตั้งแต่ปี 2546 หรือร่วม 20 ปีแล้ว และใช้แหล่งปลูกในไทยเองคือหมู่บ้านดอยช้าง จ.เชียงราย ตัวร้านของ ดอยช้าง ก็จะมี 2 แบบหลักๆ คือ Coffee Venue และแบบ Stand Alone โดยค่าแฟรนไชส์ จะอยู่ที่ 300,000 บาท ต่อ 5 ปี  ส่วนใหญ่เจ้าอื่นๆเค้าจะอยู่ ที่ 6 ปี กันนะจำนวนสาขาปัจจุบัน น่าจะมี 100+ 
โดยเงินลงทุนรวมแบบ Coffee Venue จะอยู่ที่ 1.7-2.9ล้าน และแบบ Stand Alone 2.4-3.4 ล้าน และค่า Royalty fee ที่ใช้คำนวนจากขนาดร้านแทน อย่างขนาดร้าน 30-50ตรม. คิด 5,000 บาทต่อเดือน  51-100ตรม.คิด 8,000 บาท ไม่ได้หักเป็น % ก็แปลกดี แต่คิดสภาพ ถ้าขายไม่ดี แปลว่าเราก็ต้องจ่าเท่าเดิม แต่ถ้าขายดีเราก็กำไรดิ แบบขนาดเล็กแต่ขายดีจัดไรงี้นะ เป็นการหัก % ที่น่าสนใจดีอีกเจ้านึง

STARBUCKS
แค่ชื่อก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นกาแฟเจ้าใหญ่เจ้านึงของโลก ตอนนี้น่าจะมีร่วม 33,000 สาขา ทั่วโลก ในไทยมีประมาณ 370+ ถึงเห็นเค้าสาขาเยอะแบบนี้แต่ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทแม่ดูแลเองแทบทั้งหมด อย่างของในไทยก็อยู่กับบริษัทไทยเบฟ เหมือนจะเพึ่งซื้อมาได้ไม่นานด้วยนะ และ STARBUCKS ให้ความสำคัญแทบจะทุกด้าน เช่น ด้านคุณภาพกาแฟ คุณภาพพนักงาน การตกแต่ง ลายละเอียดร้านอะไรต่างๆ ทำให้สาขาส่วนใหญ่บริษัทจัดการดูแลเองแทบทั้งหมด อย่างถ้าเป็นในสหรัฐคือเค้าไม่ขายแฟรนไชส์เลยนะ แล้วมีเยอะทั่วโลกขนาดนี้ได้ยังไง หลักๆคือเค้าให้ติดต่อเสนอทำเลได้ แล้วทางบริษัทก็จะเข้ามาตรวจสอบศึกษาสถานที่เพื่อดูว่าจะเปิดสาขาได้ไหม ถ้าได้เราก็จะได้ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่าหรือรายได้ต่อแก้วอะไรแบบนั้นแทน ซึ่งเงินทุนในการเปิดร้านเองก็ไม่น้อยเลย  เพราะสาขาส่วนใหญ่ของ STARBUCKS ต้องมีพื้นที่ใหญ่มาก ถ้าเป็นห้างก็ต้องอยู่ชั้นที่เข้ามาเห็นได้เลย รึว่าเป็นร้านที่มีทางเข้าออกจากนอกห้างได้ เพราะกาแฟบางทีมันต้องขายเช้า แล้วห้างมันเปิด 10-11 โมงมันก็ไม่ทันคนทำงานเช้า ทำเลเลยต้องพิเศษนิดนึง หรือถ้าเป็นแบบ Stand Alone ก็ต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วิวสวยจัด หรือจุดที่ผู้คนต้องมา เวลาเราไปต่างประเทศก็อาจจะเห็น STARBUCKS ตั้งอยู่ตามริมสวน ริมสระนํ้าอะไรได้ก็แล้วแต่ที่นั้นๆ 

แต่ความจริงถ้าเราเป็นนักลงทุนที่มีเงินเยอะจัดเราก็สามารถทำเรื่องของ License หรือขอ ใบอนุญาต ได้นะ แต่คนที่ขอได้ต้องมีสภาพคล่องประมาร 25 ล้านบาทขึ้นไป คือต้องมั่นคงในระดับนึงเลยทีเดียว

เป็นไงกันบ้างครับกับร้านกาแฟแต่ละเจ้ากับราคาการลงทุน จริงๆมันจะมีเจ้าเล็กๆที่เงินลงทุนไม่ถึงล้านก็มีนะ โดยทั้งหมดถือเป็นการแข่งขันกัน ไม่ได้เป็นการผูกขาดแต่เจ้าใดเจ้านึง แต่ละแบรนด์มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน หากกระทู้นี้คนสนใจเยอะเดียวทำภาคต่อให้ รอบนี้เอาเจ้าที่เราเห็นกันบ่อยๆก่อนละกัน รวมไปถึงอาจมีเรื่องอื่นมานำเสนอด้วย

ที่มาข้อมูล
https://www.thaifranchisecenter.com/
https://salยิ้ม.co.th/articles/coffee-shop-franchise
https://www.thaismescenter.com/
https://workpointtoday.com/
https://www.wongnai.com/
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่