มาระบายเกี่ยวกับโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อไม่ให้ลืมเหตุการณ์ความไม่ยุติธรรมนี้
จริงๆเรื่องนี้เกิดประมาณ 2 เดือนที่แล้วค่ะ พ่อเราเสีย… ขอเท้าความก่อนว่าพ่อเราเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาได้ประมาณ 3 ปีค่ะ พ่อมีโรคประจำตัวคือเป็นโรคไต(เป็นมาประมาณ 10 ปี) พาราไทรอยด์ที่ทำให้พ่อกระดูกบางจนต้องติดเตียง ช่วงที่พ่อเริ่มติดเตียงก็มีจิตตกบ้างเป็นปกติของคนที่เคยเดินได้เคยทำอะไรเองแต่ต้องมาติดเตียง ผ่านไปไม่นานพ่อก็เริ่มปลงแล้วก็สามารถมีความสุขได้ค่ะ แต่ว่าคนที่ติดเตียงส่วนมากมักจะมี cicle ของการติดเชื้อค่ะ พ่อเริ่มเข้าโรงพยาบาลบ่อยขึ้นประมาณ 4-5 เดือนครั้งนึง แล้วก็เข้าทีก็ต้อง admit ประมาณ 1-2 เดือนเลย ทุกๆครั้งที่พ่อเข้ารพ.หมอจะบอกว่พ่อเป็นปอดติดเชื้อ และน้ำท่วมปอด อาการก่อนเข้ารพ.พ่อทุกครั้งคือก่อนหน้านั้น 2-3 วันจะเบลอมากๆเหมือนอยู่ในฝันตลอดเวลาทั้งๆที่ลืมตาและโต้ตอบเราได้จากนั้นก็จะ ปลุกไม่ตื่น ความดันตก พวกเราถึงพาพ่อไปรพ.หลังจากนั้นครั้งต่อๆมาก็คือเราจะรู้ว่าถ้าพ่อเริ่มเบลอต้องรีบพาไปรพ.ทันที และรอบล่าสุดก็เป็นเหมือนทุกครั้งค่ะ แต่ครั้งนี้เราเริ่มเห็นอาการผิดปกติแค่เล็กน้อยเราก็รีบพาพ่อไปรพ.ทันทีด้วยความคิดว่าจะทำให้พ่อไม่ต้องอยู่รพ.นานเท่าครั้งอื่นๆและสามารถรักษาได้เร็ว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนเดิมพ่อต้องเข้าไอซียูด้วยอาการน้ำท่วมปอดและปอดติดเชื้อ เราคิดว่ามันก็คงเป็นเหมือนทุกๆครั้งคือเดี๋ยวป๊าก็หายและกลับมาบ้านเรา แต่ครั้งนี้ต่างออกไปจากทุกๆครั้งที่ป๊าจะได้ใส่ tube เฉพาะตอนที่ป๊าไม่รู้สึกตัว ตอนที่ป๊าอาการหนัก แต่ครั้งนี้ป๊าต้องใส่ tube ตลอดเพราะไม่สามารถหายใจเองได้ แต่ผ่านไปป๊าก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นเครื่องช่วยหายใจแบบสวมจมูกได้ ซึ่งตอนนั้นเราดีใจกันมากเราเห็นความหวังที่ป๊าจะได้กลับบ้านซักที จากนั้นป๊าก็อาการทรงตัวและดีขึ้นเรื่อยๆเราคุยกันตลอดว่าตอนป๊ากลับบ้านเราจะทำไรกินกันบ้าง แต่ผ่านไปไม่กี่วันป๊าเริ่มกลับมาเบลออีกครั้งเหมือนก่อนที่เราจะเข้ารพ. ซึ่งช่วงที่ป๊าเป็นแบบนั้นมีหมอผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับเราว่า พ่อเราอยู่ไอซียูมาครบ 2 เดือนแล้วต้องย้ายออกแล้วถามเราว่าอยากอยู่ห้องพิเศษมั้ยมีห้องพิเศษว่างพอดี ซึ่งตอนนั้นเรางงมากๆว่าพ่อเราไม่ได้อาการดีขึ้นเลยแย่ลงด้วยซ้ำแต่จะให้เราย้ายออกเพราะอยู่มานานเกินไป? เราเลยบอกว่าตอนนี้พ่อเรามีอาการเบลอบางทีก็คิดว่าตอนนี้คือเหตุการณ์หลายปีที่แล้วซึ่งเป็นอาการที่พ่อจะเป็นทุกครั้งตอนเข้ารพ.แล้วเวลาเข้ารพ.ก็จะได้เข้าไอซียูตลอดแล้วหมอก็จะบอกว่พ่อติดเชื้อในปอดและน้ำท่วมปอด หมอคนนี้เลยตอบเราว่าอาการเบลอน่าจะเป็นผลจากการอยู่รพ.นานซึ่งสำหรับเรามันเป็นไปไม่ได้อ่ะคือเราบอกไปว่าเมื่อวานพ่อยังคุยปกติกับเราได้อยู่เลยแต่วันนี้อยู่ดีๆก็เบลอและเราเรียนเภสัชถึงจะไม่ใช่หมอแต่เรารู้ดีว่าอาการเบลอจากการอยู่รพ.นานมันไม่ได้เป็นปุบปับมันต้องใช้เวลาแต่เค้าก็ยังคงบอกว่าเราคิดมากและมั่นใจในความคิดของตัวเองโดยไม่เอาความคิดเห็นเราไปใช้เลย และบอกว่าพ่อเราอยู่ไอซียูมานานเกินกำหนดแล้วต้องย้ายออกถ้าไม่ย้ายออกคนอื่นก็ไม่ได้เข้า ซึ่งพอเราถามว่าตอนนี้พ่อเราเป็นไงบ้างหมอก็บอกว่ามีอาการติดเชื้อในปอด เราเลยบอกว่าคือพ่ออาการแย่ลงอ่ะค่ะอยู่ต่อไม่ได้หรอเค้าก็ยืนยันคำตอบว่าอยู่ไม่ได้เค้ายื้อมาให้แล้ว สุดท้ายเราก็ต้องออกแล้วไปอยู่ห้องพิเศษแทนแต่ในคืนนั้นก็ต้องย้ายลงมาห้องอายุรกรรมเพราะพ่ออาการหนักไม่สามารถอยู่ห้องพิเศษได้ จากนั้นผ่านไปแค่หนึ่งสัปดาห์พ่อเราก็เสีย มันจุกมากๆ ตั้งแต่ที่พ่อเสียเราเอาแต่คิดว่าถ้าวันนั้นเราไฟท์มากกว่านี้พ่อก็คงยังอยู่รอเรารับกาวน์ได้ กลับมาบ้านมามีความสุขด้วยกัน เรายอมรับว่าเราแค้นมากๆ กับความมั่นใจโง่ๆของหมอกับความเลินเล่อของหมอคนนั้น เราเคยมีความคิดอยากจะฟ้องหมอคนนั้นแต่ตอนที่เรามองกลับมาหาแม่และทุกคนในบ้านเราเห็นแต่ความเสียใจแม่ต้องวิ่งเต้นจัดงานศพพ่อต้องคิดและทำทุกอย่างคนเดียวทั้งๆที่ปกติถึงพ่อจะติดเตียงแม่จะชอบปรึกษาพ่อทุกเรื่องแม่ชอบบอกว่าพ่ออ่ะเก่งมากรู้ทุกอย่างเหมือนเป็นกูเกิ้ลเคลื่อนที่อยากรู้ไรก็ถาม แต่วันที่ไม่มีพ่อ เรามักจะเห็นแม่ไปร้องไห้คนเดียว ต้องกลายมาเป็นทั้งพ่อและแม่ให้พวกเราสามคนพี่น้อง มันทำให้เราไม่กล้าพูดเรื่องพวกนี้ออกไปเราคิดว่าต่อให้ฟ้องไปป๊าก็ไม่กลับมาต่อให้ทวงความยุติธรรมขนาดไหนโลกความเป็นจริงเราไม่มีทางเอาชนะอำนาจที่ใหญ่ได้อยู่ดีสุดท้ายก็มีแต่เราที่เสียใจ เลยไม่อยากให้แม่ต้องมารับรู้ความแค้นนี้กับเรา แต่เราก็แค่นักศึกษาเภสัชปีสี่ที่เครียดเรื่องเรียนและเรื่องที่บ้านแต่ไม่มีทางระบาย จริงๆถ้าหากพ่อเราไม่สามารถยื้อไว้ได้แล้ว หรือบอกว่าคนอื่นมีโอกาศรอดมากกว่าพ่อเราเราก็สามารถเข้าใจได้ เพราะพวกเรารู้อาการของพ่อดีว่าป๊าก็คงไปเร็วๆนี้ แต่สิ่งที่หมอสื่อคือการใช้คำพูดว่าพ่อเราอยู่ในห้องนี้มานานเกินไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลว่าห่วงความรู้สึกหรือดูถูก Knowledge ของญาติผู้ป่วยเราก็รับไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าใครที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์มาเห็นอยากจะบอกว่าหยุดคิดแทนญาติแล้วทำตามจรรยาบรรณไปเถอะค่ะ ถ้าเรารู้ว่าพ่อจะไม่ไหวแล้วถึงจะไม่สามารถเอาเค้ากลับมาได้ แต่อย่างน้อยๆทุกคนก็จะได้เตรียมใจ แต่สิ่งที่หมอทำคือการบอกว่าคุณพ่ออาการดีขึ้นสามารถออกจากไอซียูได้แต่สุดท้ายผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวก็เสีย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่