วันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์แบบชิลล์ ชิลล์ กันค่ะ เผื่อใครที่มีแผนจะไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวหรือว่าปลายปี โดยเฉพาะคนที่อยากไปเที่ยวเล่นหิมะ เราไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ที่ว่าเป็นการไปเที่ยวแบบชิลล์ ชิลล์ คือไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้า แล้วก็ชิลล์คือหนาว ๆ โดยความตั้งใจของเราคือไปพักผ่อนแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่ได้เป็นการไปเที่ยวแบบลากกระเป๋าเปลี่ยนเมืองทุกวัน เราเลือกหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเขต Graubünden หรืออีกชื่อคือ Grisons โดยจะเน้นไปเที่ยวเมืองใกล้ ๆ หรือว่าเมือง Chur ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ Graubünden

ส่วนหมู่บ้านที่เราเลือกพัก มีชื่อว่า Maienfeld เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีรถไฟผ่านแค่ชั่วโมงละสองรอบ (สองรอบเพื่อไปเมือง Chur และสองรอบกลับจาก Chur) ซึ่งห่างออกมาประมาณสิบนาที หรือว่าสองสถานี จาก Chur ที่เราเลือกพักที่นี่เพราะว่าโรงแรมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมาก แค่ประมาณร้อยเมตร และค่าที่พักก็ถูกกว่าพักที่เมืองอื่นมาก เราเคยพักที่โรงแรมนี้ในทริปที่แล้ว แต่ครั้งนั้นเราพักแค่สามคืน
สถานีรถไฟ Maienfeld ที่วิวสวยมาก จะมีชานชลาแค่ สองฝั่งไปทางเมือง Chur ฝั่งนึงอีกฝั่งจะไป Bad Ragaz
อีกด้านของสถานีรถไฟ เดินไปโรงแรมใช้เวลาประมาณสองนาที โรงแรมที่เราพักอยู่ใกล้สถานี แต่เราก็ไม่ได้ยินเสียงรถไฟตลอดเวลาเหมือนเมืองใหญ่ ๆ

Maienfeld เป็นหมู่บ้านในนิทานสำหรับเด็กของสวิส ที่ชื่อว่า Heidi ใครที่เคยอ่านนิทานสามารถไปเที่ยวชม Heididorf หรือว่าหมู่บ้านของ Heidi ที่เธอมาพักอาศัยอยู่กับคุณตาซึ่งทำไร่ทำนาเลี้ยงวัวอยู่บนเทือกเขาแอลป์
นอกจากภูเขาและวิวที่สวยแล้ว เมืองนี้ก็มีปราสาทเก่าอยู่ในเมือง และก็ไร่องุ่นและ Winery อยู่ใกล้ ๆ

หลาย ๆ คนมาที่เมือง Chur เพื่อมานั่งรถไฟ Bernina Express ที่ว่ากันว่าวิวสวยที่สุด แต่เราเลือกที่จะนั่งรถไฟธรรมดา ที่เป็นรถไฟบ้าน ๆ เพราะได้วิวเดียวกัน แต่ราคาประหยัดกว่ามาก แต่ก็ได้วิวที่สวยเหมือน ๆ กัน เพราะว่าทางรถไฟและรางรถไฟก็เป็นเส้นเดียวกัน

การเดินทางรถไฟ เริ่มต้นเราก็ซื้อสวิสพาสแบบครึ่งราคา ที่สามารถใช้ได้สามสิบวันมาก่อน แล้วก็โหลดพาสเข้าไปในแอป SBB หลังจากนั้นเราก็จะจองตั๋วผ่านทางแอปนี้ โดยราคาที่ได้ก็จะเป็นราคาที่ลดแล้วครึ่งราคา ซึ่งเราคำนวณแล้วว่าถูกกว่าซื้อสวิสพาสแบบอื่น
แม้จะเป็นรถไฟธรรมดา ๆ หน้าต่างรถไฟที่นี่ก็จะบานกว้าง ๆ วิวแบบอลังการตลอดทาง

เมืองใกล้ ๆ ที่พักของเรา ที่เราไปเที่ยวก็จะมีหลายเมือง เราก็จะดูอากาศก่อนว่าวันไหนจะไปไหนดี
St. Moritz ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสกี resort town ของชาวยุโรป แล้วก็ยังเคยเป็นที่จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว

Arosa อีกเมืองที่ชาวสวิส นิยมมาเล่นสกีกัน นอกจากนั้นแล้วหน้าร้อนก็ยังเป็นที่นิยมมาพักผ่อน เพราะมีทั้งทะเลสาบ ภูเขา เรานั่งรถไฟไปจาก Chur ประมาณชั่วโมงนิด ๆ จริง ๆ แล้วระยะทางไม่ได้ไกลมาก แต่รถไฟช้า ๆ วิ่งอ้อมภูเขาแบบคดเตี้ยวไปมา พอมาถึงแล้วอากาศดีมาก เราเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไปกินอาหารกลางวันบนภูเขา แล้วค่อยลงมาเดินเล่นด้านล่างที่ทะเลสาบ
เที่ยวทะเลสาบ Caumasee ที่นี่เราต้องนั่งรถบัสไปจาก Chur เพราะว่าไม่มีรถไฟไปถึง แต่การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากอะไร ใช้เวลาเดินทางประมาณสี่สิบนาที ก็ไปถึง Flims Waldhaus, Caumasee แล้วเราก็ต้องเดินต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ที่เดินนานเพราะว่าหยุดถ่ายรูปตลอดเส้นทางเลย หิมะที่นี่ฟูแน่นมาก เพราะเพิ่งตกมาใหม่ ๆ ด้วย เลยยังสะอาดอยู่ ส่วนน้ำในทะเลสาบ ไม่ต้องพูดถึง มีน้อยมาก แต่เรามาเพราะหิมะและทิวสน
Silsersee อีกหนึ่งทะเลสาบที่อยู่ใน St. Moritz เรานั่งรถไฟมาลงที่ St. Moritz แล้วก็ต่อรถบัสมาลงแถว ๆ โบสถ์ เดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน และรอบๆ ทะเลสาบ

วันที่อากาศไม่ดี เราก็เปลี่ยนมาเดินเล่นในเมือง Chur ซึ่งช่วงนั้นมีตลาดคริสมาสต์ในเมืองแล้ว ซึ่งจะมีร้านตั้งแต่ออกมาจากสถานี ยาวไปจนถึงทางขึ้นเขา


Disentis เป็นเมืองที่อยู่ไกลออกไปนิด นั่งรถไฟไปประมาณชั่วโมงครึ่ง เมืองนี้มีโบสถ์บนเขา เป็นเมืองที่ไม่พลุกพล่านถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่คนนิยมมาเล่นสกีในหน้าหนาว และเดินเขาในหน้าร้อน แต่ส่วนมากแล้วจะเห็นแต่ชาวยุโรปในเมืองนี้ ไม่มีพวกนักท่องเที่ยวเอเชียให้เห็น
Bergün/Bravuogn หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เราแวะเล่น ๆ เพราะเห็นว่าสวยดี มีโบสถ์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แล้วก็ไม่มีร้านอาหารเปิดเลยวันที่เราไป

Schloss Werdenberg ในเมือง Buchs เมืองที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่เราพัก แต่อยู่คนละแคว้นกันแล้ว ไปเดินเล่นดูปราสาท แล้วก็หาของกินในเมือง

นั่งรถไฟเล่นเพื่อไปถ่ายรูปตาม Viaduct หรือว่าสะพานข้ามหุบเขาในหลาย ๆ จุด บนรถไฟก็จะมีแผนที่บอกว่า แต่ละจุดมีสะพานหน้าตาเป็นแบบไหน เราต้องลงที่หมู่บ้านไหนแล้วเดินลงไปเพื่อไปถ่ายรูปรถไฟ

แวะหมู่บ้านระหว่างทางรถไฟ เห็นที่ไหนน่าแวะก็แวะค่ะ

เดินเข้าไปในป่าในเขาเพื่อหาจุดถ่ายรูปรถไฟกันค่ะ เขาจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ

ส่วนอาหารการกิน มื้อเช้าเรากินที่โรงแรมทุกวัน เพราะว่าไม่ต้องเสียเวลาออกไปด้านนอก เพราะที่โรงแรมมีครบทุกอย่าง มื้อเที่ยงและเย็นก็กินตามเมือง หรือหมู่บ้านที่อยู่ในตอนนั้น ๆ กินอาหารพื้นเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางวันที่แวะกินอาหารไทยใน Chur เพราะน้องที่เรียนอยู่ที่นั่นพาไปแวะกิน ซึ่งก็ทำให้หายหนาวไปได้กับอาหารรสจัดแบบไทยแท้จริง ๆ
หากใครที่ต้องการวางแผนไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แบบไม่เร่งรีบ แล้วไม่ต้องการไปเที่ยวในแบบที่คนเยอะ ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องมิจฉาชีพ เราแนะนำแถบนี้เลยค่ะ เที่ยวได้สบายไม่ต้องกังวล
[CR] Let's go เที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แบบ ชิลล์ ชิลล์ กับ Traveloka
ส่วนหมู่บ้านที่เราเลือกพัก มีชื่อว่า Maienfeld เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีรถไฟผ่านแค่ชั่วโมงละสองรอบ (สองรอบเพื่อไปเมือง Chur และสองรอบกลับจาก Chur) ซึ่งห่างออกมาประมาณสิบนาที หรือว่าสองสถานี จาก Chur ที่เราเลือกพักที่นี่เพราะว่าโรงแรมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมาก แค่ประมาณร้อยเมตร และค่าที่พักก็ถูกกว่าพักที่เมืองอื่นมาก เราเคยพักที่โรงแรมนี้ในทริปที่แล้ว แต่ครั้งนั้นเราพักแค่สามคืน
สถานีรถไฟ Maienfeld ที่วิวสวยมาก จะมีชานชลาแค่ สองฝั่งไปทางเมือง Chur ฝั่งนึงอีกฝั่งจะไป Bad Ragaz
อีกด้านของสถานีรถไฟ เดินไปโรงแรมใช้เวลาประมาณสองนาที โรงแรมที่เราพักอยู่ใกล้สถานี แต่เราก็ไม่ได้ยินเสียงรถไฟตลอดเวลาเหมือนเมืองใหญ่ ๆ
Maienfeld เป็นหมู่บ้านในนิทานสำหรับเด็กของสวิส ที่ชื่อว่า Heidi ใครที่เคยอ่านนิทานสามารถไปเที่ยวชม Heididorf หรือว่าหมู่บ้านของ Heidi ที่เธอมาพักอาศัยอยู่กับคุณตาซึ่งทำไร่ทำนาเลี้ยงวัวอยู่บนเทือกเขาแอลป์
นอกจากภูเขาและวิวที่สวยแล้ว เมืองนี้ก็มีปราสาทเก่าอยู่ในเมือง และก็ไร่องุ่นและ Winery อยู่ใกล้ ๆ
หลาย ๆ คนมาที่เมือง Chur เพื่อมานั่งรถไฟ Bernina Express ที่ว่ากันว่าวิวสวยที่สุด แต่เราเลือกที่จะนั่งรถไฟธรรมดา ที่เป็นรถไฟบ้าน ๆ เพราะได้วิวเดียวกัน แต่ราคาประหยัดกว่ามาก แต่ก็ได้วิวที่สวยเหมือน ๆ กัน เพราะว่าทางรถไฟและรางรถไฟก็เป็นเส้นเดียวกัน
การเดินทางรถไฟ เริ่มต้นเราก็ซื้อสวิสพาสแบบครึ่งราคา ที่สามารถใช้ได้สามสิบวันมาก่อน แล้วก็โหลดพาสเข้าไปในแอป SBB หลังจากนั้นเราก็จะจองตั๋วผ่านทางแอปนี้ โดยราคาที่ได้ก็จะเป็นราคาที่ลดแล้วครึ่งราคา ซึ่งเราคำนวณแล้วว่าถูกกว่าซื้อสวิสพาสแบบอื่น
แม้จะเป็นรถไฟธรรมดา ๆ หน้าต่างรถไฟที่นี่ก็จะบานกว้าง ๆ วิวแบบอลังการตลอดทาง
เมืองใกล้ ๆ ที่พักของเรา ที่เราไปเที่ยวก็จะมีหลายเมือง เราก็จะดูอากาศก่อนว่าวันไหนจะไปไหนดี
St. Moritz ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสกี resort town ของชาวยุโรป แล้วก็ยังเคยเป็นที่จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว
Arosa อีกเมืองที่ชาวสวิส นิยมมาเล่นสกีกัน นอกจากนั้นแล้วหน้าร้อนก็ยังเป็นที่นิยมมาพักผ่อน เพราะมีทั้งทะเลสาบ ภูเขา เรานั่งรถไฟไปจาก Chur ประมาณชั่วโมงนิด ๆ จริง ๆ แล้วระยะทางไม่ได้ไกลมาก แต่รถไฟช้า ๆ วิ่งอ้อมภูเขาแบบคดเตี้ยวไปมา พอมาถึงแล้วอากาศดีมาก เราเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไปกินอาหารกลางวันบนภูเขา แล้วค่อยลงมาเดินเล่นด้านล่างที่ทะเลสาบ
เที่ยวทะเลสาบ Caumasee ที่นี่เราต้องนั่งรถบัสไปจาก Chur เพราะว่าไม่มีรถไฟไปถึง แต่การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากอะไร ใช้เวลาเดินทางประมาณสี่สิบนาที ก็ไปถึง Flims Waldhaus, Caumasee แล้วเราก็ต้องเดินต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ที่เดินนานเพราะว่าหยุดถ่ายรูปตลอดเส้นทางเลย หิมะที่นี่ฟูแน่นมาก เพราะเพิ่งตกมาใหม่ ๆ ด้วย เลยยังสะอาดอยู่ ส่วนน้ำในทะเลสาบ ไม่ต้องพูดถึง มีน้อยมาก แต่เรามาเพราะหิมะและทิวสน
Silsersee อีกหนึ่งทะเลสาบที่อยู่ใน St. Moritz เรานั่งรถไฟมาลงที่ St. Moritz แล้วก็ต่อรถบัสมาลงแถว ๆ โบสถ์ เดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน และรอบๆ ทะเลสาบ
วันที่อากาศไม่ดี เราก็เปลี่ยนมาเดินเล่นในเมือง Chur ซึ่งช่วงนั้นมีตลาดคริสมาสต์ในเมืองแล้ว ซึ่งจะมีร้านตั้งแต่ออกมาจากสถานี ยาวไปจนถึงทางขึ้นเขา
Disentis เป็นเมืองที่อยู่ไกลออกไปนิด นั่งรถไฟไปประมาณชั่วโมงครึ่ง เมืองนี้มีโบสถ์บนเขา เป็นเมืองที่ไม่พลุกพล่านถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่คนนิยมมาเล่นสกีในหน้าหนาว และเดินเขาในหน้าร้อน แต่ส่วนมากแล้วจะเห็นแต่ชาวยุโรปในเมืองนี้ ไม่มีพวกนักท่องเที่ยวเอเชียให้เห็น
Bergün/Bravuogn หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เราแวะเล่น ๆ เพราะเห็นว่าสวยดี มีโบสถ์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แล้วก็ไม่มีร้านอาหารเปิดเลยวันที่เราไป
Schloss Werdenberg ในเมือง Buchs เมืองที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่เราพัก แต่อยู่คนละแคว้นกันแล้ว ไปเดินเล่นดูปราสาท แล้วก็หาของกินในเมือง
นั่งรถไฟเล่นเพื่อไปถ่ายรูปตาม Viaduct หรือว่าสะพานข้ามหุบเขาในหลาย ๆ จุด บนรถไฟก็จะมีแผนที่บอกว่า แต่ละจุดมีสะพานหน้าตาเป็นแบบไหน เราต้องลงที่หมู่บ้านไหนแล้วเดินลงไปเพื่อไปถ่ายรูปรถไฟ
แวะหมู่บ้านระหว่างทางรถไฟ เห็นที่ไหนน่าแวะก็แวะค่ะ
เดินเข้าไปในป่าในเขาเพื่อหาจุดถ่ายรูปรถไฟกันค่ะ เขาจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ
ส่วนอาหารการกิน มื้อเช้าเรากินที่โรงแรมทุกวัน เพราะว่าไม่ต้องเสียเวลาออกไปด้านนอก เพราะที่โรงแรมมีครบทุกอย่าง มื้อเที่ยงและเย็นก็กินตามเมือง หรือหมู่บ้านที่อยู่ในตอนนั้น ๆ กินอาหารพื้นเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางวันที่แวะกินอาหารไทยใน Chur เพราะน้องที่เรียนอยู่ที่นั่นพาไปแวะกิน ซึ่งก็ทำให้หายหนาวไปได้กับอาหารรสจัดแบบไทยแท้จริง ๆ
หากใครที่ต้องการวางแผนไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ แบบไม่เร่งรีบ แล้วไม่ต้องการไปเที่ยวในแบบที่คนเยอะ ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องมิจฉาชีพ เราแนะนำแถบนี้เลยค่ะ เที่ยวได้สบายไม่ต้องกังวล
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้