[CR] No.52 The Eyes of My Mother : แก้วตาในดวงใจ


ในขณะที่เด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า Francesca กำลังเรียนรู้งานจากแม่ของเธออยู่ในบ้านนั้น ได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ ได้บุกรุกเข้ามาทำร้ายทั้ง 2 คน จนกระทั่งพ่อของเธอกลับมาก็พบว่าผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิตลงแล้ว เขาจึงบันดาลโทสะเข้าไปจัดการชายแปลกหน้าจนบาดเจ็บสาหัส และได้ลากไปขังไว้ในโรงนา โดยมี Francesca คอยดูแลอยู่เรื่อย ๆ โดยหารู้ไม่ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความสยองบนความอำมหิตวิปริตเกินกว่าจะควบคุม

ด้วยระยะเวลา 1 ชั่วโมง 16 นาที ที่ให้มาถือว่าสั้นมากสำหรับหนังเรื่องนึงเทียบเท่ากับหนังสารคดีก็ว่าได้ แต่ทำไมตอนดูกลับรู้สึกว่าทำไมมันช่างยืดยาวจัง เมื่อไหร่จะจบซะที คือบทและการเล่าเรื่องน่าติดตามแหล่ะ แต่เดินเรื่องช้าลากดินไปหน่อย ที่เห็นได้ชัดเลยคือการไม่มี Sounds เสริมประกบฉากด้วยแล้วยิ่งเงียบเป็นป่าช้าเข้าไปอีก แถมลดทอนความน่าติดตามของเนื้อหาลงไปด้วยเช่นกัน แต่ก็ได้ข้อดีที่มีภาพเป็นขาว-ดำทั้งเรื่องช่วยบิ๊วท์ให้บรรยากาศมีความลึกลับ น่ากลัว แต่มิวายดันไปบดบังทัศนียภาพแวดล้อมข้างทางค่อนข้างมากเช่นกัน เราจึงต้องใช้สมาธิในการสำรวจและศึกษา Details ต่าง ๆ ตั้งใจเป็นอย่างมาก ตัว Location จะมีแค่บ้านของ Francesca หลังเดียวทั้งเรื่อง ซึ่งใช้งานได้คุ้มค่าดีย์ ทำให้เรารู้ว่ากิจวัตรประจำวันเธอทำอะไรบ้าง เพราะหนังโฟกัสไปที่ตัวนางเอกเป็นหลักตั้งแต่เด็กยันสาวทั้งเรื่อง นอกจากบรรยากาศฉากหลังที่มีความพีเรียดบ้านนายุค 70 - 80 s แล้ว เทคนิคภาพขาว-ดำในสไตล์ Gothic ชวนให้อารมณ์นึกถึงหนังเงียบยุค 40 ขึ้นมาทันที

การเดินเรื่องจะแบ่งออกเป็น 3 Parts ในแต่ละ Part Timeline จะเดินหน้าตรงดิ่ง มีแวะข้างทางบ้างนิดหน่อย หรือ มี Details บางอย่างตกหล่นกลางทางไป แต่โดยรวมดูง่าย เข้าใจดีอยู่
Part 1 : Mother = กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับนางเอก เหมือนเป็นเมล็ดพืชเม็ดเล็กที่กำเนิดขึ้นในดิน กับ การปรากฏตัวของชายแปลกหน้า ก็เปรียบเป็นสารเร่งให้เมล็ดพืชเจริญเติบโตขึ้น
Part 2 : Father = เล่าถึงชีวิตวัยสาวของนางเอกท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางสถานะทั้งตัวพ่อ, ชายแปลกหน้า หรือ เพื่อนสาว เปรียบเป็นต้นไม้ที่โตเต็มที่ พร้อมรอวันปฏิสนธิ
Part 3 : Family = พูดถึงความสัมพันธ์ของนางเอกกับลูก โดยมีหญิงคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง เปรียบกับต้นไม้ที่ปฏิสนธิกับต้นไม้อื่นจนผลิดอกออกเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งทั้ง 3 Parts นี้ Main หลักจะเล่าถึงการเติบโตพัฒนาการทางร่างกาย ความคิดความอ่านตามอายุวัยของตัว Francesca ตั้งแต่เด็กยันสาวไปทีละ Step ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ พัฒนา Skill การฆ่าของนางตาม Levels ตามวิธีการจากเด็กน้อยไร้เดียงสาไปจนถึงฆาตกรสาววิปริตที่ฉลาดเกินมนุษย์มนา หรือ เหยื่อโง่เกินกันแน่ ซึ่งได้นักแสดงสาว Kika Magalhaes จาก The girl in the backseat (2022) มารับบทดังกล่าว ซึ่งเจ๊แสดงได้น่ากลัวและเลือดเย็นมาก ถ่ายทอดบุคลิกความซับซ้อนในจิตใจทั้ง เก็บกด  โรคจิต ซาดิสม์ ในคนเดียวกันได้ละเอียดถี่ถ้วน ส่วนตัวละครท่านอื่น อาทิ Will Brill จาก Unsane (2018) รับบทเป็น โจรปล้นบ้านนางเอก , Paul Nazak จาก Piercing (2018) , Diana Agostini จาก The Irishman (2019) รับบทเป็นพ่อกับแม่ของนาง และ Olivia Born จาก A kid like Jake (2018) รับบทเป็น นางเอกวัยเด็ก แสดงดี มีส่วนช่วย Support เติมเต็ม (หรืออวย) ให้ Francesca มีพัฒนาการเติบโตไปอย่างก้าวกระโดดเห็นได้ชัด แม้มีปมรองรับสาเหตุไว้ว่าทำไมนางถึงเป็นแบบนี้แต่การกระทำของนางมันเสพติดจนถลำลึกเกินกว่ารู้สึกสงสาร หรือ ให้อภัยเสียแล้ว

ก่อนดูเรื่องนี้ ผมดูภาพโปสเตอร์ก็นึกว่าคงเป็นแนวผีหลอกวิญญาณหลอนแน่ ๆ แต่ไม่ใช่ มันคือหนัง Horror ที่แทรกความเป็นจิตวิทยา Drama ประเด็นครอบครัวเข้าไปอีกที แถมผลงานกำกับเรื่องแรกของ Nicholas Peace จาก Piercing (2018) และ The Grudge (2020) สำหรับผมให้อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ดีมาก และ ไม่แย่มาก แม้จะเดินเรื่องอ้อยอิ่งอืดอาดทั้งเรื่อง จริง ๆ มีฉากหวาดเสียวแต่เลือกที่จะไม่แสดงภาพให้เห็น แต่กลับปล่อยให้คนดูจินตนาการกันเอาเองต่อ สำหรับผมแอบขัดใจหน่อยว่าทำไมไม่ใส่เหล่านี้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าผมชอบเสพติดความรุนแรงแต่ถ้าให้เห็นภาพพวกนี้จะน่าสนใจมากกว่านี้แต่ยอมรับว่าถ่ายทอดบรรยากาศความว่างเปล่าโทนสีขาว-ดำอย่างหม่น ๆ ชวนอึดอัดไม่น้อย สำรวจปัญหาความสัมพันธ์ในโครงสร้างของครอบครัวที่ซ่อนอยู่ได้น่าหดหู่ไปกับสภาพสังคมที่ไม่เอื้ออำนวยให้ผู้หญิงมีสิทธิแสดงออกเท่าเทียมกับชายมากเท่าไหร่  บทสรุปช่วงท้ายลุ้นเอาใจช่วยเหยื่ออยู่เป็นระยะว่าจะรอดหรือไม่ แต่ก็รีบตัดจบเกินจนอารมณ์ผมค้างคาใจซะงั้น อยากเห็นภาพมากว่าชะตากรรมของตัวละครแต่ละคนจะเป็นอย่างไรต่อ ผมนี้เสียอารมณ์อีกแล้วชะมัด

ประเด็นที่ขอพูดถึงเลย คือ เรื่องครอบครัว ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้นางเอกกลายเป็นฆาตกร โดยมีสภาพแวดล้อมรอบข้างและสังคมเป็นตัวส่งเริมผลักดันอีกที จะเห็นว่าครอบครัวนางเอกมีปัญหาซ่อนอยู่ เนื่องจากพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านต้องออกไปทำงาน แม่ก็หมกมุ่นกับงานของตนเองอย่างการชำแหล่ะซากสัตว์ แถมสอนให้นางเอกเรียนรู้วิธีทำต่าง ๆ  เพราะคิดว่าเป็นแค่งานอดิเรก แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือการบ่มเพาะความรู้สึกของการทำลายลงไปในจิตสำนึกไม่รู้ตัว บวกกับรอบบ้านมีแต่ทุ่งหญ้าโล่ง ๆ ป่าทึบ ๆ ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีเทคโนโลยีสื่อ Social อีก ทั้งหมดเหล่านี้จึงหลอมรวมให้กลายเป็นการเก็บสะสม ความกดดัน เกิดเป็นความเครียดและเป็นส่วนผสมของการสร้างความรุนแรงขึ้นตามมาเรียบร้อย ดังนั้นวิธีจัดการให้ดี คือ ให้ความรัก สร้างความความเข้าใจในแบบที่พอดี เปิดโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้สึกทุกฝ่ายซึ่งกัน สนทนากันเป็นเพื่อน ไม่ใช่การวางสถานะตนเองมาวางบาตรใหญ่ กำหนดบงการชีวิตลูกทุกอย่าง แบบนี้ไม่เอา เปิด Space ลดอีโก้ลงเพื่อเว้นช่องว่างได้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เช่น เล่นฟุตบอล , ขี่จักรยาน หรือ ว่ายน้ำ ดีกว่า แล้วคำนึงถึงจุดประสงค์ให้ลูกเป็นคนดี มีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถเลี้ยงดูตนเองต่อไปข้างหน้าได้แค่นั้นพอ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่