ตัดสินใจออกจากจุฬา เพราะอยากเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานในชีวิตจริง

สวัสดีนะครับ อันนี้เป็นกระทู้แรกของผมเลย อยากมาขอความคิดเห็นต่างๆครับ : D

ผมอายุ 20 ปี ตัดสินใจออกจากจุฬา เพราะอยากเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานในชีวิตจริง ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้และเติบโตด้วยทางที่ต่างกันที่เหมาะสมกับตัวเองครับ ตอนนี้เรียน ม ราม เสริมไปด้วยแต่เปิดโอกาสให้ตัวเองมีประสบการณ์ทำงานจริงสำคัญกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน พร้อมสู้งาน รับคำติชมเพื่อพัฒนา และเรียนรู้จากพวกพี่ๆที่ทำงานครับ ส่วนตัวสนใจและศึกษางานที่เกี่ยวกับอสังหาฯอยู่ครับ มีประสบการณ์เล็กน้อย เพราะครอบครัวก็อยู่ในวงการนี้เหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นงานอื่นๆ ก็ไม่ปิดโอกาสให้ตัวเองเรียนรู้ ส่วนเรื่องภาษา ผมใช้ภาษาอังกฤษใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ 

ผมมีความเชื่อที่ว่าการเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่เหมือนกับในอดีตที่ความรู้อยู่เพียงที่สถานศึกษาหรือหนังสือตำราเท่านั้น ในปัจจุบันมีคอร์สออนไลน์คุณภาพจากหลายสถาบันและผู้มีประสบการณ์มากมายมาเผยแพร่ให้ผู้ที่แสวงหาความรู้ได้ศึกษาสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในมุมมองของผม (ความคิดส่วนตัวนะครับ) จุดประสงค์หลักของการศึกษาคือการที่ได้ใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้ มาประยุกต์ใช้กับชีวิตและการทำงานอย่างมีคุณภาพ หรือ ณ ที่นี้ ผมขอใช้คำว่า "การสังเคราะห์ความรู้" ถ้าคนคนนึง สนใจแต่การเรียนรู้และมีความรู้ในหัวมากมาย แต่ไม่ฝึกที่จะสังเคราะห์ความรู้เหล่านั้นเลย ก็จะน่าเสียดายมาก ถ้าให้สมมติเป็นภาพง่ายๆ เหมือนตลอด 20 ปี (เนอสเซอรี่-ป. ตรี) ที่ผ่านมาคนคนนึงได้เตรียมและศึกษาวัตถุดิบชั้นเลิศมากมายมาอย่างถี่ถ้วนครบบริบูรณ์ แต่ไม่เคยหรือน้อยครั้งมากที่ได้ลองเอาวัตถุดิบเหล่านั้นมาประกอบอาหารเพราะคิดว่าเมื่อเรียนรู้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็จะรู้เองว่าควรจะทำอย่างไร พอมาถึงตอนที่จำเป็นต้องมาประกอบอาหารจริงๆ กลับไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์ครัว ความร้อน น้ำหนักมือ หรืออะไรต่างๆควรจะใช้อย่างไร สุดท้ายก็ประกอบอาหารออกมาไม่ได้คุณภาพอย่างที่วาดฝันไว้

สิ่งที่ผมจะสื่อเลยคือ "การศึกษาหาความรู้" และ "การปฏิบัติ" ควรเกิดขึ้นพร้อมกัน เพราะมันส่งเสริมกันและกันในทุกๆด้าน ไม่ควรรอและคิดจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆจนถึงระยะนึงแล้วค่อยลองลงมือทำ เพราะมันอาจสายเกินไปเสียแล้ว

ผมจะยกตัวอย่างมาอีกหนึ่งกรณีนะครับ...
--- นักเรียน ก ตั้งใจเรียน แต่ก็แบ่งเวลาที่ได้มาทำกิจกรรมด้วย มีความรู้ 70% และสามารถสังเคราะห์ความรู้ที่มีอย่างมีประสิทธิภาพครบทั้ง 70%      
--- นักเรียน ข ตั้งใจเรียนในห้องสุดๆ แต่ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม มีความรู้ 100% แต่สามรถในการสังเคราะห์ความรู้นั้นได้เพียงแค่กึ่งนึงของที่มี (50%)
ในเคสนี้ถามว่าใครวางแผนชีวิตในการศึกษาได้ดีกว่า? ถ้าจะวัดด้วยคะแนนบนกระดาษสอบแน่นอนว่า นักเรียน ข ชนะขาดเลยครับ แต่ถ้าจะวัดด้วยประสิทธิภาพของงานจริง นักเรียน ก ก็คงได้เปรียบอย่างชัดเจน

ซึ่งโยงกลับมาถึงประเด็นที่ผมพยายามจะสื่อ ในปัจจุบันการศึกษาหาความรู้เป็นเรื่องที่ง่ายมากเพราะอินเตอร์เน็ต เพราะเราสามรถจัดเวลาในการหาความรู้เองได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับเรา และประหยัดเวลามากๆด้วย ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องรอถามครูท้ายคาบ (เสิร์ชเลย!) ไม่ต้องเสียเงินเท่ากับการศึกษาแบบปกติด้วย เพราะการศึกษาเป็นเรื่องที่ง่ายแล้ว การที่จะจัดสรรเวลาออกมาลองปฎิบัติจริงก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย 

ปัญหาหลักๆ ที่คงเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น "ใบปริญญาเป็นใบเบิกทางไม่ใช่หรอ?" หรือ "แล้วจะลองไปปฎิบัติจริงที่ไหนล่ะ?" 
ถ้าให้ตอบตรงๆก็คงจะบอกว่า ในสังคมไทยในปัจจุบันนี้ ยังมีหลายบริษัทที่ให้คุณค่ากับใบปริญญามากๆ แต่ก็มีบริษัทที่มีแนวคิดแบบใหม่ที่ให้โอกาสผู้สมัครงานที่ไม่ได้จบปริญญา แต่มีความสามารถในการทำงานมาทำงานด้วย คนที่มีแนวคิดแบบนี้ไม่จำเป็นที่จะมีแค่คนในเจนของเรา เจนอื่นๆก็มีคนที่มีความคิดนี้เหมือนกัน ต่อให้เป็นความคิดที่ไม่พูดถึงมากในสังคมไทยในปัจจุบันนี้ก็ตาม

ทั้งนี้ ที่ผมเขียนมาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่ามหาวิทยาลัยไม่ดี หรือ การตั้งใจเรียนเป็นสิ่งไม่ดี แต่จะสื่อสารว่า การปฎิบัติจากความรู้ที่ศึกษามาเนั้นป็นสิ่งสำคัญ บางคนอยู่มหาวิทยาลัย แล้วบริหารเวลาสามรถลงมือปฎิบัติได้พร้อมกันก็เป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก แต่บางคนยอมไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิดหรือสมัครคอร์สออนไลน์ต่างๆและพร้อมจะเรียนรู้ผ่านทางปฎิบัติด้วย ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเช่นเดียวกัน

สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่าทุกอย่างที่เผมขียนไปเป็นความคิดส่วนตัวของผม ทุกคนมีกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครถูกหรือผิด แต่ที่สิ่งสำคัญคือการที่เรารู้ว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเรา/สิ่งที่เรียนรู้อยู่ และดำเนินในเส้นทางนั้นครับ 

ปล. ตอนนี้ก็มีสมัครงาน และ มีบริษัทที่ติดต่อมาด้วย บางที่ก็สัมภาษณ์แล้วกำลังรอผล บางที่ก็กำลังรอสัมภาษณ์ ก็เลยอยากจะถามความคิดเห็นทุกคนว่ามีข้อแนะนำในการสมัครงาน/สัมภาษณ์มั้ยครับ? (อยากฟังจากหลายๆมุมมอง) หรือ มีข้อแนะนำในการเดินเส้นทางนี้ยังไงบ้างครับ? (ผมก็ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะจากประสบการณ์ของทุกคน) 

หรือใครที่มีประสบการณ์ด้านการทำงานในด้านอสังหาฯ รบกวนแนะนำด้วยนะค้าบบ

เม่าเนิร์ด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่