ตามกระทู้เลยค่ะ เราอยู่ในช่วงที่เรียกว่างว่างเปล่าหรือสับสนตัวเองกันแน่ เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้รู้สึกเนือย ๆ ทำอะไรก็ช้าไปหมด ไม่มีแรงจูงใจในชีวิต ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เรื่องมันเกิดมาจากเมื่อ 1-2 ปีก่อน คือตอนนั้นเราเครียดกังวลกับผลการเรียนมาก ไม่ว่าจะเป็นเกรด คะแนน หรืองานกิจกรรมทั้งในและนอกโรงเรียนต่าง ๆ กดดันตัวเองในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวที่มีปัญหากันบ่อยมาก ซึ่งบางครั้งถ้ามีใครในครอบครัวอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดก็จะตกมาเป็นเราที่ต้องรับอารมณ์ทุกเรื่อง ทุกครั้งที่จะตอบโต้ก็โดนว่าเป็นฝ่ายผิด แล้วต้องคอยฟังคนในครอบครัวบ่นตลอดเวลาไม่พอใจทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
เรื่องเรียนก็มีปัญหาแต่ส่วนมากจะอยู่ที่ตัวเรามากกว่าที่ชอบกดดันตัวเอง ด้วยฐานะทางครอบครัว ถึงคนในครอบครัวจะไม่พูดแต่ทุกครั้งที่พวกเขาพูดอ้อม ๆ เราก็รู้ว่าเขาอยากจะให้เราไปทางไหน ซึ่งในช่วงนั้นเราตั้งมั่นว่าจะเข้าสายภาษา แต่คือคนในครอบครัวอยากให้เป็นหมอมากกว่าแล้วเราต้องเลือกสายวิทย์-คณิต แต่คือช่วงนั้นเราไม่อยากไปสายนั้นเพราะได้ยินว่ามันยาก แต่พอครอบครัวพูดถึงเรื่องปัญหาที่ของทางบ้าน แล้วเราก็เป็นลูกคนเล็กที่ไปสายสามัญด้วย พ่อแม่เลยคาดหวังอยากจะให้เราเรียนเก่งมีงานทำ เราก็เลยเครียดหนักว่าจะต้องเรียนยังไงให้เก่งขึ้น ทำยังไงให้ตัวเองเป็นเลิศทุกด้าน เรียนยังไงให้ได้เกรดสูง ๆ เอาความคาดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ของครอบครัวมากดดันตัวเองจนรู้สึกเครียด แล้วเวลาที่มีอะไรไม่ได้ตามความตั้งใจที่วางไว้ก็จะรู้สึกโมโห เกลียดตัวเองทุกครั้งตลอดมา ร้องไห้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร คิดมากทุกครั้งที่คนอื่นมองว่าเราเป็นยังไง เวลาหัวเราะยิ้มหรือคุยกับเพื่อนก็ไม่ได้รู้สึกไปด้ว จนมาช่วงประมาณต้นปีที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เริ่มเหนื่อย เวลาหัวเราะยิ้มหรือคุยกับเพื่อนก็ไม่ได้รู้สึกไปด้วย เวลาร้องไห้เพราะเรื่องครอบครัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่หยิกแขนตัวเองก็เหมือนจะทำให้สบายใจขึ้น แรงจูงใจในการใช้ชีวิตก็ไม่มี เป้าหมายก็เหมือนแค่บอกตัวอองซ้ำ ๆ ว่าต้องเป็นหมอ แต่ก็รู้สึกหมดไฟกับการเรียนและเรื่องทุกอย่าง เหมือนจะว่างเปล่าก็ไม่ รู้สึกก็นิดหน่อย แค่ร้องไห้มากกว่าปกติ55
อยากจะถามทุกคนว่าพอจะรู้ไหมว่าต้องทำยังไงถึงจะกลับมามีไฟกับทุกอย่าง ความรู้สึกพวกนี้มันสับสนหรือว่างเปล่ากันแน่ ต้องกำจัดมันออกไปยังไง
ว่างเปล่าหรือสับสนในชีวิต?
เรื่องเรียนก็มีปัญหาแต่ส่วนมากจะอยู่ที่ตัวเรามากกว่าที่ชอบกดดันตัวเอง ด้วยฐานะทางครอบครัว ถึงคนในครอบครัวจะไม่พูดแต่ทุกครั้งที่พวกเขาพูดอ้อม ๆ เราก็รู้ว่าเขาอยากจะให้เราไปทางไหน ซึ่งในช่วงนั้นเราตั้งมั่นว่าจะเข้าสายภาษา แต่คือคนในครอบครัวอยากให้เป็นหมอมากกว่าแล้วเราต้องเลือกสายวิทย์-คณิต แต่คือช่วงนั้นเราไม่อยากไปสายนั้นเพราะได้ยินว่ามันยาก แต่พอครอบครัวพูดถึงเรื่องปัญหาที่ของทางบ้าน แล้วเราก็เป็นลูกคนเล็กที่ไปสายสามัญด้วย พ่อแม่เลยคาดหวังอยากจะให้เราเรียนเก่งมีงานทำ เราก็เลยเครียดหนักว่าจะต้องเรียนยังไงให้เก่งขึ้น ทำยังไงให้ตัวเองเป็นเลิศทุกด้าน เรียนยังไงให้ได้เกรดสูง ๆ เอาความคาดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ของครอบครัวมากดดันตัวเองจนรู้สึกเครียด แล้วเวลาที่มีอะไรไม่ได้ตามความตั้งใจที่วางไว้ก็จะรู้สึกโมโห เกลียดตัวเองทุกครั้งตลอดมา ร้องไห้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร คิดมากทุกครั้งที่คนอื่นมองว่าเราเป็นยังไง เวลาหัวเราะยิ้มหรือคุยกับเพื่อนก็ไม่ได้รู้สึกไปด้ว จนมาช่วงประมาณต้นปีที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เริ่มเหนื่อย เวลาหัวเราะยิ้มหรือคุยกับเพื่อนก็ไม่ได้รู้สึกไปด้วย เวลาร้องไห้เพราะเรื่องครอบครัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่หยิกแขนตัวเองก็เหมือนจะทำให้สบายใจขึ้น แรงจูงใจในการใช้ชีวิตก็ไม่มี เป้าหมายก็เหมือนแค่บอกตัวอองซ้ำ ๆ ว่าต้องเป็นหมอ แต่ก็รู้สึกหมดไฟกับการเรียนและเรื่องทุกอย่าง เหมือนจะว่างเปล่าก็ไม่ รู้สึกก็นิดหน่อย แค่ร้องไห้มากกว่าปกติ55
อยากจะถามทุกคนว่าพอจะรู้ไหมว่าต้องทำยังไงถึงจะกลับมามีไฟกับทุกอย่าง ความรู้สึกพวกนี้มันสับสนหรือว่างเปล่ากันแน่ ต้องกำจัดมันออกไปยังไง