เริ่มเรื่องมาผมขอท้าวความก่อนว่า ผมเป็นเด็กนักเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนชายล้วน ที่ได้ไปเรียนต่อที่นะมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพเป็นเวลา 4 ปี แล้วได้เป็นเพื่อนกับคน ๆ หนึ่ง และสนิทกันในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนในคณะ รู้จักกันในวันรับน้องของมหาลัย เราผ่านทุกข์ผ่านสุขด้วยกันมาหลายเรื่อง เช่น คอยช่วยเรื่องการเรียนบ้าง ปรึกษาแก้ปัญหาชีวิตส่วนตัวบ้าง ปัญหาเรื่องเพื่อนบ้าง และปัญหาหัวใจบ้าง แต่ปัจจุบันนี้เราเรียนจบกันมาเเล้วแต่เราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลยประมาณ สัก 3 - 4 เดือนติดต่อกันทีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะติดต่อมาเรื่องงานซะส่วนใหญ่ แต่สาเหตุที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหลัก ๆ เลยคงมีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องของผู้หญิง แต่เจ้าตัวจะรู้หรือไม่รู้นั้น ผมไม่เคยบอกออกไป
ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่งในวันรับน้อง เป็นเพื่อนร่วมรุ่นร่วมสาขาเดียวกัน ผมชอบตั้งแต่แรกเห็นเลย (จะพูดว่านี้เป็นรักแรกของผมเลยก็ได้) ถึงตอนนั้นผมก็ได้แอดไลน์เธอจากกลุ่มไลน์ที่อยู่ในคณะได้ติดต่อไปพูดคุยกันบ้างก็ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันถูกคอเลยทีเดียว เราเริ่มมานั่งใกล้กันในช่วงที่เปิดเทอมเเรกเลย ในตอนนั้นเราได้พูดคุยแชร์กันในหลาย ๆ อย่างทั้งในเรื่องส่วนตัวเป้าหมายชีวิตในอนาคตบ้าง ทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ได้ชอบบ้าง แต่พอหลังจากเทอมแรกของปี 1 ผ่านไปเราก็เริ่มห่าง ๆ กัน เพราะผมเริ่มติดงาน ติดกิจกรรมของมหาลัย และเพื่อนมากเกินไปจนสุดท้ายแต่เราก็ร่วมทำงานกลุ่มในคณะด้วยกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่อยมากนัก เพราะผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยเหลือเพื่อนกลุ่มผู้ชายที่สนิทกันเสียซะส่วนใหญ่ทั้งเรื่องเรียนบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน จนเวลาผ่านไปจนจบปี 2 เทอม 1 ผมก็เริ่มอิ่มตัวกับกิจกรรมของมหาลัย และเริ่มถอยออกห่างจากกลุ่มเพื่อนผู้ชายมาแล้วเพราะเพื่อนกลุ่มนี้พึ่งพาผมมากเกินไปจนผมแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ยังสนิทกับเพื่อนคนหนึ่ง (ที่เป็นประเด็นในหัวข้อกระทู้นี้) ในกลุ่มอยู่เพราะเราทั้งคู่มักจะปรึกษาพูดคุยกันบ่อย พอเริ่มปี 2 เทอม 2 ผมเริ่มกลับไปสนิทกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงแทนซึ่งก็คือกลุ่มเพื่อนที่มีคนที่ผมชอบอยู่ แต่ตอนนั้นเธอมีแฟนแล้ว ซึ่งเป็นแฟนที่คบกันต่างมหาลัย ผมกับเธอกลับมาพูดคุยกันแต่ไม่ใช่การพูดคุยในลักษณะคนคุยหรือว่าที่แฟนใน(ตอนแรก) ซึ่งหลังจากผมกลับมา เราก็ได้ทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยขึ้น ได้ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น โดยไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน แต่......ก็มีเพื่อนผู้ชายของผมไปด้วย (ก็ถ้าผมเป็นผู้ชายที่ไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงคนเดียวผมคงรู้สึกแปลก ๆ เลยพาเพื่อนผู้ชายไปด้วย) ในช่วง 2 เดือนแรก ผมกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ก็ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงบ่อย ๆ และมันก็รู้ว่าผมชอบใครอยู่แล้วมันก็บอกว่ามันจะสนับสนุนและไม่คิดจะชอบคนที่เพื่อนชอบด้วยอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนั้นมันก็สนับสนุนซะรู้สึกเหมือนมันออกจะทำให้กลุ่มเพื่อนผู้หญิงอึดอัดไปบ้าง หลังจากนั้นเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นเดือน 3 ซึ่งเป็นวันเกิดของผมเพื่อน ๆ ทุกคนก็ชวนกันไปกินชาบูกัน แล้วตอนนั้นก็เป็นวันที่คนที่ผมชอบมานั่งข้าง ๆ ผมและลากผมออกไปตักวัตถุดิบชาบูปิ้งย่างด้วยกัน ซึ่งมันเป็นแผนเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดให้ผม แต่ไฮไลท์จริง ๆ คือการที่ผมได้รู้ว่าคนที่ผมชอบเลิกกับแฟนมาได้เดือนกว่า ๆ แล้วจากเพื่อน ๆ ผู้หญิงในกลุ่ม หลังจากวันนั้นมาผมกับเธอก็เริ่มกลับมาสนิทมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก แต่ครั้งนี้ก็มีเพื่อนผู้ชายของผมก็มาสนิทกับเธอด้วย แน่นอนเมื่อมีคนมาสนิทกับคนที่ชอบผมก็เริ่มตะงิด ๆ ใจขึ้นมาบ้างละ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเพื่อนผู้ชายของผมคนนั้นก็มีแฟนแล้ว
แต่ก็นั้นละครับ เวลาผ่านไปจนช่วงใกล้จบปี 3 เทอม 1 บวกกับสถานการณ์โควิด 19 พวกเราแยกย้ายกันกลับไปเรียนออนไลน์ตามภูมิลำเนาบ้านเกิดของแต่ละคน ซึงผมก็ยังมีการมีการติดต่อกันค่อนข้างบ่อยกับคนที่ผมชอบ เพราะเรามักจะใช้เวลาเล่นเกมด้วยกันในตอนกลางคืน ส่วนเพื่อนผู้ชายของผมก็มีคุยกันเรื่องงานบ้างแต่เรื่องที่คุยกันบ่อยมากที่สุด ก็คือเรื่องของแฟนมัน ที่มีปัญหาเลิกรากันมาหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว จนถึงครั้งสุดท้ายที่ตัดขาดกับแฟนเก่าของมันได้ก็คือ......................... ใช่ครับไม่ว่ายุคไหน ๆ ในประเทศไทย ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาคลาสสิคเลยทีเดียวเชียว ก็เพราะว่า..แฟนมันมีคนอื่น ซึ่งไม่ได้มีแค่บุคคลที่ 3 หรือ 4 (-_-)(-_-)(-_-) ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าผมเจอแบบมันผมจะเป็นยังไง ซึ่งผมก็ได้แค่รับฟัง และพูดให้มันรู้สึกดีขึ้น แต่ประเด็นที่ผมมีต่อมันซึ่งผมไม่ได้พูดออกมาคือตอนนั้นมันก็ไปปรึกษากันคนที่ผมชอบด้วย ซึ่งคนที่ผมชอบมาเล่าให้ฟังในภายหลัง แน่นอนครับว่าเมื่อมันได้ปรึกษากับคนที่ผมชอบมันก็ต้องรู้สึกดีด้วยแน่นอนครับ (ซึ่งที่ผมรู้ ผมมั่นใจก็เพราะว่าผมรู้ว่าคนที่ผมชอบเป็นคนยังไง มีเสน่ห์ยังไง ผมรู้ดี) แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยไปเพราะอยากรู้ว่ามันจะเป็นเพื่อนหรือคนแบบไหน มันจะจำสิ่งที่ตัวเองพูดได้มั้ย และมันจะควบคุมตัวเองยังไง และแล้วเวลานั้นก็มาถึง เวลาที่มันมาสารภาพกับผมต่อหน้าเพื่อนผู้ชายอีกคนในกลุ่มว่า "...กูโทรไปปรึกษาคนที่ชอบเรื่องแฟนเก่าของกู ก็ได้พูดคุยกันประมาณหนึ่งแหละ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะ กูมาบอกเพราะว่า กูไม่ได้อยากรู้สึกผิดต่อด้วย แต่กูไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อ..ตื๊ออออ..(เซ็นเซอร์ชื่อ)ด้วย โอเครมั้ยที่กูโทรไปปรึกษาคนที่ชอบ แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันแล้วนะเพราะกูไม่อยากให้ไม่สบายใจ..." ในตอนนั้นผมได้ข้อสรุปในใจขึ้นได้ทันที แต่ไม่ได้บอกออกไป เพราะถ้าผมพูดออกไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ ไป ผมเลยบอกมันไปว่า "...โอเครก็ถือว่ายังดีที่ยังมาบอกกู กูโอเคร..." ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเลิกยุ่งกับมันหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่มันพูด เพราะก่อนหน้านั้นที่มันจะมาพูดกับผม 1 วัน คนที่ผมชอบก็โทรมาบอกผมแล้วว่าเพื่อนผมคนนี้เนี้ยโทรไปสารภาพรักกับเธอ แล้วเธอก็ปฏิเสธไป เพราะเราทั้งคู่ต่างก็รู้จักนิสัยและทัศนคติของมันดี มันโกหกผมว่าไม่ได้รู้สึกดีกับคนที่ผมชอบทั้งที่จริง ๆ แล้วมันใช่ ทั้งการกระทำตลอดเวลาที่ผ่านมาบอกให้เห็นอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะทำนิสัยแบบนั้นกับผม ผมนึกว่าอย่างน้อยมันจะเว้นผมไว้สักคนหนึ่งที่จะไม่ทำเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยก็ขอเป็นเรื่องนี้สักเรื่องหนึ่ง
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดคุยกันบ่อยเหมือนเก่านัก มีผู้คุยเรื่องเรียนกันบ้าง เรื่องงานกันบ้าง แต่ผมไม่ได้แชร์เรื่องราวชีวิตของผมให้มันฟังอีกเลย แล้วทุกคนคิดว่าความคิดของผมมันผิดแปลกหรืออะไรไหมครับ ที่เลิกคบเพื่อนเพราะชอบผู้หญิงคนเดียวกัน
ผิดไหม ถ้าเลิกคบเพื่อนที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกันทั้งที่ตอนแรกไม่ได้ชอบ
ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่งในวันรับน้อง เป็นเพื่อนร่วมรุ่นร่วมสาขาเดียวกัน ผมชอบตั้งแต่แรกเห็นเลย (จะพูดว่านี้เป็นรักแรกของผมเลยก็ได้) ถึงตอนนั้นผมก็ได้แอดไลน์เธอจากกลุ่มไลน์ที่อยู่ในคณะได้ติดต่อไปพูดคุยกันบ้างก็ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันถูกคอเลยทีเดียว เราเริ่มมานั่งใกล้กันในช่วงที่เปิดเทอมเเรกเลย ในตอนนั้นเราได้พูดคุยแชร์กันในหลาย ๆ อย่างทั้งในเรื่องส่วนตัวเป้าหมายชีวิตในอนาคตบ้าง ทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ได้ชอบบ้าง แต่พอหลังจากเทอมแรกของปี 1 ผ่านไปเราก็เริ่มห่าง ๆ กัน เพราะผมเริ่มติดงาน ติดกิจกรรมของมหาลัย และเพื่อนมากเกินไปจนสุดท้ายแต่เราก็ร่วมทำงานกลุ่มในคณะด้วยกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่อยมากนัก เพราะผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยเหลือเพื่อนกลุ่มผู้ชายที่สนิทกันเสียซะส่วนใหญ่ทั้งเรื่องเรียนบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน จนเวลาผ่านไปจนจบปี 2 เทอม 1 ผมก็เริ่มอิ่มตัวกับกิจกรรมของมหาลัย และเริ่มถอยออกห่างจากกลุ่มเพื่อนผู้ชายมาแล้วเพราะเพื่อนกลุ่มนี้พึ่งพาผมมากเกินไปจนผมแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ยังสนิทกับเพื่อนคนหนึ่ง (ที่เป็นประเด็นในหัวข้อกระทู้นี้) ในกลุ่มอยู่เพราะเราทั้งคู่มักจะปรึกษาพูดคุยกันบ่อย พอเริ่มปี 2 เทอม 2 ผมเริ่มกลับไปสนิทกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงแทนซึ่งก็คือกลุ่มเพื่อนที่มีคนที่ผมชอบอยู่ แต่ตอนนั้นเธอมีแฟนแล้ว ซึ่งเป็นแฟนที่คบกันต่างมหาลัย ผมกับเธอกลับมาพูดคุยกันแต่ไม่ใช่การพูดคุยในลักษณะคนคุยหรือว่าที่แฟนใน(ตอนแรก) ซึ่งหลังจากผมกลับมา เราก็ได้ทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยขึ้น ได้ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น โดยไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน แต่......ก็มีเพื่อนผู้ชายของผมไปด้วย (ก็ถ้าผมเป็นผู้ชายที่ไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงคนเดียวผมคงรู้สึกแปลก ๆ เลยพาเพื่อนผู้ชายไปด้วย) ในช่วง 2 เดือนแรก ผมกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ก็ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงบ่อย ๆ และมันก็รู้ว่าผมชอบใครอยู่แล้วมันก็บอกว่ามันจะสนับสนุนและไม่คิดจะชอบคนที่เพื่อนชอบด้วยอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนั้นมันก็สนับสนุนซะรู้สึกเหมือนมันออกจะทำให้กลุ่มเพื่อนผู้หญิงอึดอัดไปบ้าง หลังจากนั้นเริ่มเข้าสู่ช่วงต้นเดือน 3 ซึ่งเป็นวันเกิดของผมเพื่อน ๆ ทุกคนก็ชวนกันไปกินชาบูกัน แล้วตอนนั้นก็เป็นวันที่คนที่ผมชอบมานั่งข้าง ๆ ผมและลากผมออกไปตักวัตถุดิบชาบูปิ้งย่างด้วยกัน ซึ่งมันเป็นแผนเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดให้ผม แต่ไฮไลท์จริง ๆ คือการที่ผมได้รู้ว่าคนที่ผมชอบเลิกกับแฟนมาได้เดือนกว่า ๆ แล้วจากเพื่อน ๆ ผู้หญิงในกลุ่ม หลังจากวันนั้นมาผมกับเธอก็เริ่มกลับมาสนิทมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก แต่ครั้งนี้ก็มีเพื่อนผู้ชายของผมก็มาสนิทกับเธอด้วย แน่นอนเมื่อมีคนมาสนิทกับคนที่ชอบผมก็เริ่มตะงิด ๆ ใจขึ้นมาบ้างละ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเพื่อนผู้ชายของผมคนนั้นก็มีแฟนแล้ว
แต่ก็นั้นละครับ เวลาผ่านไปจนช่วงใกล้จบปี 3 เทอม 1 บวกกับสถานการณ์โควิด 19 พวกเราแยกย้ายกันกลับไปเรียนออนไลน์ตามภูมิลำเนาบ้านเกิดของแต่ละคน ซึงผมก็ยังมีการมีการติดต่อกันค่อนข้างบ่อยกับคนที่ผมชอบ เพราะเรามักจะใช้เวลาเล่นเกมด้วยกันในตอนกลางคืน ส่วนเพื่อนผู้ชายของผมก็มีคุยกันเรื่องงานบ้างแต่เรื่องที่คุยกันบ่อยมากที่สุด ก็คือเรื่องของแฟนมัน ที่มีปัญหาเลิกรากันมาหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว จนถึงครั้งสุดท้ายที่ตัดขาดกับแฟนเก่าของมันได้ก็คือ......................... ใช่ครับไม่ว่ายุคไหน ๆ ในประเทศไทย ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาคลาสสิคเลยทีเดียวเชียว ก็เพราะว่า..แฟนมันมีคนอื่น ซึ่งไม่ได้มีแค่บุคคลที่ 3 หรือ 4 (-_-)(-_-)(-_-) ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าผมเจอแบบมันผมจะเป็นยังไง ซึ่งผมก็ได้แค่รับฟัง และพูดให้มันรู้สึกดีขึ้น แต่ประเด็นที่ผมมีต่อมันซึ่งผมไม่ได้พูดออกมาคือตอนนั้นมันก็ไปปรึกษากันคนที่ผมชอบด้วย ซึ่งคนที่ผมชอบมาเล่าให้ฟังในภายหลัง แน่นอนครับว่าเมื่อมันได้ปรึกษากับคนที่ผมชอบมันก็ต้องรู้สึกดีด้วยแน่นอนครับ (ซึ่งที่ผมรู้ ผมมั่นใจก็เพราะว่าผมรู้ว่าคนที่ผมชอบเป็นคนยังไง มีเสน่ห์ยังไง ผมรู้ดี) แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยไปเพราะอยากรู้ว่ามันจะเป็นเพื่อนหรือคนแบบไหน มันจะจำสิ่งที่ตัวเองพูดได้มั้ย และมันจะควบคุมตัวเองยังไง และแล้วเวลานั้นก็มาถึง เวลาที่มันมาสารภาพกับผมต่อหน้าเพื่อนผู้ชายอีกคนในกลุ่มว่า "...กูโทรไปปรึกษาคนที่ชอบเรื่องแฟนเก่าของกู ก็ได้พูดคุยกันประมาณหนึ่งแหละ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะ กูมาบอกเพราะว่า กูไม่ได้อยากรู้สึกผิดต่อด้วย แต่กูไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อ..ตื๊ออออ..(เซ็นเซอร์ชื่อ)ด้วย โอเครมั้ยที่กูโทรไปปรึกษาคนที่ชอบ แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกันแล้วนะเพราะกูไม่อยากให้ไม่สบายใจ..." ในตอนนั้นผมได้ข้อสรุปในใจขึ้นได้ทันที แต่ไม่ได้บอกออกไป เพราะถ้าผมพูดออกไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ ไป ผมเลยบอกมันไปว่า "...โอเครก็ถือว่ายังดีที่ยังมาบอกกู กูโอเคร..." ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเลิกยุ่งกับมันหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่มันพูด เพราะก่อนหน้านั้นที่มันจะมาพูดกับผม 1 วัน คนที่ผมชอบก็โทรมาบอกผมแล้วว่าเพื่อนผมคนนี้เนี้ยโทรไปสารภาพรักกับเธอ แล้วเธอก็ปฏิเสธไป เพราะเราทั้งคู่ต่างก็รู้จักนิสัยและทัศนคติของมันดี มันโกหกผมว่าไม่ได้รู้สึกดีกับคนที่ผมชอบทั้งที่จริง ๆ แล้วมันใช่ ทั้งการกระทำตลอดเวลาที่ผ่านมาบอกให้เห็นอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะทำนิสัยแบบนั้นกับผม ผมนึกว่าอย่างน้อยมันจะเว้นผมไว้สักคนหนึ่งที่จะไม่ทำเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยก็ขอเป็นเรื่องนี้สักเรื่องหนึ่ง
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดคุยกันบ่อยเหมือนเก่านัก มีผู้คุยเรื่องเรียนกันบ้าง เรื่องงานกันบ้าง แต่ผมไม่ได้แชร์เรื่องราวชีวิตของผมให้มันฟังอีกเลย แล้วทุกคนคิดว่าความคิดของผมมันผิดแปลกหรืออะไรไหมครับ ที่เลิกคบเพื่อนเพราะชอบผู้หญิงคนเดียวกัน