สรุปสั้น ๆ - บัตรชำรุดกระทันหันโดยไม่รู้สาเหตุครับ
-----
รายละเอียด ขอเล่าเป็นไทม์ไลน์นะครับ
เหตุเกิดเมื่อวานนี้ 13 ก.ค 2566
1. ราว 15:30 น. ผมแตะบัตรเข้าที่สถานีลาดพร้าว (สายสีเหลือง) และแตะออกที่สถานีลาดพร้าว 83 ตรงนี้ไม่มีปัญหา
2. ขากลับ ราว 18:30 น. ผมแตะบัตรเข้าที่สถานีลาดพร้าว 83
3. ตรงนี้เป็นข้อสันนิษฐานนะครับ -- บัตรผมจู่ ๆ ก็ "เสีย" กระทันหัน??? ระหว่างที่โดยสายรถจากลาดพร้าว 83 ไปลงที่ลาดพร้าว? หรืออาจจะเสียจากการแตะบัตรครั้งสุดท้ายที่เครื่องสแกน EMV ของสถานีลาดพร้าว 83 ???
4. Fact ที่เกิดขึ้นคือ ผมแตะบัตรออกที่สถานีลาดพร้าวไม่ได้ เครื่องไม่อ่านบัตรของผมเลย คือ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อบัตรผมใด ๆ ทั้งสิ้น
- เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งได้เข้ามาช่วยดูแล ได้ลองเสนอให้แตะบัตรที่ขาเข้าดู เผื่อว่า ถ้าผมไม่ได้แตะขาเข้ามาบัตรก็จะใช้สแกนขาออกไม่ได้ เลยให้ลองดู ปรากฏว่า เครื่องที่เป็นขาเข้าก็ไม่อ่านบัตรของผมเหมือนกัน สุดท้าย เจ้าหน้าที่ท่านนั้นถามว่า เป็นบัตร KTC หรือเปล่า เพราะดูเหมือนขณะนี้ระบบล่มอยู่ ผมบอกว่าใช่ แล้วเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ผมออกมาเลย โดยบอกว่า หลังจากระบบกลับมาปกติแล้ว ผมต้องไปแก้ปัญหาที่แตะบัตรขาเข้าขาเดียว ไม่ได้แตะขาออกนี้ทีหลัง ซึ่งน่าจะออกมาในรูปของการโดนเรียกเก็บเงินค่าโดยสารสูงสุดตลอดสาย คือ 45 บาท ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือก เพราะยังไงก็ต้องเดินทางกลับบ้าน ก็เลยยอมรับข้อเสนอนี้
5. พอออกจากสถานีลาดพร้าว (สายสีเหลือง) ผมโทรฯ ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ 02-123-5000 ของ KTC เพื่อสอบถามว่าระบบล่มอยู่หรือไม่ คำตอบคือ ระบบไม่ได้ล่มยังทำงานปกติ และได้ตรวจสอบสถานะบัตรของผม พบว่า เป็นปกติทุกประการ มีการเรียกเก็บเงินครั้งสุดท้ายคือ ตอนที่ออกจากสถานีลาดพร้าว 83 (ขาไป-ในข้อ 1.) ซึ่งเป็นปกติดี --- ตรงนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันสองเรื่อง 1. ระบบไม่ได้ล่ม 2. บัตรผมมีสถานะปกติ
6. เนื่องจาก ไม่ได้แตะบัตรขาออกสายสีเหลือง ผมเลยต้องใช้บัตร MRT สายสีน้ำเงินที่มีอยู่แล้ว ในการเดินทางกลับบ้านด้วยสายสีน้ำเงิน --- ความหมายตรงนี้คือ ผมอดได้ส่วนลดค่าแรกเข้าในการต่อสายสีน้ำเงินไป 14 บาท
7. หลังจากนั้น ผมไปรับประทานอาหารเย็น ที่ร้านที่เคยไปกินมาหลายครั้งและจ่ายด้วยบัตร KTC ใบนี้ทุกครั้ง ปรากฏว่า ในครั้งนี้ พนักงานทำการรูดบัตรให้ผมหลายครั้ง กว่าจะผ่าน หรือพูดให้ถูกคือ กว่าจะ "อ่าน" ได้ (หมายถึงเครื่อง-อ่านบัตรของผมได้)
8. ผมเอะใจว่าบัตรน่าจะมีปัญหาล่ะ (ตัวบัตรชำรุด ไม่ใช่วงเงินเครดิตของผมมีปัญหา) เลยแวะซูเปอร์มาร์เก็ตที่เคยใช้บริการมาก่อนหลายครั้งแล้วและเคยจ่ายด้วยบัตรใบนี้ได้ ปรากฏว่า บัตรรูดไม่ผ่าน โดยอาการคือ เครื่องไม่สามารถอ่านบัตรของผมได้เลย แม้ว่าจะลองหลายครั้งแล้วก็ตาม สรุปว่า บัตรผมชำรุดจริง
9. และล่าสุด มีรายการเรียกเก็บเงินของ MRT (สายสีเหลือง) ตอนขากลับ เข้ามาแล้ว ซึ่งรายการนี้เรียกเก็บมาตอนดึก ๆ ซึ่งก็เป็นปกติที่จะดีเลย์มา แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รายการขึ้นว่า เป็นการเก็บเงินที่สถานีลาดพร้าว 83 ซึ่งเป็นสถานีขาเข้าที่ผมแตะบัตรเข้าไป และก็โดยเรียกเก็บเต็มจำนวนค่าโดยสารตลอดสาย คือ 45 บาท ดังรูปนี้
จะเห็นว่า ขาไป จะขึ้นรายการว่ามีการใช้เงินที่ลาดพร้าว 83 เป็นเงิน 30 บาท ซึ่งถูกต้อง
ขากลับ เป็นการใช้เงินที่ลาดพราว 83 เป็นเงิน 45 บาท
เปรียบเทียบกับของวันก่อนหน้านี้ (วันที่ 12 ก.ค)
ขาไป จะขึ้นรายการว่า ใช้เงินที่ลาดพร้าว 83 เป็นเงิน 30 บาท
ขากลับ ใช้เงินที่
ลาดพร้าว เป็นเงิน 30 บาท
สรุป ความเสียหายจากเหตุการณ์นี้
1. บัตรชำรุด ต้องให้ KTC ออกบัตรใหม่ (จะมีค่าใช้จ่ายไหม????) เป็นการชำรุดโดยกระทันหัน ไม่ทราบสาเหตุ ยืนยันว่าใช้ครั้งสุดท้ายได้ที่ลาดพร้าว 83 ตามไทม์ไลน์ข้อ 2. ข้างบน และมาเสียครั้งแรกที่สถานีลาดพร้าว ตามไทม์ไลน์ข้อ 4. (แต่ยังอุตส่าห์รูดได้อีกหนึ่งครั้งที่ร้านอาหาร)
2. ถูกเก็บเงินค่าโดยสารจากสายสีเหลือง 45 บาท เกินกว่าที่ควรจะต้องจ่ายไป 15 บาท
3. เสียผลประโยชน์ ไม่ได้ส่วนลดค่าแรกเข้าในการโดยสารสายสีน้ำเงินต่อ 14 บาท
4. คอลเซ็นเตอร์ของ KTC 02-123-5000 ไม่ฟรี! ผมเสียค่าโทรศัพท์ตรงนี้ไปอีกราว ๆ 12 บาท (โทรฯจากเบอร์มือถือที่ลงทะเบียนไว้ว่าเป็นเจ้าของบัตรครับ ทีนี้ บังเอิญว่ามันเป็นเบอร์เติมเงิน ที่คิดค่าโทรฯ เป็นนาที- และคอลเซ็นเตอร์นี่ เวลาโทรฯไป ก็จะเสียเวลากดปุ่มคุยกับระบบรับสายอัตโนมัติอยู่นานทีเดียวกว่าจะได้คุยกับพนักงานที่เป็นคน แค่ตรงนี้ก็โดนไปหลายบาทล่ะ)
ก็เท่านี้ครับ เดี๋ยวคงต้องคุยกับ KTC ขอออกบัตรใหม่ กับลองเจรจาว่า จะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ้างไหม (เสียความรู้สึกกับเงิน 15+14 บาทที่ผมไม่ควรเสีย รวมทั้งค่าโทรฯ ด้วย แล้วยังเสียเวลาอีก)
ปล. ถ้าแท็กผิดขออภัยด้วย ไม่แน่ใจว่า แท็ก TapKTC กับ ClickKTC เป็นแท็กว่าด้วยบัตรเครดิต KTC รึเปล่า และต่างกันอย่างไร
คงเป็นคราวเคราะห์จริง ๆ--- เล่าเหตุการณ์ปัญหาจากการใช้บัตร ktc เป็น EMV ในการโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายน้ำเงินต่อสายสีเหลือง
-----
รายละเอียด ขอเล่าเป็นไทม์ไลน์นะครับ
เหตุเกิดเมื่อวานนี้ 13 ก.ค 2566
1. ราว 15:30 น. ผมแตะบัตรเข้าที่สถานีลาดพร้าว (สายสีเหลือง) และแตะออกที่สถานีลาดพร้าว 83 ตรงนี้ไม่มีปัญหา
2. ขากลับ ราว 18:30 น. ผมแตะบัตรเข้าที่สถานีลาดพร้าว 83
3. ตรงนี้เป็นข้อสันนิษฐานนะครับ -- บัตรผมจู่ ๆ ก็ "เสีย" กระทันหัน??? ระหว่างที่โดยสายรถจากลาดพร้าว 83 ไปลงที่ลาดพร้าว? หรืออาจจะเสียจากการแตะบัตรครั้งสุดท้ายที่เครื่องสแกน EMV ของสถานีลาดพร้าว 83 ???
4. Fact ที่เกิดขึ้นคือ ผมแตะบัตรออกที่สถานีลาดพร้าวไม่ได้ เครื่องไม่อ่านบัตรของผมเลย คือ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อบัตรผมใด ๆ ทั้งสิ้น
- เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งได้เข้ามาช่วยดูแล ได้ลองเสนอให้แตะบัตรที่ขาเข้าดู เผื่อว่า ถ้าผมไม่ได้แตะขาเข้ามาบัตรก็จะใช้สแกนขาออกไม่ได้ เลยให้ลองดู ปรากฏว่า เครื่องที่เป็นขาเข้าก็ไม่อ่านบัตรของผมเหมือนกัน สุดท้าย เจ้าหน้าที่ท่านนั้นถามว่า เป็นบัตร KTC หรือเปล่า เพราะดูเหมือนขณะนี้ระบบล่มอยู่ ผมบอกว่าใช่ แล้วเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ผมออกมาเลย โดยบอกว่า หลังจากระบบกลับมาปกติแล้ว ผมต้องไปแก้ปัญหาที่แตะบัตรขาเข้าขาเดียว ไม่ได้แตะขาออกนี้ทีหลัง ซึ่งน่าจะออกมาในรูปของการโดนเรียกเก็บเงินค่าโดยสารสูงสุดตลอดสาย คือ 45 บาท ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือก เพราะยังไงก็ต้องเดินทางกลับบ้าน ก็เลยยอมรับข้อเสนอนี้
5. พอออกจากสถานีลาดพร้าว (สายสีเหลือง) ผมโทรฯ ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ 02-123-5000 ของ KTC เพื่อสอบถามว่าระบบล่มอยู่หรือไม่ คำตอบคือ ระบบไม่ได้ล่มยังทำงานปกติ และได้ตรวจสอบสถานะบัตรของผม พบว่า เป็นปกติทุกประการ มีการเรียกเก็บเงินครั้งสุดท้ายคือ ตอนที่ออกจากสถานีลาดพร้าว 83 (ขาไป-ในข้อ 1.) ซึ่งเป็นปกติดี --- ตรงนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันสองเรื่อง 1. ระบบไม่ได้ล่ม 2. บัตรผมมีสถานะปกติ
6. เนื่องจาก ไม่ได้แตะบัตรขาออกสายสีเหลือง ผมเลยต้องใช้บัตร MRT สายสีน้ำเงินที่มีอยู่แล้ว ในการเดินทางกลับบ้านด้วยสายสีน้ำเงิน --- ความหมายตรงนี้คือ ผมอดได้ส่วนลดค่าแรกเข้าในการต่อสายสีน้ำเงินไป 14 บาท
7. หลังจากนั้น ผมไปรับประทานอาหารเย็น ที่ร้านที่เคยไปกินมาหลายครั้งและจ่ายด้วยบัตร KTC ใบนี้ทุกครั้ง ปรากฏว่า ในครั้งนี้ พนักงานทำการรูดบัตรให้ผมหลายครั้ง กว่าจะผ่าน หรือพูดให้ถูกคือ กว่าจะ "อ่าน" ได้ (หมายถึงเครื่อง-อ่านบัตรของผมได้)
8. ผมเอะใจว่าบัตรน่าจะมีปัญหาล่ะ (ตัวบัตรชำรุด ไม่ใช่วงเงินเครดิตของผมมีปัญหา) เลยแวะซูเปอร์มาร์เก็ตที่เคยใช้บริการมาก่อนหลายครั้งแล้วและเคยจ่ายด้วยบัตรใบนี้ได้ ปรากฏว่า บัตรรูดไม่ผ่าน โดยอาการคือ เครื่องไม่สามารถอ่านบัตรของผมได้เลย แม้ว่าจะลองหลายครั้งแล้วก็ตาม สรุปว่า บัตรผมชำรุดจริง
9. และล่าสุด มีรายการเรียกเก็บเงินของ MRT (สายสีเหลือง) ตอนขากลับ เข้ามาแล้ว ซึ่งรายการนี้เรียกเก็บมาตอนดึก ๆ ซึ่งก็เป็นปกติที่จะดีเลย์มา แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รายการขึ้นว่า เป็นการเก็บเงินที่สถานีลาดพร้าว 83 ซึ่งเป็นสถานีขาเข้าที่ผมแตะบัตรเข้าไป และก็โดยเรียกเก็บเต็มจำนวนค่าโดยสารตลอดสาย คือ 45 บาท ดังรูปนี้
จะเห็นว่า ขาไป จะขึ้นรายการว่ามีการใช้เงินที่ลาดพร้าว 83 เป็นเงิน 30 บาท ซึ่งถูกต้อง
ขากลับ เป็นการใช้เงินที่ลาดพราว 83 เป็นเงิน 45 บาท
เปรียบเทียบกับของวันก่อนหน้านี้ (วันที่ 12 ก.ค)
ขาไป จะขึ้นรายการว่า ใช้เงินที่ลาดพร้าว 83 เป็นเงิน 30 บาท
ขากลับ ใช้เงินที่ ลาดพร้าว เป็นเงิน 30 บาท
สรุป ความเสียหายจากเหตุการณ์นี้
1. บัตรชำรุด ต้องให้ KTC ออกบัตรใหม่ (จะมีค่าใช้จ่ายไหม????) เป็นการชำรุดโดยกระทันหัน ไม่ทราบสาเหตุ ยืนยันว่าใช้ครั้งสุดท้ายได้ที่ลาดพร้าว 83 ตามไทม์ไลน์ข้อ 2. ข้างบน และมาเสียครั้งแรกที่สถานีลาดพร้าว ตามไทม์ไลน์ข้อ 4. (แต่ยังอุตส่าห์รูดได้อีกหนึ่งครั้งที่ร้านอาหาร)
2. ถูกเก็บเงินค่าโดยสารจากสายสีเหลือง 45 บาท เกินกว่าที่ควรจะต้องจ่ายไป 15 บาท
3. เสียผลประโยชน์ ไม่ได้ส่วนลดค่าแรกเข้าในการโดยสารสายสีน้ำเงินต่อ 14 บาท
4. คอลเซ็นเตอร์ของ KTC 02-123-5000 ไม่ฟรี! ผมเสียค่าโทรศัพท์ตรงนี้ไปอีกราว ๆ 12 บาท (โทรฯจากเบอร์มือถือที่ลงทะเบียนไว้ว่าเป็นเจ้าของบัตรครับ ทีนี้ บังเอิญว่ามันเป็นเบอร์เติมเงิน ที่คิดค่าโทรฯ เป็นนาที- และคอลเซ็นเตอร์นี่ เวลาโทรฯไป ก็จะเสียเวลากดปุ่มคุยกับระบบรับสายอัตโนมัติอยู่นานทีเดียวกว่าจะได้คุยกับพนักงานที่เป็นคน แค่ตรงนี้ก็โดนไปหลายบาทล่ะ)
ก็เท่านี้ครับ เดี๋ยวคงต้องคุยกับ KTC ขอออกบัตรใหม่ กับลองเจรจาว่า จะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ้างไหม (เสียความรู้สึกกับเงิน 15+14 บาทที่ผมไม่ควรเสีย รวมทั้งค่าโทรฯ ด้วย แล้วยังเสียเวลาอีก)
ปล. ถ้าแท็กผิดขออภัยด้วย ไม่แน่ใจว่า แท็ก TapKTC กับ ClickKTC เป็นแท็กว่าด้วยบัตรเครดิต KTC รึเปล่า และต่างกันอย่างไร