
- เขียนยากเหมือนกัน คือ ผมไม่รู้จัก ไม่เคยไปสถานที่แห่งนี้เลยบอกไม่ถูกว่าจะให้รู้สึกผูกพันมากแค่ไหนกับสถานที่แห่งนี้ ทำไมคนในชุมชนจึงออกมาปกป้องหวงแหนอะไรกับศาลขนาดนั้น แค่เขาย้ายจากที่เดิมไปอยู่ที่ใหม่แค่นั้น เพราะมองในแง่ของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน พวกเขากำลังถูกกดขี่จากการใช้อำนาจของเจ้าของที่แฝงด้วยปัจจัยหลายอย่างซ่อนอยู่ในปัญหานี้ที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ความผูกพันเชื่อมโยงกับความเชื่อ วิถีชีวิต การส่งต่อสืบทอด จนไปถึงเศรษฐกิจ ปากท้อง การบ้านการเมืองในระบบทุนนิยมอย่างเบ็ดเสร็จ จึงเป็นเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งสำคัญที่ยอมไม่ได้ ปล่อยผ่านไปไม่ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะดูไม่รู้เรื่องเลย เพราะมี Details จากข้อมูลข่าวสารหลายอย่างพอจะสืบค้นทีหลังหรือที่สัมผัสได้ไม่ยากก็คือการรวมพลังของคนตัวเล็ก ๆ เป็นกลุ่มทั้งผู้ใหญ่และนักศึกษาในการต่อสู้กับการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของผู้ที่ถือไพ่อยู่ในมืออย่างมหาลัยใช้วิธีแบบเผด็จการตั้งตนเองเป็นศาสดาเทพโดยไม่ฟังเสียงเรียกร้องโดยตรงว่าพวกเขาต้องการอะไร ไม่มีมาตการรองรับว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน กระทั่งค่าชดเชยหรือสวัสดิการก็ไม่มีให้ อย่างมากก็ส่งตัวแทนมาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าการทำงานบ้านเราเป็นยังไง จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นที่มีความเหลื่อมล้ำอยู่แล้วในสังคมยิ่งเห็นภาพชัดถึงความแตกต่างเข้าไปอีก

- ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที นำเสนอได้น่าสนใจ ตื่นเต้นกับ Sound ในโทนไปทาง Thriller หน่อย ๆ ที่มาเป็นระยะแต่วางไว้ถูกจังหวะ แถมเดินเรื่องผ่านไปเร็วอยู่ ระหว่างทางมีวูบหลับเป็นระยะบ้าง ยังดีที่มีการใช้ภาพ Footage ประกอบเสริมอีกทีช่วยทำให้ตัวสารคดีมีความน่าเชื่อถือเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงจนปลูกตัวเองขึ้นมาดูอีกครั้งต่อจนจบ ตัดสลับกับโฟกัสภาพของการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พี่นก คนที่อาศัยและมีความผูกพันกับศาลมานาน , คุณเนติวิทย์ สมาชิกแกนนำนิสิตนักศึกษาชื่อดังและเป็นผู้ร่วม Producer เรื่องนี้ด้วย , คณะนักศึกษาและอาจารย์ในมหาลัย , นักวิชาการ รวมถึง นักการเมืองอย่างท่านชัชชาติ ที่โผล่ร่วมฉากมาไม่กี่วิ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่าย Action วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของมหาลัย และ ภาครัฐมากกว่าฝ่ายมหาลัยที่ออกมาโต้ตอบ กับ เหตุการณ์กำลังทำเรื่องรื้อถอนอย่างศาลเจ้าแม่ทับทิมและก่อสร้างตึกอาคารที่อยู่ใกล้ ๆ พร้อมกัน มีการยื่นหนังสือทำเรื่องระหว่างชุมชนกับมหาลัยขอยื้อเวลาออกไปชั่วคราว ในระหว่างรอเก้อนั้นก็ย้อนที่มาของการตั้งศาลและที่ดินว่ามาจากไหน ทำไมถึงอยู่ในการครอบครองของ ม .จุฬา ได้เพื่อให้ทราบถึงต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้นจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

- ในส่วน Timeline จะเริ่มต้นขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ปี 63 โดยทางสำนักงานจัดการทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคำสั่งให้ย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลืองออกจากพื้นที่เดิมเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยสำหรับโครงการพัฒนาที่ดิน พร้อมตั้งศาลไปอยู่ในที่ใหม่ อีกทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหาย 4.6 พันล้านบาทจากผู้ดูแลศาลเจ้าจนนำไปสู่การตั้งแฮชแท็ก #Saveศาลเจ้าแม่ทับทิม ใน Twitter ที่เป็นกระแส Social ขณะนั้นลากยากจนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังยื่นเรื่องส่งสำนวน ขึ้นโรงขึ้นศาลกันต่อไป

- บทสรุปเราคงทราบอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่บางอย่างก็ยังเคลือบแคลงใจอยู่ก็ไปค้นหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตกันเอง เพราะเวลาของหนังที่ให้มามีขนาดสั้นแน่นอนว่าไม่พอต่อการยัดข้อมูลมากมายอยู่แล้ว ตรงนี้เข้าใจดี แต่อย่างน้อยการสงสัยมันคือจุดประกายเล็ก ๆ ของการต่อสู้ เกิดการตื่นตัวของคน และ การตั้งคำถามกับสังคมมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ในโลกของทุนนิยมนี้ ซึ่งผมในฐานะคนดูจึงไม่เข้าใจความเป็นมาของสถานที่นี้อย่างถ่องแท้อะไรมากนัก ดูไว้เพื่อกรณีศึกษาว่าบ้านเมืองเรามันเกิดอะไรขึ้น ที่ดินตรงนี้มีเรื่องเล่าขานความเป็นมาอย่างไรทำไมศาลเจ้าถึงก่อตั้งขึ้นมา ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเราเราจะเลือกสยบยินยอมหรือเลือกต่อสู้เอา ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมาไม่เป็นที่คาดหวังสำหรับเราก็ตามว่าจะเก็บไว้ทำไม ? จะยื้อไว้เพื่ออะไร ? ในเมื่อท้ายที่สุดยังไงก็ต้องถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ในเมื่อเป็นของเขา เสียเวลาเปล่า ก็ใช่แต่คงไม่สำคัญไปกว่าคำถามที่ว่าระหว่างนั้นเราได้ทำอะไรไปบ้าง ? ตังหาก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.46 The Last Breath of Sam Yan : รวมพลังเฮือกสุดท้ายของชุมชน กับ การเหิมเกริมอันน่าสะพรึงของอำนาจรัฐ
- เขียนยากเหมือนกัน คือ ผมไม่รู้จัก ไม่เคยไปสถานที่แห่งนี้เลยบอกไม่ถูกว่าจะให้รู้สึกผูกพันมากแค่ไหนกับสถานที่แห่งนี้ ทำไมคนในชุมชนจึงออกมาปกป้องหวงแหนอะไรกับศาลขนาดนั้น แค่เขาย้ายจากที่เดิมไปอยู่ที่ใหม่แค่นั้น เพราะมองในแง่ของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน พวกเขากำลังถูกกดขี่จากการใช้อำนาจของเจ้าของที่แฝงด้วยปัจจัยหลายอย่างซ่อนอยู่ในปัญหานี้ที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ความผูกพันเชื่อมโยงกับความเชื่อ วิถีชีวิต การส่งต่อสืบทอด จนไปถึงเศรษฐกิจ ปากท้อง การบ้านการเมืองในระบบทุนนิยมอย่างเบ็ดเสร็จ จึงเป็นเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งสำคัญที่ยอมไม่ได้ ปล่อยผ่านไปไม่ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะดูไม่รู้เรื่องเลย เพราะมี Details จากข้อมูลข่าวสารหลายอย่างพอจะสืบค้นทีหลังหรือที่สัมผัสได้ไม่ยากก็คือการรวมพลังของคนตัวเล็ก ๆ เป็นกลุ่มทั้งผู้ใหญ่และนักศึกษาในการต่อสู้กับการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของผู้ที่ถือไพ่อยู่ในมืออย่างมหาลัยใช้วิธีแบบเผด็จการตั้งตนเองเป็นศาสดาเทพโดยไม่ฟังเสียงเรียกร้องโดยตรงว่าพวกเขาต้องการอะไร ไม่มีมาตการรองรับว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน กระทั่งค่าชดเชยหรือสวัสดิการก็ไม่มีให้ อย่างมากก็ส่งตัวแทนมาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าการทำงานบ้านเราเป็นยังไง จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นที่มีความเหลื่อมล้ำอยู่แล้วในสังคมยิ่งเห็นภาพชัดถึงความแตกต่างเข้าไปอีก
- ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที นำเสนอได้น่าสนใจ ตื่นเต้นกับ Sound ในโทนไปทาง Thriller หน่อย ๆ ที่มาเป็นระยะแต่วางไว้ถูกจังหวะ แถมเดินเรื่องผ่านไปเร็วอยู่ ระหว่างทางมีวูบหลับเป็นระยะบ้าง ยังดีที่มีการใช้ภาพ Footage ประกอบเสริมอีกทีช่วยทำให้ตัวสารคดีมีความน่าเชื่อถือเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงจนปลูกตัวเองขึ้นมาดูอีกครั้งต่อจนจบ ตัดสลับกับโฟกัสภาพของการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พี่นก คนที่อาศัยและมีความผูกพันกับศาลมานาน , คุณเนติวิทย์ สมาชิกแกนนำนิสิตนักศึกษาชื่อดังและเป็นผู้ร่วม Producer เรื่องนี้ด้วย , คณะนักศึกษาและอาจารย์ในมหาลัย , นักวิชาการ รวมถึง นักการเมืองอย่างท่านชัชชาติ ที่โผล่ร่วมฉากมาไม่กี่วิ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่าย Action วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของมหาลัย และ ภาครัฐมากกว่าฝ่ายมหาลัยที่ออกมาโต้ตอบ กับ เหตุการณ์กำลังทำเรื่องรื้อถอนอย่างศาลเจ้าแม่ทับทิมและก่อสร้างตึกอาคารที่อยู่ใกล้ ๆ พร้อมกัน มีการยื่นหนังสือทำเรื่องระหว่างชุมชนกับมหาลัยขอยื้อเวลาออกไปชั่วคราว ในระหว่างรอเก้อนั้นก็ย้อนที่มาของการตั้งศาลและที่ดินว่ามาจากไหน ทำไมถึงอยู่ในการครอบครองของ ม .จุฬา ได้เพื่อให้ทราบถึงต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้นจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
- ในส่วน Timeline จะเริ่มต้นขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ปี 63 โดยทางสำนักงานจัดการทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคำสั่งให้ย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลืองออกจากพื้นที่เดิมเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยสำหรับโครงการพัฒนาที่ดิน พร้อมตั้งศาลไปอยู่ในที่ใหม่ อีกทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหาย 4.6 พันล้านบาทจากผู้ดูแลศาลเจ้าจนนำไปสู่การตั้งแฮชแท็ก #Saveศาลเจ้าแม่ทับทิม ใน Twitter ที่เป็นกระแส Social ขณะนั้นลากยากจนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังยื่นเรื่องส่งสำนวน ขึ้นโรงขึ้นศาลกันต่อไป
- บทสรุปเราคงทราบอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่บางอย่างก็ยังเคลือบแคลงใจอยู่ก็ไปค้นหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตกันเอง เพราะเวลาของหนังที่ให้มามีขนาดสั้นแน่นอนว่าไม่พอต่อการยัดข้อมูลมากมายอยู่แล้ว ตรงนี้เข้าใจดี แต่อย่างน้อยการสงสัยมันคือจุดประกายเล็ก ๆ ของการต่อสู้ เกิดการตื่นตัวของคน และ การตั้งคำถามกับสังคมมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ในโลกของทุนนิยมนี้ ซึ่งผมในฐานะคนดูจึงไม่เข้าใจความเป็นมาของสถานที่นี้อย่างถ่องแท้อะไรมากนัก ดูไว้เพื่อกรณีศึกษาว่าบ้านเมืองเรามันเกิดอะไรขึ้น ที่ดินตรงนี้มีเรื่องเล่าขานความเป็นมาอย่างไรทำไมศาลเจ้าถึงก่อตั้งขึ้นมา ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเราเราจะเลือกสยบยินยอมหรือเลือกต่อสู้เอา ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมาไม่เป็นที่คาดหวังสำหรับเราก็ตามว่าจะเก็บไว้ทำไม ? จะยื้อไว้เพื่ออะไร ? ในเมื่อท้ายที่สุดยังไงก็ต้องถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ในเมื่อเป็นของเขา เสียเวลาเปล่า ก็ใช่แต่คงไม่สำคัญไปกว่าคำถามที่ว่าระหว่างนั้นเราได้ทำอะไรไปบ้าง ? ตังหาก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ ติดตามช่องทาง Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้